ข่าว

มือที่มองไม่เห็น ผู้อยู่เบื้องหลังปานามาลีกส์

มือที่มองไม่เห็น ผู้อยู่เบื้องหลังปานามาลีกส์

10 เม.ย. 2559

เปิดโลกวันอาทิตย์ : มือที่มองไม่เห็น ผู้อยู่เบื้องหลังปานามาลีกส์ : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

 
                    พร้อมๆ ไปกับการตรวจสอบบรรดาผู้มีรายชื่อในเอกสารลับปานามาว่ามีใครบ้าง ก็คือการพยายามเจาะหาไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังการปล่อยข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สามารถเขย่าโลกให้สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นได้ รวมไปถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังแท้จริงของการเลือกปล่อยข้อมูลบางส่วนจนเหมือนกับจงใจมุ่งหวังผลทางการเมืองมากกว่าการกระชากหน้ากากแท้จริงของบรรดาลูกค้าสำคัญของสำนักงานที่ปรึกษาทางกฎหมายมอสแซก ฟอนเซกา ในปานามา ซึ่งส่วนหนึ่งมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ใช้บริการสำนักงานที่ปรึกษาแห่งนี้ในการฟอกเงินและเลี่ยงภาษี
 
                    เว็บไซต์หลายเว็บไซต์ให้ข้อสังเกตว่า เมื่อเทียบกับเอกสารลับสุดยอดที่ถูกนำมาเปิดโปงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะวิกิลีกส์และและปริซึมลีกส์ ซึ่งต่างเป็นข่าวพาดหัวยักษ์ตามสื่อทั่วโลก ดูเหมือนว่าปริซึมลีกส์ของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ผู้นำเอกสารลับสุดยอดของ 3 หน่วยข่าวกรองหลัก ทั้งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เอฟบีไอ และซีไอเอ มาตีแผ่เมื่อกลางปี 2556 ค่อนข้างน่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะกล้าทำกล้ารับกล้าเปิดเผยตัวตนว่าเป็นคนเป่านกหวีดหรือเปิดโปงความลับนี้ ขณะที่เว็บไซต์วิกิลีกส์ที่ปล่อยข้อมูลลับจากโทรเลขลับของสถานทูตอเมริกันทั่วโลกที่รายงานกลับไปยังกระทรวงต่างประเทศในกรุงวอชิงตันมาเปิดเผยแบบดิบๆ เมื่อปี 2549 ก็น่าเชื่อถือมากกว่าปานามาลีกส์หรือเอกสารลับปานามา อย่างน้อยก็บอกว่าเป็นของจูเลียน อัสซานจ์
 
                    และแม้ว่าจุดประสงค์ของการเปิดเผยเอกสารลับเหล่านั้นค่อนข้างคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือมีเจตนาบริสุทธิ์ต้องการให้ประชาชนทั่วโลกรับรู้ว่ารัฐบาลได้หลอกลวงประชาชนเช่นใด หรือตีแผ่พฤติกรรมเลี่ยงกฎหมายของบรรดาคนขี้ฉ้อที่ว่ามีวิธีการแยบยลเพียงใดในการฟอกเงินหรือเลี่ยงภาษี แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารลับปานามาที่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์จากเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนนานาชาติ (ไอซีไอเจ) ที่มีเครือข่ายนักข่าวราว 400 คน จากกว่าร้อยกว่าสำนักใน 80 ประเทศ รวมไปถึงพันธมิตรสื่ออื่นๆ อย่างการ์เดียน และบีบีซีของอังกฤษ เอล คอนฟิเดนเชียลของสเปน เลอ มงด์ของฝรั่งเศส ฟอล์เตอร์และโออาร์เอฟของออสเตรีย มาก่อน ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมืองของคนบางกลุ่มหรือบางองค์กรที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์บางอย่างในการทยอยปล่อยเอกสารลับขนาดมหึมาเป็นประวัติการณ์และสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วปฐพีราวแผ่นดินไหวระดับ 9 จนเกิดคลื่นยักษ์หรือสึนามิกระจายเป็นวงกว้าง
 
                    ไม่มีใครประหลาดใจหรือสงสัยในถ้อยแถลงของหนังสือพิมพ์ซูดดอยช์ของเยอรมัน ซึ่งได้รับเอกสารลับปานามาเป็นฉบับแรกเมื่อกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่อ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของแหล่งข่าวลับสุด ผู้ใช้นามแฝงว่าจอห์น โด ที่ไม่เรียกร้องเงินทองหรืออะไรทั้งสิ้นขณะเขียนเมลฉบับหนึ่งถึงนักข่าว 2 คนของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ถามว่าสนใจในเอกสารลับสุดยอดหรือไม่ โดยขอเงื่อนไขข้อเดียวเท่านั้นก็คือ ขอให้ปิดลับตัวตนแท้จริง ซูดดอยช์จะต้องไม่พยายามติดต่อขอพบตัว การติดต่อทุกครั้งจะผ่านการแชทที่ต้องใช้รหัสผ่าน และห้ามบอกเงื่อนงำอะไรที่สามารถสาวไปจนถึงตัวตนแท้จริงของจอห์น โด ได้ในภายหลัง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว
 
