ข่าว

ผู้อำนวยการซลาตันพูดเยี่ยงดาวบุคลิกดั่งสตาร์ท่าทางราวศิลปิน

ผู้อำนวยการซลาตันพูดเยี่ยงดาวบุคลิกดั่งสตาร์ท่าทางราวศิลปิน

11 เม.ย. 2559

ผู้อำนวยการซลาตัน พูดเยี่ยงดาว บุคลิกดั่งสตาร์ ท่าทางราวศิลปิน : บายไลน์ : พันโชค ธัญญเจริญ [email protected]

 
       ไม่ว่าใครก็ไม่รวยพอจะซื้ออดีตกลับคืนมา นั่นคือคำกล่าวของ ออสการ์ ไวลด์ นักเขียนนามอุโฆษ ทว่า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นักฟุตบอลวัย 34 ปี นำมาอธิบายความถึงตัวเอง ระหว่างการสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวกับ “อีเอสพีเอ็น” สื่อชื่อดังของ สหรัฐอเมริกา จนสื่อดังกล่าวนำไปโฆษณาต่อว่า ซลาตัน พูดอย่างกับดาราภาพยนตร์ มีบุคลิกเหมือนดาราภาพยนตร์ และแสดงตัวเหมือนดาราภาพยนตร์
 
       เนื่องจากซลาตัน กองหน้า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ผู้นี้ กำลังมีโครงการนำเรื่องราวของตัวเองถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์บันเทิง ไม่ใช่ภาพยนตร์สารคดีแบบที่เคยเป็นมา
 
       เพราะว่ากันว่านักฟุตบอลที่ยังคงเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ ซลาตัน มีผลงานของตัวเอง หรือภาพยนตร์สารคดีที่เกี่ยวกับตัวเขาแล้วถึง 22 เรื่อง ทั้งที่ออกฉายทางโทรทัศน์ หรือผลิตเพื่อจำหน่ายเป็นแผ่นดีวีดี รวมถึงภาพยนตร์สารคดีที่ได้รับเกียรติฉายในโรงภาพยนตร์อาร์ทเฮาส์ ต่างๆ
 
       สำหรับภาพยนตร์ของซลาตัน ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้น เชื่อกันว่าผู้กำกับภาพยนตร์จะเป็นหนึ่งในก๊วนของ แดนนี บอยล์ ผู้กำกับชั้นนำจากฝั่ง สหราชอาณาจักร บวกกับผู้กำกับหนังใต้ดินของ สวีเดน
 
       ซึ่งซลาตัน กล่าวว่า แม้จะใช้ผู้กำกับมือดี แต่ทุกๆ สิ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่เขาอยากให้เป็น อยากให้ทำ และอยากให้เห็น
 
       ซึ่งซลาตัน ชายหนุ่มซึ่งเกิดที่เมือง มัลโม ประเทศสวีเดน กล่าวว่าเขาไม่ได้เรื่องมาก เรื่องเยอะ คล้ายกับพวก “ฮอลลีวูด หลายคน แต่ที่เขาต้องเน้นเพราะภาพยนตร์ที่ใช้เรื่องจริงจากชีวิตนักฟุตบอลส่วนใหญ่ถ้าไม่เค้นอารมณ์ให้ซึ้ง ก็ต้องโหมให้ยิ่งใหญ่เข้าไว้ แต่ตัวจริงเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น และไม่ต้องการโกหก หรือสร้างภาพใดๆ ทั้งสิ้น
 
       เพราะแรกเป็นนักฟุตบอลอาชีพ สโมสรฟุตบอลก็ต้องเสี่ยงกับเขาเหมือนกัน แต่เขามีดีพอที่จะไม่ทำให้การเซ็นสัญญากับเขาเป็นการเสี่ยงเหมือนเล่นการพนัน
 
       ก่อนหน้านี้เขาเคยมีภาพยนตร์ที่ใช้ชีวิตส่วนตัวของเขาช่วงหนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้นถึง 2 เรื่อง แต่นั่นไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เขาเป็นหนึ่งในทีมผู้สร้าง การให้รายละเอียด การเน้นถึงประเด็นในเหตุการณ์ จึงเป็นแบบที่ผู้กำกับอยากให้เป็น ไม่ใช่เขาอยากให้เป็น
 
       ส่วนแง่มุมที่เขาบริจาคเงินช่วยการกุศลอะไรบ้างและเป็นเงินเท่าไร ก็จะไม่มีให้เห็นในภาพยนตร์ เนื่องจากเขาไม่ต้องการมาโฆษณาตัวเอง
 
       เพราะซลาตันต้องการให้อารมณ์ภาพยนตร์ของเขาออกมาเหมือนกับ “แรมโบ” ภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญ แบบระเบิดภูเขา เผากระท่อม และมีหลายภาคต่อ จนผู้คนกล่าวขานว่าเป็น อิบรา-คา-ดา-บรา 1 ถึง 10 อย่างไรอย่างนั้น คือโดยส่วนตัวซลาตัน ชอบอารมณ์ในภาพยนตร์ยุค 80 เป็นหลัก
 
       นอกจากนั้นเพลงประกอบจะออกมาในแนว ยูโรแดนซ์ ที่มักนำไปใช้เชียร์ฟุตบอลในทวีปยุโรป อาทิ “เซเวน เนชัน อาร์มี” ของ ไวท์ สไตรป์ส ซึ่งถูกนำไปมิกซ์ใหม่ออกมาเป็นแนวแดนซ์ โดยเฉพาะท่อนริฟฟ์กีตาร์ ที่ถูกนำไปร้องว่า “โปโปโป๊โปโปโป่ โปโปโป๊โปโปโป่” หรือดัดแปลงเป็นเนื้อเพลงสั้นๆ ในท่อนดังกล่าว เนื่องจากซลาตัน ชอบเพลงนี้มาก และถือเป็นเชียร์บอลที่จัดว่าคลาสสิกที่สุดในยุคสมัยของเขา
 
       สำหรับเหตุผลที่ซลาตัน มาเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ของตัวเอง เขาให้เหตุผลว่า ลงมือทำในสิ่งที่คุณต้องการจะทำเสียแต่ตอนนี้ เราไม่ได้มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ ชีวิตที่เรามีเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง เพราะไม่ว่าใครก็ไม่รวยพอจะซื้ออดีตกลับคืนมา