มารู้จัก‘ฟูจิโมริ’ตระกูลดราม่าการเมืองเปรู | คมชัดลึก

 

      พ่ออยู่ในเรือนจำชดใช้ความผิดข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ พี่ป้าน้าอาเผ่นออกนอกหนีข้อหาทุจริต แต่บุตรสาวของตระกูล กำลังเป็นตัวเก็งเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของเปรู นี่คือตระกูลฟูจิโมริ ที่ปูมหลังน่าจะเป็นครอบครัวพังทลายที่สุดครอบครัวหนึ่งของประเทศนี้ แต่กลับยังเป็นตระกูลทรงอิทธิพลที่สุดในเวลาเดียวกัน ดังนั้น แม้ปัจจุบัน อดีตประธานาธิบดีอัลแบร์โต ฟูจิโมริ วัย 77 ปี ยังอยู่ในคุก แต่เคโกะ ฟูจิโมริ ลูกสาววัย 40 ปี กลับมีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือกเป็นผู้นำหญิงคนแรกแห่งดินแดนเล็กๆ ในอเมริกาใต้ ที่จะออกมาหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน

 

      นายฟูจิโมริ บิดาของเธอ กุมอำนาจเบ็ดเสร็จด้วยการยุบสภาและกำจัดฝ่ายซ้ายขั้วตรงข้ามจำนวนมาก

 

      ซูซานา ฮิกูชิ มารดา กล่าวหาว่าถูกลูกน้องของสามีกระทำทารุณ ระหว่างปกครองประเทศช่วงปี 2533-2543

 

      เธอหลบหนีจากทำเนียบประธานาธิบดีและฟ้องหย่าในปี 2537 เคโกะจึงขึ้นมาทำหน้าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเปรู ตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี และเกาะกลุ่มขวัญใจมหาชนในแวดวงการเมืองเปรูมานับแต่นั้น

 

 

 

 

      ตระกูลฟูจิโมริเป็นหนึ่งในครอบครัวเชื้อสายญี่ปุ่นหลายหมื่นรายที่อพยพไปเปรู ตามคลื่นอพยพด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจหลังสงครามโลก และยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ อัลแบร์โต ฟูจิโมริ จึงหลบหนีไปดินแดนบรรพบุรุษ หลังถูกกล่าวหาร้ายแรงในปี 2544 และ

ลาออกจากประธานาธิบดีด้วยวิธีการไม่เหมือนใคร คือส่งแฟกซ์

 

      แต่สุดท้าย หนีไม่พ้น ถูกจับกุมที่ชิลีในอีกหลายปีให้หลัง และถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปพิจารณาคดีในเปรู

 

      ปี 2552 ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 25 ปี จากความผิดตั้งหน่วยล่าสังหารสมาชิกกองโจรฝ่ายซ้าย “ชายนิง พาท” ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1990 ตลอดจนข้อหายักยอกและติดสินบน

 

      ชีวิตครอบครัวของอดีตผู้นำเปรู ก็เป็นดราม่าฉากใหญ่ ภรรยาของเขาออกมาแฉว่า ถูกหน่วยตำรวจลับ ภายใต้นายใหญ่ชื่อวลาดิมีร์ มอนเตซีโนส ซึ่งเป็นมือขวาของสามีเธอเอง กระทำทารุณ จนต้องหนีตาย

 

      แต่หลังจากแยกทางกัน ฮิกูชิกลับมาลงสมัครเลือกตั้งท้าชิงฟูจิโมริ ในศึกเลือกตั้งปี 2538 แต่อดีตสามีก็สกัดดาวรุ่งด้วยการผ่านกฎหมายห้ามสมาชิกครอบครัวและญาติใกล้ชิดประธานาธิบดีลงเลือกตั้ง

 

 

 

 

      อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา เคโกะ ฟูจิโมริ ปฏิเสธว่า คำกล่าวอ้างของมารดาที่ว่าถูกซ้อม เป็นเรื่องทำนองว่าพูดกันไป

 

      นอกจากชีวิตคู่ที่จบลงด้วยข้อหาพิลึกพิลั่น น้องสาวสองคนของอัลแบร์โต ฟูจิโมริ คือฆัวนา และโรซา กับ น้องชายเปโดร พากันหลบหนีออกนอกประเทศ หลังถูกแจ้งข้อหาทุจริต ยักยอกเงินบริจาคขององค์กรนอกภาครัฐที่พวกเขาบริหารดูแลอยู่ สมัยที่ฟูจิโมริยังเรืองอำนาจ

 

      สองศรีพี่น้องหลบหนีไปญี่ปุ่น ส่วนน้องชายหนีไปสหรัฐอเมริกา และครอบครัวของเขาเผยว่าเปโดรเสียชีวิตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

 

      ส่วนพี่น้องของเคโกะ เธอมีน้องชาย 3 คน และน้องสาวหนึ่งคน

 

      ซานติอาโก เป็นส.ส. เช่นเดียวกับเคนจิ น้องชายคนรองและลูกคนสุดท้อง ผู้เคยประกาศว่ามีความหวังจะเป็นประธานาธิบดีในสักวันหนึ่ง

 

      น้องชายอีกคนของเธอ ฮิโระ เพิ่งกลับจากญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ และนั่งอยู่ในบอร์ดของบริษัทสองแห่งที่เคนจิถือหุ้นอยู่

 

 

 

 

      ฟูจิโมริ ที่มีสถานะเป็นนักโทษในคุก แต่ยังเป็นที่จดจำในหมู่ประชากร 30 ล้านของเปรู จากเรื่องราวความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพราะนโยบายเด็ดขาดจึงปราบกบฏชายนิง พาทได้สำเร็จ

 

      ผลสำรวจหลายสำนักพบว่า เคโกะจะกวาดคะแนนเสียง 1 ใน 3 มากพอส่งเธอเข้าไปลุ้นในการเลือกตั้งรอบสอง

 

      นักวิเคราะห์กล่าวว่า เคโกะมีแฟนพันธุ์แท้อยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่ได้อานิสงส์จากพ่อของเธอ ซึ่งคือฝ่ายที่มองแต่ความสำเร็จในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ลืมว่าเคยโหดร้ายกับพวกฝ่ายซ้ายแค่ไหน และมรดกพิษส่วนนี้เอง เป็นเหตุผลให้ลูกสาวต้องลงนามในเอกสารให้สัญญาระหว่างโต้วิสัยทัศน์ทางทีวีว่า จะปกป้องสิทธิมนุษยชน เคารพประชาธิปไตย และไม่เอื้อประโยชน์ใดๆ แก่ครอบครัวหากได้รับเลือกตั้ง