ข่าว

'แม่ประนอม'ร่ำไห้เปิดใจพร้อมให้อภัยลูก

'แม่ประนอม'ร่ำไห้เปิดใจพร้อมให้อภัยลูก

26 มี.ค. 2559

'แม่ประนอม' ร่ำไห้ 'หัวอกคนเป็นแม่ ทำไมถึงทำกับแม่แบบนี้' อ่านหนังสือไม่ค่อยออก ถูกหลอกให้เซ็นเอกสาร ไม่รับมรดก-ทรัพย์สินใดๆ พร้อมให้อภัยเสมอหากลูกสำนึกผิด

                    26 มี.ค. 59  จากกรณี นางประนอม แดงสุภา อายุ 77 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ในนามบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่ศูนย์บริการประชาชน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าบุตรสาวคนโตและลูกเขยฮุบกิจการ โดยเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ทั้งหมด และปลอมหนังสือมอบอำนาจโอนที่ดินกองมรดกไปเป็นของตัวเอง แถมยังโดนขับไล่ออกจากบ้าน
 
                    ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ร้านพีเอส เรสเตอรองต์ ย่านพุทธมณฑลสาย 3 นางประนอม แดงสุภา หรือแม่ประนอม ได้เปิดแถลงข่าว โดยมี น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา บุตรสาวคนรอง ร่วมด้วย
 
                    นางประนอม แถลงข่าวพร้อมน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่ อ้างว่าถูกหลอกให้เซ็นเอกสาร ส่งผลให้ตัวเองไม่มีอำนาจใดๆ ในบริษัท จึงอยากขอความเป็นธรรมในเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่าต้องมาทำถึงขนาดนี้ เพราะตอนนี้จะซื้อหอม กระเทียม เพื่อมาตำน้ำพริกก็ต้องไปหยิบยืมเงินคนอื่นครั้งละ 5,000 - 6,000 บาท พร้อมฝากถามลูกสาวคนโตว่า “หัวอกคนเป็นแม่ ทำไมถึงทำกับแม่แบบนี้”
 
                    “ฉันเริ่มต้นชีวิตจากศูนย์ เดินขายน้ำพริกตามบ้าน พอเริ่มมีเงิน สามีเลยซื้อที่ดินเพื่อทำโรงงานน้ำพริกให้ จากนั้นก็ทำน้ำพริกขายตลอดมาจนมีรายได้ต่อเดือนที่สามีต้องนำเงินไปฝากธนาคาร เดือนละเป็น 10 ล้าน แต่มาวันนี้เงินหายไปหมดแล้ว ทำงานยากลำบากมา 60 ปี ก่อนเกิดเหตุลูกสาวคนโตเคยนำเอกสารมาให้เซ็นอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่สามียังมีชีวิตอยู่ จนมาทราบทีหลังเมื่อปีที่ผ่านมาว่าเอกสารที่เซ็นไปนั้นคือเซ็นยินยอมไม่รับมรดกและทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น และมอบมรดกทั้งหมดให้ลูกสาวคนโตเพียงผู้เดียว” นางประนอม กล่าว
 
                    นางประนอม กล่าวอีกว่า หลังนายศิริชัย แดงสุภา สามีเสียชีวิต ก็ได้แต่งตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมด พร้อมยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ถูกไล่ออกจากบ้านตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ แต่ออกจากบ้านเองหลังรู้สึกกดดันและอึดอัดกับพฤติกรรมของคนในบ้านมานานกว่า 1 ปี ซึ่งเมื่อปีก่อนบุตรสาวคนโตได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจไปโอนที่ดินมรดกเป็นของตัวเองและให้เซ็นเอกสารต่างๆ โดยยอมรับว่าไม่ได้อ่านรายละเอียด เนื่องจากอ่านหนังสือไม่ค่อยออก และอยากให้ปัญหาภายในครอบครัวยุติลงจึงเซ็นเอกสาร แต่มาทราบภายหลังว่าเอกสารดังกล่าวระบุว่าไม่รับทรัพย์สินหรือมรดกใดๆ จึงยื่นคำร้องถึงนายกรัฐมนตรีพร้อมยืนยันว่าสิ่งที่พูดไปคือความจริงทั้งหมด
 
