ข่าว

ซ้อมพลทหารดับต้องรับโทษสูงสุด

ซ้อมพลทหารดับต้องรับโทษสูงสุด

09 เม.ย. 2559

เผาแล้วศพ 'พลทหาร' ถูกซ้อมตาย แม่เผยอโหสิกรรมให้ เพื่อลูกไปภพภูมิที่ดี 'เสธ.โมทย์' แจงทหาร 7 นายที่ร่วมลงโทษต้องได้รับโทษสูงสุด

 
                    9 เม.ย. 59  จากกรณีพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด อายุ 23 ปี พลทหารสังกัด ร้อย.ร.152 พัน.1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ถูกทำโทษโดยการทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ก่อนที่จะเสียชีวิต ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เมษายน บิดามารดาและญาติของทหารทั้ง 7 นาย ที่ร่วมกันลงมือก่อเหตุ ซึ่งประกอบด้วยนายทหารสัญญาบัตร 1 นาย และชั้นประทวน 6 นาย เข้าเคารพศพพลทหารทรงธรรม และขอขมาพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต
 
                    ล่าสุด ที่วัดคงคาวดี หรือวัดเสาเภา ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช  พ.อ.อุทิศ อนันตนานนท์ ผบ.ร.152 เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพพลทหารทรงธรรม โดยบรรยากาศภายในวัดเป็นไปอย่างโศกเศร้า มีพ่อแม่และญาติพี่น้อง รวมถึงชาวบ้านและบรรดาพลทหารจากค่ายพยัคฆ์ มาร่วมพิธีจำนวนมาก โดยได้มีการตั้งกองทหารเกียรติยศ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติ หลังจากได้มีพิธีทอดผ้าบังสุกุลและวางดอกไม้จันทน์หน้าหีบศพ
 
                    ทั้งนี้ พ.อ.อุทิศ ประธานในพิธี ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง
 
                    นางจิตรา ช่อมณี มารดาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ขออโหสิกรรมให้แก่ผู้ที่กระทำต่อบุตรชาย เพื่อให้บุญกุศลได้ส่งให้บุตรชายไปสู่ภพภูมิที่ดี วันนี้ (9 เม.ย.) ได้เผาศพลูกและขอให้ทุกอย่างเลิกแล้วต่อกัน หลังจากที่พ่อแม่ของผู้กระทำผิดได้มาขอขมา ก็ถือว่าพอใจแล้ว และอยากจะวิงวอนและเรียกร้องว่า ขอให้บุตรชายตนเป็นรายสุดท้าย สำหรับกรณีเช่นนี้ เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครกล้าจะเป็นทหาร ส่วนเรื่องคดีความขอให้ตำรวจบันนังสตา ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อลูกชายด้วย
 
                    วันเดียวกัน พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 5 และอดีตโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีที่มีนายทหารร่วมกันลงโทษปรับปรุงวินัยพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด สังกัด ร.152 พัน.1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสะตา จ.ยะลา จนเสียชีวิตว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีนายทหารที่ร่วมกันกระทำผิดทั้งหมด 7 นาย แบ่งเป็นนายทหารชั้นนายสิบ 6 นาย และนายทหารชั้นสัญญาบัตรยศร้อยตรี 1 นาย ซึ่งทั้งหมดถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี แล้ว โดยนายสิบถูกคุมขังเป็นเวลา 45 วัน ส่วนนายทหารสัญญาบัตรถูกคุมขัง 30 วัน
 
                    ทั้งนี้ ทราบว่ามีนายทหาร 1 นาย ที่ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวพลทหารทรงธรรม สำหรับสาเหตุที่ต้องปรับปรุงวินัยพลทหารทรงธรรม และพลทหารฉัตรพิศุทธ์ ชุมพันธ์ สังกัด ร.152 พัน.1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสะตา จ.ยะลา เพื่อนของพลทหารทรงธรรมอีกคนนั้น ขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบ ส่วนที่มีกระแสข่าวเรื่องยาเสพติดและมีการลักขโมยเงินนั้น พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการให้ต้นสังกัดเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ยังเป็นกระแสข่าว ยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีความนั้นมีหลายขั้นตอนทั้งอาญาทางทหารและอาญาบ้านเมือง ขอให้ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะคนที่กระทำความผิดจะต้องได้รับการลงโทษขั้นสูงสุดอย่างแน่นอน ซึ่งการลงโทษคุมขังนายทหารเหล่านั้นเป็นเพียงชั้นต้นจากการสอบสวนเท่านั้น
 
                    พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับพลทหารฉัตรพิศุทธ์ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปรับปรุงวินัย ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีอาการปลอดภัยแล้ว และหลังจากได้รับการรักษาหายเป็นปกติ จะกลับมาทำหน้าที่เป็นพลทหารตามเดิม
 
                    พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทหารที่ลงโทษทหารกองประจำการด้วยการทำร้ายร่างกายนั้น เป็นความผิดชัดเจนของผู้กระทำและต้องได้รับการลงโทษสถานหนัก เพราะถือเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้ รวมทั้งขัดระเบียบและนโยบายของผู้บังคับบัญชา ที่ต้องการให้ครูฝึกส่งเสริม ความรักความสามัคคี วินัยที่จริงจังแก่ทหารกองประจำการ โดยลงโทษได้ตามเหตุและผล ทางวินัย ซึ่งมีระเบียบหลักเกณฑ์อยู่แล้ว แต่มิใช่ด้วยการทำร้าย ซึ่งมีความแตกต่างกัน