
สงกรานต์วันแรก!ยอดตายพุ่ง52เจ็บ431
12 เม.ย. 2559
ปภ.สรุปอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์วันแรก! มีผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย บาดเจ็บ 431 คน สาเหตุหลักขับเร็ว-เมาสุรา
12 เม.ย. 2559 ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน(ศปถ.) ประจำปี 2559 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เมษายน 2559 เกิดอุบัติเหตุ 387 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 52 ราย ผู้บาดเจ็บ 431 คน กำชับจังหวัดจัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจ ดูแลเข้มข้น เส้นทางสายหลัก เน้นบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการขับรถเร็วและการดื่มแล้วขับ พร้อมตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะ ทุกประเภทให้มีความปลอดภัย ย้ำตำรวจภูธรจังหวัดดำเนินการตามคำสั่ง คสช. 46/2558 มาตรการ “เมา จับ ยึด” อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง พร้อมแนะผู้ขับขี่ไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นไปด้วยความปลอดภัย
พลตำรวจโท อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2559 กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนประจำปี 2559 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เมษายน 2559 เป็นวันแรกของการรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างวินัยจราจร” ได้เกิดอุบัติเหตุ 387 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 52 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 431 คน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 36.69 เมาสุรา ร้อยละ 26.87 โดยยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.60 รองลงมา รถปิคอัพ ร้อยละ 10.20 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 62.53 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 43.67 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.56 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 28.94 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 56.93 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,129 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,440 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 528,903 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 84,727 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 25,651 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 23,354 ราย สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 19 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ปราจีนบุรี 6 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี 23 คน
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันนี้12 เม.ย.59 เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ประชาชน ส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว คาดว่า ถนนสายหลักโดยเฉพาะเส้นทางขาออกจากกรุงเทพฯ มุ่งสู่ภูมิภาคต่างๆ จะมีปริมาณรถหนาแน่น ศปถ.จึงเน้นย้ำให้จังหวัดกำชับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัครจัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจบนเส้นทางสายหลัก เส้นทางเลี่ยง และเส้นทางลัด พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เน้นกวดขันการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทให้มีความปลอดภัย กวดขันพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะและรถตู้โดยสารต้องมีความพร้อมในการขับรถ ระดับแอลกอฮอล์เป็น “ศูนย์” ทั้งนี้ได้กำชับให้ควบคุมการใช้ความเร็วของรถโดยสารเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุใหญ่ ที่สำคัญ ได้เน้นย้ำให้เพิ่มความเข้มข้นในการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะประจำทางและไม่ประจำทาง รถตู้ รถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสาร และรถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ โดยประสานกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ที่ 46/2558 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2558 มาตรการ“เมา จับ ยึด” อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ตลอดจนดูแลทุกการเดินทางของประชาชนให้มีความปลอดภัย
ด้านนายชยพล ธิติศักดิ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเสริมว่า ส่วนใหญ่สถิติอุบัติเหตุทางถนนในวันที่ 11 เมษายนของทุกปี มักเกิดบนถนนสายหลักและสายรองในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยมีสาเหตุจากการขับรถเร็วและความประมาท กระทรวงมหาดไทยจึงได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลสถิติอุบัติเหตุในพื้นที่มาวิเคราะห์และกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่ เข้มงวดการเรียกตรวจผู้ขับที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ พร้อมทั้งประสานหน่วยทหารในพื้นที่จัดกำลังพลสนับสนุนการปฏิบัติงานในจุดตรวจรองและด่านชุมชน เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการอำนวยการจราจรและสร้างความปลอดภัยทางถนนในทุกพื้นที่
ขณะที่นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 เม.ย.59) เป็นวันมหาสงกรานต์ ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงภูมิลำเนา ท่องเที่ยว และเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ในพื้นที่แล้ว ศปถ.จึงได้กำชับให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนิน 5 มาตรการหลัก และคำสั่ง คสช. โดยเฉพาะการดำเนินมาตรการ “1 ชุมชน 1 หมู่บ้าน 1 ด่านตรวจ” เน้นการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางและการเล่นน้ำของประชาชน จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจและด่านชุมชนเพื่อดูแลพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์และบริเวณโดยรอบให้ปลอดภัย และปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงส่งเสริมการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างประหยัด ตามประเพณี พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร สนธิกำลังดูแลเส้นทางสายรอง เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตำบล หมู่บ้านเป็นพิเศษ โดยใช้มาตรการทางสังคมและชุมชน เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับและขับรถเร็ว สำหรับประชาชนที่เดินทางในวันนี้ ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ ขับรถด้วยความไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด มีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ เร็ว เมา โทร ง่วงไม่ขับ เพื่อให้การเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นไปด้วยความปลอดภัย
คสช.สรุป 3 วัน ตรวจพบดื่มแล้วขับ 3,085 ราย ยึดรถแล้ว 75 คัน
12 เม.ย.59 พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวถึง การเดินทางสัญจรกลับภูมิลำเนาของประชาชน เพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลสงกรานต์ยังคงมีต่อเนื่อง โดยพบว่าการจราจรหนาแน่นและติดขัดในเส้นทางหลัก อาทิ ถนนมิตรภาพ , เพชรเกษม , พหลโยธิน ขณะที่เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ร่วมกันปฏิบัติงานดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนตามจุดตรวจและจุดบริการประชาชนตลอดเวลา และเข้มงวดในมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ที่ คสช.และรัฐบาลกำหนดเพื่อสร้างความปลอดภัยในการสัญจรให้ประชาชนเฉลิมฉลองอย่างมีความสุข จึงขอให้ประชาชนและผู้ใช้เส้นทางได้ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า สำหรับสถิติตามมาตรการดื่มไม่ขับ จับยึดรถ ในวันที่ 11 เม.ย.59 เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับ จำนวน 1,345 ราย แยกเป็น ในส่วน รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 875 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถจักรยานยนต์ไว้ 38 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 648 คน สำหรับรถโดยสารสาธารณและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 470 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 81 คน ยึดรถยนต์ 9 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 416 คน
โดยสรุป 3 วัน (9-11 เม .ย 59) เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับ จำนวน 3,085 ราย ส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 1,994 ราย ยึดใบอนุญาติขับขี่ 255 ราย และ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้ 75 คัน ( รถจักรยานยนต์ 63 คัน รถยนต์ 12 คัน ) ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่เก็บรักษารถที่ยึดไว้เป็นอย่างดี โดยเจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับคืนได้หลังเทศกาลหากไม่ติดข้อกำหนดทางคดี