                    “ได้ยื่นฟ้องบุตรสาวคนโตและพวก คดีปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับที่ดินต่อศาลจังหวัดนครปฐมแล้ว ซึ่งศาลเห็นว่ามีมูลรับฟ้องไว้แล้ว แต่ในฐานะแม่ก็พร้อมให้อภัยลูกเสมอและจะไม่ยื่นฟ้องคดีใดอีก หากลูกสำนึกผิดและโอนทรัพย์สินคืน” นางประนอมกล่าวทั้งน้ำตา
 
                    ด้าน น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา บุตรสาวคนรอง ระบุว่า หุ้นของนางประนอมและตัวเองได้ถูกเปลี่ยนรายชื่อผู้ถือหุ้นตั้งแต่ปี 2552 แต่มาทราบเมื่อปี 2557 ซึ่งมีการฟ้องร้องเรื่องจัดการมรดกที่ศาลแขวงตลิ่งชันและทราบว่าศาลจะมีคำสั่งเร็วๆ นี้
 
                    “เคยถามกับพี่สาวคนโตว่าเอาชื่อแม่และน้องๆ ออกจากหุ้นบริษัททำไม แต่พี่สาวตอบว่าเป็นคำสั่งและความต้องการของคุณพ่อ ที่ผ่านมาได้พยายามต่อสู้ทางคดีความ แต่ก็ยังไม่เป็นผล น้องๆ ไม่มีสิทธิ์จะทะเลาะกับพี่สาว เพราะพี่สาวอยู่เหนือมาโดยตลอด” น.ส.ศิริวัลย์ กล่าว
 
                    ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายทวิชา หวังโภคา ทนายของนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต ได้รับคำชี้แจงว่า นางประนอมได้ยื่นฟ้องนางศิริพรพร้อมสามี และทนายความอีกหนึ่งคน ฐานร่วมกันปลอมเอกสารเกี่ยวกับที่ดินต่อศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งศาลได้ยกฟ้องสามีของนางศิริพรในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไปแล้ว รับฟ้องเฉพาะในส่วนของนางศิริพรและทนายความ โดยอยู่ในขั้นตอนนัดสืบพยานโจทก์ และนางประนอมยังได้ยื่นฟ้องนางศิริพรคดีเรียกคืนทรัพย์สินมรดกต่อศาลแขวงตลิ่งชันด้วย ซึ่งมีการไกล่เกลี่ยคดีแล้วแต่ไม่สำเร็จ
 
                    นายทวิชา กล่าวอีกว่า จากนั้นนางประนอมได้ให้ผู้ใหญ่ที่นับถือและสนิทสนมร่วมพูดคุยกับนางศิริพรจนได้ข้อยุติ นางประนอมจึงให้ผู้รับมอบอำนาจซึ่งเป็นทีมทนายความของนางศิริพรดำเนินการถอนฟ้องทั้งสองคดีต่อทั้งสองศาลไปแล้วตั้งแต่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คดีถือเป็นที่ยุติ แต่ต่อมานางประนอมกลับยื่นคำร้องใหม่ต่อทั้งสองศาลทำนองว่าสาเหตุที่ถอนฟ้องไม่ได้เกิดจากเจตนาเช่นนั้น ศาลจังหวัดนครปฐมจึงนัดไต่สวนนางประนอมกรณียื่นคำร้องใหม่ วันที่ 4 เมษายนนี้ ส่วนศาลแขวงตลิ่งชัน นัดวันที่ 11 เมษายน ซึ่งนางประนอมต้องเดินทางไปศาล
 
                    นายทวิชา ระบุด้วยว่า ในส่วนนางศิริพร เบื้องต้นไม่ขอโต้ตอบหรือให้ข้อมูลใดๆ ในขณะนี้