                    ซูดดอยช์เปิดเผยว่า ทันทีที่เห็นไฟล์ชุดแรกก็รู้แล้วแหล่งข่าวต้องเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตมากเพียงไหนและทำไมต้องตั้งเงื่อนไขลับสุดยอดนี้ เพราะชื่อเหล่านั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและการเงินที่กระจัดกระจายไปทั่วโลก รวมไปถึงผู้นำเผด็จการ ผู้นำประชาธิปไตย โดยเฉพาะมีชื่อของสมเด็จพระราชาธิบดีและมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียรวมอยู่ด้วย เช่นเดียวกับชื่อของอาชญากรสงครามและผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลาง ราชายาเสพติดในเม็กซิโก กัวเตมาลา และยุโรปตะวันออก อิหร่านและเกาหลีเหนือที่ถูกตราหน้าว่าพยายามพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ พ่อค้าอาวุธในแอฟริกาใต้มาเฟียชื่อดังอย่าง ยากูซ่า มาเฟียซิซิลี มาเฟียรัสเซีย พ่อค้าอาวุธ นักธุรกิจชื่อดัง ดาราชื่อดัง ไฮโซ องค์การกีฬา ผู้นำและอดีตผู้นำ รวมทั้งญาติสนิทมิตรสหาย ฯลฯ
 
                    แต่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ข้อสังเกตมีอยู่ 2-3 ประเด็น ประเด็นแรกก็คือ แฟ้มลับปานามานี้ผ่านกระบวนการสังเคราะห์จากองค์กรสื่อตะวันตกมาก่อนหน้า จึงอาจจะถูกสื่อตะวันตกบางสื่อหรือบางองค์กรใช้เป็นเครื่องมือในเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ที่เห็นได้ชัดก็คือ การไม่มีชื่อของชาวอเมริกันหรือบริษัทนอกอาณาเขตของสหรัฐปรากฏชื่ออยู่ในข่าวที่เผยแพร่ในช่วงนี้แม้แต่น้อย ข้อที่น่าคิดและน่าติดตามอีกประการหนึ่งก็คือ เหตุใดในช่วงแรกสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ทั้งซีเอ็นเอ็น ฟอกซ์นิวส์ นิวยอร์กไทม์ส ฯลฯ พร้อมใจกันยอมตกข่าวนี้ หรือลดระดับความสำคัญเป็นเพียงข่าวเล็กๆ ซ่อนอยู่ในหน้าในเท่านั้น หลายคนถึงกับให้ความเห็นว่า อาจเป็นไปได้ที่ จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงิน อาจอยู่เบื้องหลังก็ได้
 
                    ในรายงานลับของ McClatchy reports เปิดเผยว่า นักวิเคราะห์คนหนึ่งของไอซีไอเจได้ตรวจพบว่ามีคนที่ถือพาสปอร์ตอเมริกันอย่างน้อย 200 คน มีชื่ออยู่ในเอกสารลับสุดยอดนี้ หลายคนในจำนวนนี้ถูกทางการกล่าวหาหรือถูกศาลตัดสินว่าทำผิดในฐานะอาชญากรทางการเงินในคดีการเงินอย่างน้อย 4 คดี ผลการตรวจสอบของแม็คแคล็ตชียังพบว่า มีบริษัทนอกอาณาเขตอย่างน้อย 3,100 บริษัท เกี่ยวข้องกับชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ในชื่อของผู้ถือหุ้นในบริษัทนอกอาณาเขตอีกราว 3,500 แห่ง มีที่อยู่ในสหรัฐ
 
                    สุดท้ายชื่อเหล่านี้กลับหลุดหายไปทั้งยวงจากเนื้อข่าวที่กำลังเผยแพร่อย่างน่าชวนฉงนใจไม่ใช่น้อย ในตอนท้ายของแม็คแคล็ตชียอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะระบุจำนวนที่แน่นอนว่ามีชาวอเมริกันกี่คนกันแน่ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เนื่องจากอาจจะมีบางคนถือสองสัญชาติ และสื่อก็เลือกที่จะเปิดเผยสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่ชาวอเมริกัน
 
                    ด้านสื่อออสเตรเลียได้เจาะลึกหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าจริงๆ แล้วยังมีชาวออสเตรเลียอีกหลายร้อยคนรวมไปถึงบริษัทที่ปรึกษากฎหมายชื่อดังของออสเตรเลียอีกหลายสิบแห่ง ธนาคาร นักบัญชีและบริษัทยักษ์ใหญ่อีกไม่น้อยมีชื่อในปานามาลีกส์ แต่ชื่อกลับหลุดหายไป
 
                    คำถามก็คือ เหตุใดชื่อของชาวอเมริกันหรือบริษัทจึงหลุดหายไปทั้งพวง มีมือลึกลับของใครอยู่เบื้องหลังการลบชื่อคนและบริษัทอเมริกันเหล่านี้ และด้วยเหตุผลอันใด
 
