
เตรียมถอนฟ้องทุกคดีระหว่างแม่ประนอม-ลูกสาว
06 เม.ย. 2559
ทนายความศิริพร แดงสุภา เตรียมทำหนังสือข้อตกลงยอมความกันระหว่าง แม่ประนอม-ลูกสาว เพื่อยุติปัญหารวมถึงดำเนินการถอนฟ้องคดีความ
วันที่ 6 เม.ย.59 จากกรณีที่นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์กับศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขอความเป็นธรรม ภายหลังเจ้าตัวถูกลูกสาวแท้ๆ ฮุบกิจการ แถมไล่ให้ออกจากบ้าน โดยอ้างว่าถูกหลอกให้เซ็นเอกสาร ส่งผลให้ตัวเองไม่มีอำนาจใดๆ ในบริษัท จนกระทั่งหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นคนกลางเข้ามาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ยถึงกรณีความขัดแย้งทางธุรกิจครอบครัวระหว่างนางประนอม และบุตรสาวคนโต เพื่อคลี่คลายปัญหาดังกล่าว จนตกลงกันเป็นผลสำเร็จทั้งสองฝ่ายเมื่อวานนี้ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
นายทวิชชา หวังโภคา ทนายความนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต เปิดเผยว่า หลังจากทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำหนังสือข้อตกลงยอมความกัน ซึ่งคาดว่าหนังสือฉบับนี้จะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเซ็นเอกสาร เพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง รวมถึงดำเนินการถอนฟ้องคดีความ ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา 2 คดี ที่ศาลจังหวัดนครปฐม กรณีที่นางประนอม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางศิริพร และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานผู้ใดทำเอกสารปลอมหรือแก้ไขตัดทอนหรือประทับตราปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มาตรา 264 , ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ มาตรา 265 , ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารปลอม มาตรา 268 และผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มาตรา 341 ที่จำเลยร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามีโจทก์ ว่ามอบอำนาจให้นายกำธร จำเลย โอนที่ดิน 9 แปลงให้กับนางศิริพร มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ส่วนคดีแพ่งเป็นเรื่องที่นางประนอมและบุตรสาวคนรองยื่นฟ้องนางศิริพร และนายสุชาติ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน เรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโอนคืนทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่าความเสียหาย 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งศาลจะนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ซึ่งถ้าหากว่ามีการถอดคดีความกันก่อน ศาลอนุญาตทันทีการไต่สวนก็จะงดลง ก็แล้วแต่ดุลพินิจของศาลว่าจะอนุญาตเลยหรือรอถึงวันนัด
“ทั้ง 2 ศาล คำร้องเป็นลักษณะเดียวกัน ศาลจังหวัดนครปฐมวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ยุติไป ศาลก็ได้เลื่อนคดีไปและให้ไปเจรจากันเอง ในส่วนศาลตลิ่งชันในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ต้องมีการไต่สวนคำร้องที่ไปขอยกเลิกการถอนฟ้องที่ได้เคยยื่นไปแล้ว ซึ่งทุกอย่างในตอนนี้ตกลงกันด้วยดีอะไรที่คุณแม่พูดไว้และคุณศิริพรมีเจตนาไว้ตั้งแต่แรก เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามีเหตุแทรกซ้อนอะไรก็ขจัดเหตุตรงนั้นออกไป ถึงแม้ตอนนี้คุณแม่ประนอมจะยังไม่กลับมาอยู่บ้านเดียวกัน แต่ในอนาคตจะกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน เพราะเป็นเจตนาของคุณแม่ แต่ก่อนหน้านี้ก็อยู่ด้วยกันตลอด ซึ่งเจตนาของคุณแม่ประนอมที่ตกลงกันกับนางศิริพร ตั้งแต่แรก นางศิริพรก็ไม่เคยปฎิเสธอยู่แล้ว อะไรที่คุณมาขอก็ได้แบบนั้น” นายทวิชชา กล่าว
ทนายรอการประสานลูกสาวคืนทรัพย์สินให้นางประนอม
นายพิสิทธิ์ ชุติพรพงษ์ชัย ทนายความของนางประนอม เปิดเผยภายหลังการพูดคุยปรับความเข้าใจระหว่างนางประนอมกับนางศิริพร แดงสุภา ลูกสาวคนโต ว่า ขณะนี้รอให้นางศิริพร โอนทรัพย์สินคืนให้กับนางประนอมตามที่ได้ตกลงกันไว้เบื้องต้น ซึ่งประกอบด้วย หุ้นบริษัทที่นางประนอมโอนให้นางศิริพร เมื่อปี 2548 เป็นจำนวน 1,8000 หุ้น คืนให้กับนางประนอม , ที่ดินโรงงานเก่าที่ตั้งอยู่หมู่บ้านเศรษฐกิจในเนื้อที่กว่า 2 ไร่ รวมถึงที่ดินที่นครชัยศรี จ. นครปฐม 9 แปลง , บ้านและที่ดินที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา อีก 1 หลัง ในเนื้อที่ 1 ไร่ , ที่ต่างจังหวัด 1 แปลง , รวมถึงนางศิริพรต้องชดใช้หนี้ที่นางประนอมไปหยิบยืมเงินมาเพื่อซื้อที่ดิน 1 ไร่ เพื่อสร้างร้านอาหารพีเอส เรสเตอรอง ตั้งอยู่ตรงถนนพุทธมณฑลสาย 3 (ตรงข้ามแยกอักษะ ข้างร้านคุณยาคั่วกลิ้ง) แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ในราคาประมาณ 20 ล้านบาท เพราะขณะที่นางประนอมออกจากบ้านมาไม่มีเงินติดตัวออกมา ทั้งนี้นางศิริพรต้องให้เงินเดือนนางประนอมเดือนละ 1 ล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้วย
“ทรัพย์สินทั้งหมดที่นางศิริพรต้องคืนให้กับนางประนอมเฉลี่ยแล้วประมาณร้อยละ10 เท่านั้นถ้าคิดรวมทรัพย์สินที่มีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ ส่วนร้อยละ 90 ที่เหลือนางประนอมยกให้กับนางศิริพร ส่วนเรื่องคดีความทั้งหมดถ้านางศิริพร ยินยอมทำตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ นางประนอมก็จะถอนฟ้องทุกคดี ซึ่งตอนนี้รอให้ทางด้านนางศิริพรประสานมา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานมา ซึ่งทรัพย์สินที่กล่าวมาหากนางศิริพรดำเนินการก็เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน ทางผมก็รออย่างเดียว เพราะทรัพย์อยู่ที่นางศิริพรไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก”นายพิสิทธิ์ ระบุ
นอกจากนี้ทนายความของนางประนอม ยังเปิดเผยถึงกรณีที่นางประนอมจะกลับไปอยู่บ้านของนางศิริพร โดยยืนยันว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาถึงการกลับไป เพราะที่ผ่านมานางประนอมก็ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดเพราะเกรงว่าถ้าเข้าไปอยู่แล้วจะไม่เหมือนเดิม