เสริมสร้างความฉลาดทางสังคมให้ลูกน้อย

 

      เพราะการเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตมาอย่างฉลาดรอบด้าน ทั้งความรู้ความสามารถ และการเอาตัวรอดทางสังคมเป็นเรื่องที่คุณแม่ทั้งหลายต้องให้ความสำคัญ งานนี้ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด โดยนมผงตราหมี แอดวานซ์ โพรเท็กซ์ชัน สูตร 3 จึงจัดแคมป์ผู้นำตัวน้อย หัวใจยิ่งใหญ่ ดินแดนแห่งการเรียนรู้ เพื่อมอบทักษะการเลี้ยงดูแก่เหล่าคุณแม่ และสร้างความสนุกสนานให้เจ้าตัวเล็ก ที่โซนอีเดน เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันก่อน

 

      ร่วมเปิดงานโดยการยกโล่อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการปกป้อง โดย วูฟกัง ฟรีสส์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจโภชนาการทารกและผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กโต บริษัท เนสเล่ (ไทย) จำกัด ร่วมด้วย ออดรีย์ เลียว ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า และ อเล็กซ์ เคลเลอร์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจโภชนาการทารกเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์นมประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก นอกจากนี้ภายในแคมป์ผู้นำตัวน้อย หัวใจยิ่งใหญ่ ประกอบไปด้วย 3 โซน ให้เด็กได้เล่นและเรียนรู้ ประกอบด้วย โซนพลังแห่งการปกป้อง โซน มหัศจรรย์ เอสคิว แลนด์ และ โซนโภชนาการเสริมสร้างผู้นำตัวน้อย มีเหล่าบรรดาคุณแม่อุ้มและจูงมือลูกน้อยมาร่วมกิจกรรมภายในโซนอย่างสนุกสนาน

 

      นอกจากนี้บนเวทีมีการพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์การเลี้ยงลูกจากเหล่าคุณแม่เซเลบและการให้ความรู้ด้านการเลี้ยงดูจาก เริ่มจาก นพ.พงษ์สักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการและพฤติกรรม คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวว่า การเลี้ยงดูลูกนอกจากจะดูเรื่องความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) แล้วต้องดูเรื่องเอสคิว (SQ) ด้วย ซึ่งมากจากคำว่า Social  Quotient หมายถึง ศักยภาพความฉลาดทางสังคม นั่นคือ การดูแลลูกน้อยให้สามารถเติบโตและอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้ โดยเสริมสร้างให้ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด ทำพฤติกรรมที่ดีเป็นแบบอย่างให้ลูก 6 เดือนแรกต้องคอยดูแล เมื่อหิวต้องให้รับประทาน เมื่อหนาวต้องให้ความอบอุ่น พอเริ่ม 1 ขวบเมื่อเขาเริ่มเดินได้ก็ปล่อยให้เขาเดินเพื่อเกิดการเรียนรู้ภายใต้การดูแลของเราอย่างปลอดภัย ให้เขารู้จักทางเดิน รู้จักบันได ลูกจะเริ่มเรียนรู้ถึงการระมัดระวังตัวเอง

 

      “จากผลการศึกษาพบว่า คนเราใช้ทักษะความสามารถเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ อีก 85 เปอร์เซ็นต์ คือ บุคลิกภาพและการปรับตัว ดังนั้น การส่งเสริมให้ลูกมีความฉลาดทางด้านสังคม พ่อแม่จะต้องส่งเสริมให้เขาแต่เด็ก เพื่อให้เขาเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ รู้จักการปรับตัวเข้าสังคมได้” คุณหมอ กล่าว

 

      ด้าน “แอนนา” นาตาชา สัจจกุล คุณแม่รุ่นใหม่ จูงมือ “น้องไตตั้น” ลูกชายวัย 5 ขวบมาด้วย เผยถึงการเลี้ยงดูว่า ตัวเองจะอยู่กับลูกทุกเวลา ตั้งแต่เล็ก เพราะว่าตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่ไหน เป็นคุณแม่เต็มตัว จึงได้เห็นพัฒนาการของลูกมาโดยตลอด น้องมีแววทางด้านดนตรี ชอบร้องเพลง และอยากจะเล่นกีตาร์ไฟฟ้าของคุณพ่อ แต่เราเห็นว่านิ้วมือของเขายังไม่แข็งแรงพอ จึงหัดให้เล่นเปียโนแทน ซึ่งเขาก็ชอบและทำได้ดี อีกอย่างจะส่งเสริมทักษะเขาด้านกีฬาด้วยการพาไปเล่นเทนนิสและเตะฟุตบอล เขาเป็นเด็กโตกว่าวัยเล็กน้อยชอบเล่นกับเด็กที่โตกว่า ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งเพราะลูกจะได้เรียนรู้การเข้าสังคม

 

      ขณะที่ “เหมียง” วิมลภัทร์ เปี่ยมพงศ์สานต์ มากับ “น้องมินตา” เล่าว่า จะเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ตอนเด็ก เพราะทราบถึงคุณประโยชน์ของน้ำนมแม่ว่าดีอย่างไร อีกทั้งจะได้อยู่ใกล้ชิด มอบความอบอุ่นผ่านการสัมผัสให้ลูก หลังจากที่น้ำนมเริ่มหมดก็จะหันมาให้นมที่มีสารอาหารต่างๆ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้นกันที่ดีให้แก่เขา ตอนนี้เวลาไปข้างนอกลูกจะชอบวิ่งไปหาคนอื่น จับมือ ก็เหมือนกับเป็นการทำให้เขาได้รู้จักการเข้าสังคมไปในตัว