                    เครือข่ายความยุติธรรมด้านภาษีของออสเตรเลียให้ความเห็นว่า ที่ต้องสนใจเรื่องเหล่านี้ เพราะว่ามีการเลี่ยงภาษีผ่านบัญชีลับของบริษัทนอกอาณาเขต 50 แห่ง มากถึง 21-32 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลทั่วโลกต้องสูญเสียรายได้จากภาษีราว 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นเงินก้อนมหาศาลที่สามารถนำไปแก้ไขปัญหาระดับโลกได้มากมาย อาทิ การฉีดวัคซีนให้แก่เด็กทั่วโลก หรือแก้ปัญหาโลกร้อนที่กำลังส่งผลต่อมนุษยชาติหนักหน่วงขึ้นในทุกวันนี้
 
                    ข้อสังเกตข้อที่ 2 ที่น่าสนใจพอกันก็คือ เห็นได้ชัดว่า การนำเสนอข่าวปานามาลีกส์ในช่วงนี้ถูกบิดเบือนประเด็นออกไปกลายเป็นมุ่งหวังผลทางการเมือง หรือพูดตรงๆ ก็คือ ต้องการบ่อนเซาะสถานภาพของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแห่งแดนมังกรจีน เป็นหลัก ทั้งๆ ที่ไม่มีชื่อว่าเกี่ยวข้องโดยตรง แต่สื่อตะวันตกก็พยายามโยงใยทุกเรื่องให้เข้ามาเกี่ยวข้องจนได้ ในฐานะมีญาติพี่น้องและคนสนิทปนอยู่ด้วย แล้วอ้างลอยๆ จนทำให้เข้าใจผิดถึงขนาดพาดหัวว่า "ขบวนการฟอกเงินของปูติน” เป็นต้น
 
                    ส่วนที่มีชื่อของผู้นำตะวันตกบางประเทศอย่างอังกฤษและไอซ์แลนด์เข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้สังเกตการณ์หลายคนชี้ว่า ถือว่าเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ที่หยิบยกมาเปรียบเทียบกับปูติน และสี จิ้นผิง เท่านั้น
 
                    คำถามที่สองก็คือเป็นเรื่องของการสมคบคิดใช่หรือไม่
 
                    ข้อน่าสังเกตอีกข้อหนึ่งก็คือ เห็นได้ชัดว่ามีการจงใจให้ข้อมูลผิดๆ อาทิการพาดหัวว่าจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของบริษัทนอกอาณาเขตมากถึง 1 ใน 3 ในช่วงเพียงแค่ปีเดียวและฮ่องกงเป็นช่องทางการผ่องถ่ายเงินก้อนมหาศาลถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ไปซ่อนในต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ในแฟ้มลับปานามาเพียงแค่แฉว่า เกือบ 1 ใน 3 ของลูกค้าของมอสแซก ฟอนเซกา อยู่ในเอเชีย ขณะเดียวกันจากแผนภูมิของบีบีซีชี้ชัดว่า บริษัทนอกอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่บริติชเวอร์จินของอังกฤษ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทกว่าแสนบริษัท รองลงมาก็ที่ปานามาอีกเกือบ 5 หมื่นบริษัท บาฮามาสและเซเชลส์กว่า 2 หมื่นบริษัท ส่วนฮ่องกงและอังกฤษนั้น มีตัวเลขเพียงน้อยนิด แค่ไม่กี่บริษัทเท่านั้น
 
                    นักวิเคราะห์หลายคนให้ความเห็นตรงกันว่า อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะฟันธงว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่สื่อจงใจบิดเบือนข่าวเพื่อป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ทรงอิทธิพลของตะวันตกมากนัก หรืออีกนัยหนึ่ง พูดได้เพียงแค่ว่าสื่อตะวันตกให้ข้อมูลไม่ครบและไม่รอบด้าน ขณะที่ข้อมูลจำนวนมากถูกทิ้งไปและดูเหมือนว่าวอชิงตันอาจจะเข้ามามีส่วนในเรื่องนี้ ที่น่าห่วงก็คือในระยะยาวแล้ว อาจจะเป็นช่องทางใหม่ของสำนักคิดตะวันตกที่จะใช้เป็นเครื่องมือโจมตีประเทศที่ไม่ใช่ตะวันตกก็ได้
 
                    เหล่านี้ล้วนเป็นข้อสังเกตที่สื่อตะวันตกจงใจเลี่ยงไม่ยอมให้คำตอบ ทั้งๆที่ได้รับคำชมในตอนแรกว่าทำหน้าที่ของสื่อได้ดีมาก ช่วยกันตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้อย่างเป็นระบบ โดยใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็มก่อนจะปล่อยข้อมูลออกมาบางส่วน และให้สัญญาจะให้ข้อมูลครบในเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ท้ายสุดก็กลายเป็นท่าดีทีเหลว เพราะมีเรื่องผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาแทรก
 
 
 
----------------------
 
(เปิดโลกวันอาทิตย์ : มือที่มองไม่เห็น ผู้อยู่เบื้องหลังปานามาลีกส์ : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์)