
'รับมือ งูเข้าบ้าน'
'รับมือ งูเข้าบ้าน' : รายการ คม ชัด ลึก
จากกรณีชาวบ้านรายหนึ่ง เป็นชาวอุบลราชธานี พบว่ามีงูเข้าบ้าน แล้วคิดว่าเป็นงูไม่มีพิษ จึงจับด้วยมือเปล่า แม้จะจับงูสำเร็จ แต่ก็ถูกงูกัดได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้น เมื่อค่ำวันที่ 1 เมษายน รายการ “คม ชัด ลึก” จึงได้จัดเสวนาในหัวข้อ หากเจองูเข้าบ้าน จะมีวิธีการรับมืออย่างไร ?
นสพ.ปณิธิ ละอองบัว สัตวแพทย์ประจำสวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย กล่าวว่า การที่งูเข้าบ้านได้นั้น มีด้วยกันหลายสาเหตุ ประการแรกบ้านที่อยู่นั้น อาจจะเป็นสถานที่ที่งูเคยอยู่อาศัยมาก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านใหม่
มีแหล่งอาหาร หากบ้านหรือสถานที่แห่งนั้น มีแหล่งอาหารงูที่อุดมสมบูรณ์ เช่น มีหนูชุกชุม หรือเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กๆ อย่าง นกและลูกไก่ อีกทั้งหากมีสวนที่หญ้ารกหรือต้นไม้อุดมสมบูรณ์ งูก็มักจะมาซ่อนตัว
บ้านสกปรกรกรุงรัง มีกองวัสดุ กองเศษไม้ เป็นที่มืด มีความชื้น อุณหภูมิเหมาะสม ทำให้เป็นที่หลบซ่อนของงูได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้บ้านจะสะอาด โล่ง แต่ก็ไม่แน่ อาจจะมีงูเข้ามาในบ้านได้ เพราะไม่มีอะไรป้องกันได้ 100%
อีกกรณี บ้านชำรุด ฐานบ้านแตก กำแพงบ้านแตกที่ฐาน หรือมีต้นไม้ใหญ่อยู่รอบบ้าน มีชายไม้ยื่นเข้ามาในบ้าน งูก็สามารถเลื้อยเข้ามาในบ้านได้
จากกรณีที่เชื่อกันว่า มีงูอยู่ในบ้าน 1 ตัว เมื่อจับไปทิ้ง หรือฆ่าแล้ว จะมีงูตัวอื่นตามมาที่บ้านอีกเป็นขบวน ตรงนี้โดยความเห็นส่วนตัวมองว่า เป็นความบังเอิญมากกว่า
อย่างเช่น กรณีเมื่อเดือนมีนาคม 2558 ที่มีข่าวว่า งูเห่าเข้าบ้านเยอะ ตีตายไปแล้ว 10 ตัว วันต่อมาก็เจออีก 10 ตัว เข้าบ้านหลังเดิม ตรงนี้ขออธิบายว่า งูเห่าเวลาออกไข่ครั้งหนึ่งประมาณ 30-40 ฟอง เวลาลูกงูฟักออกมาจากไข่ อย่างน้อยภายใน 1 วัน ก็ออกจากไข่กันหมดแล้ว เขาก็เริ่มหาที่หลบซ่อน เพื่อลอกคราบ ก่อนที่จะใช้ชีวิตหากินต่อไป ซึ่งรังงูอาจจะอยู่ใกล้บ้าน พอออกมา ไม่รู้จะไปไหน ก็เข้าบ้านเดียวกัน
กรณีตีงูตายแล้วงูอาฆาต อาจจะเป็นงูคนละชนิดกันก็ได้ เพราะบริเวณบ้านอยู่ในโซนที่มีงูเยอะอยู่แล้ว
จริงๆ แล้ว “งูไม่มีพิษ” กับ “งูมีพิษ” มีลักษณะแตกต่างกัน ดูจากสี หรือการเลื้อยไม่ได้ จะต้องจดจำจากลักษณะของงูชนิดต่างๆ งูมีพิษในไทย มีอยู่ประมาณ 20 ชนิด
จริงๆ แล้ว งูมีพิษ หรือ ไม่มีพิษ แยกกันตรง “เขี้ยวพิษ” แต่เป็นเรื่องที่ยากที่จะสังเกต
เวลาถูกงูกัด ให้ล้างแผล ปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกวิธี อย่างเช่น ใช้วิธีการพันกระชับ โดยใช้ผ้าพันให้กระชับ บริเวณใต้ และเหนือ บาดแผลที่ถูกกัด เพื่อลดการดูดซึมพิษเข้าสู่กระแสเลือด ผู้ถูกงูกัดให้ถอด แหวน นาฬิกา ออก
ทั้้งนี้ หากถูกงูกัด ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่ไม่ต้องนำงูไปโรงพยาบาลด้วย เพราะแพทย์สามารถรักษาตามอาการได้อยู่แล้ว
ปัจจุบันจะไม่ใช้การขันชะเนาะแล้ว เพราะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทำให้เลือดไม่หมุนเวียน
หากพบงูอยู่ในบ้าน ให้สังเกตลักษณะของงู ให้อยู่นิ่งๆ เคลื่อนไหวช้าๆ อย่าไล่ หรือทำร้ายงู แจ้งขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น หน่วยกู้ภัย หน่วยดับเพลิง หรือโทรไปที่ 199
อย่าพยายามจับงูด้วยตัวเอง หากไม่รู้จักวิธีจับ ไม่จับมือด้วยงูเปล่า เพราะอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องใช้อุปกรณ์ในการจับ