
คดีแม่ประนอมไม่จบ!ปมหุ้น-หนี้20ล.
11 เม.ย. 2559
ทนาย 'แม่ประนอม' เผยยังไม่ได้ข้อยุติคืนหุ้นบริษัทน้ำพริกเผา-เงิน 20 ล้าน ส่วนเรื่องอื่นลูกสาวยอมตามข้อตกลงแล้ว ศาลให้ 2 ฝ่ายไปไกล่เกลี่ย นัดแจ้งผลภายใน 30 พ.ค.
11 เม.ย. 59 ความคืบหน้ากรณีนางประนอม แดงสุภา อายุ 87 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ได้ร้องทุกข์ต่อศูนย์บริการประชาชนขอความเป็นธรรมช่วยเหลือจากเหตุลูกสาวคนโตและลูกเขยฮุบกิจการ และปลอมเอกสารโอนที่ดินมรดกไปเป็นของตัวเอง จนกระทั่ง ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคนกลางอาสาไกล่เกลี่ย โดยลูกสาวพร้อมคืนสมบัติให้ แต่ยังไม่มีการถอนฟ้องคดีจนกว่าจะทำตามข้อตกลงได้นั้น
ล่าสุด เมื่อวันนี้ (11 เม.ย.) นายพิสิทธิ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความของนางประนอม ได้ไปที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในคดีแพ่งที่นางประนอม และ น.ส.ศิริวัลย์ ลูกสาวคนรอง ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางศิริพร บุตรสาวคนโต และนายสุชาติ ภาษาประเทศ สามีของนางศิริพร เป็นจำเลยที่ 1 - 2 ในความผิดเรื่องเพิกถอนนิติกรรมถือกรรมสิทธิ์แทนโดยเรียกคืนทรัพย์และเรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์รวม 561,950,000 บาท
นายพิสิทธิ์ เปิดเผยภายหลังว่า ได้มีการไกล่เกลี่ยกับทนายความของนางศิริพร โดยทิศทางของคดีส่วนใหญ่มีข้อสรุปที่ตรงกันว่า จะยุติการฟ้องร้อง โดยจะทำสัญญาประนีประนอมต่อกัน แต่ก็มีบางเรื่องที่มีข้อยุติที่ไม่ตรงกัน ในส่วนที่มีข้อยุติตรงกันคือ นางศิริพรจะคืนที่ดินในหมู่บ้านเศรษฐกิจ รวมถึงที่ดินที่ จ.ขอนแก่น และที่ดินที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ให้นางประนอม และเรื่องเงินเดือนที่ตกลงกันว่านางศิริพรจะต้องให้นางประนอมทุกเดือน เดือนละ 1 ล้านบาท จะให้ตามที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้
สำหรับข้อยุติที่ไม่ตรงกัน คือ การโอนหุ้น 18,200 หุ้นของบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด คืนให้นางปะนอม รวมถึงการมอบเงินจำนวน 20 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้หนี้แทนนางประนอมที่ไปหยิบยืมเงินมาเพื่อซื้อที่ดิน 1 ไร่ เพื่อสร้างร้านอาหารพีเอส เรสเตอรองต์ ตั้งอยู่ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ทั้งนี้ ศาลจังหวัดตลิ่งชันได้ให้ทนายทั้ง 2 ฝ่ายไปไกล่เกลี่ยและหาทางยุติกันเองในคดีดังกล่าว และต้องมาแจ้งผลให้ศาลรับทราบภายในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาคดีของศาลจังหวัดตลิ่งชัน นางประนอม และนางศิริพร ไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความทั้ง 2 ฝ่ายดำเนินการแทน โดยนายพิสิษฐ์ ทนายความของนางประนอม แถลงต่อศาลว่า โจทก์ที่ 1 ต้องการทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลก่อน จึงจะถอนฟ้อง และยังมีทรัพย์บางรายการที่ต้องการเจรจากับจำเลย ได้แก่ หุ้นที่บริษัทจำนวน 18,200 หุ้น และหนี้สินที่นางประนอมกู้มาเปิดร้านอาหาร 20 ล้านบาท ขณะที่นายทวิชา หวังโภคา ทนายความของนางศิริพร แถลงว่า การเจรจาครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีเงื่อนไขในส่วนนี้ แต่จะนำไปหารือกับนางศิริพรก่อน จากนั้นศาลนัดหมายอีกครั้งในวันที่ 30 พฤษภาคม
นายทวิชา ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้นำโฉนดที่ดินมาแสดงต่อศาลด้วย เพื่อให้เห็นว่าพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนทรัพย์เกี่ยวกับที่ดินกว่า 10 แปลง ที่นางศิริพรได้ซื้อมาขณะที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ และจะเสนอเงินเดือนให้นางประนอมไว้ใช้จ่ายอีกเดือนละ 1 ล้านบาท ซึ่งข้อตกลงนี้ไม่เกี่ยวกับหุ้นของบริษัทและหนี้สินอีก 20 ล้านบาท บุคคลที่นำเรื่องนี้ไปพูดเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในการไกล่เกลี่ยที่วังวรดิศ และเท่าที่เห็นในบันทึกข้อตกลงก็มีเพียงที่ดินและเงินเดือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นางประนอมต้องการหุ้นบริษัทคืน และให้นางศิริพรชดใช้หนี้ 20 ล้านบาท จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายทวิชา ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ได้ยืนยันกับศาลว่าการตกลงในครั้งก่อนไม่มีเงื่อนไขนี้ มีเพียงที่ดินเท่านั้น ซึ่งศาลเห็นว่ายังมีข้อเสนอเพิ่มเติมบางส่วนของโจทก์จึงให้คู่ความกลับไปคุยกันก่อนและนัดอีกครั้ง หากตกลงกันได้ก็ให้ทำบันทึกและโอนโฉนดที่ดินได้ทันที แต่หากยังพูดคุยไม่ลงตัวก็ให้นัดอีกครั้งและกำชับให้นำคู่ความมาศาลด้วย
ด้านนายพิสิษฐ์ ชี้แจงว่า วันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา ที่วังวรดิศ นางประนอมได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเจรจาว่าลูกสาวจะคืนหุ้นให้ แต่ที่ทนายความจำเลยอ้างว่าไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขการเจรจานั้น เข้าใจว่าอาจเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างแม่และลูก เพราะในวันนั้นรายละเอียดที่คุยค่อนข้างเยอะ ทางศาลจึงให้ทนายความประสานคู่ความเจรจากันว่าส่วนไหนสามารถยืดหยุ่นกันได้บ้าง ในฝ่ายตนหากนางประนอมพึงพอใจในส่วนไหนก็จะทำตามความต้องการ ทนายความจะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องตัวทรัพย์ แต่จากวันนี้ทิศทางเป็นไปด้วยดี หากตกลงกันได้ในเรื่องนี้ก็จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันที่ศาลและจะถอนฟ้องทั้งสองคดีต่อไป
นายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับ น.ส.ศิริวัลย์ ลูกสาวคนรอง ในฐานะโจทก์ที่ 2 ศาลก็ให้ไปเจรจากับฝ่ายจำเลยด้วย หากยุติเรื่องได้ทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ดี หลังจากนี้จะกลับไปคุยกับลูกความในเรื่องทรัพย์ที่ตกลงกันได้แล้ว ซึ่งเหลือเพียงรายละเอียดเล็กน้อย แม่ลูกน่าจะคุยกันได้