ข่าว

'งดออกเสียง'ไม่มีความหมายในการทำประชามติ

'งดออกเสียง'ไม่มีความหมายในการทำประชามติ

14 มี.ค. 2559

'งดออกเสียง'ไม่มีความหมายในการทำประชามติ : มอนิเตอร์ร่างรัฐธรรมนูญ โดยสำนักข่าวเนชั่น

           ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ประเด็นหนึ่งที่มีการแก้ไขคือ เรื่องเสียงที่ใช้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติ โดยนอกจากจะแก้ไขในหลักการ ยังมีการกำหนดในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจนชนิดไม่ต้องให้ตีความกันอีก

           ในส่วนหลักการ คือ แก้ไขจากเดิมที่กำหนดให้ใช้ “เสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง” มาเป็น “เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ” ส่วนรายละเอียดที่แก้ไขให้รัดกุมขึ้นจากร่างเดิมที่ ครม.และคสช.เสนอมาที่ สนช. คือ “ถ้าคะแนนเสียงข้างมากของผู้ออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ภายใน 30 วัน” แก้ไขเป็น “ถ้าผลการออกเสียงประชามติมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญมากกว่าคะแนนเสียงไม่เห็นชอบ ให้นายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ภายใน 30 วัน”

           ในถ้อยคำที่แก้ไขใหม่จะมีความหมายชัดเจนตามที่รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม พูดก่อนหน้านั้นว่า เสียงงดออกเสียง และบัตรเสีย จะไม่ถูกนำมานับรวมในการพิจารณาว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านประชามติหรือไม่

           “เกณฑ์ในการลงประชามติให้ยึด “คะแนนเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง” เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความภายหลัง โดยจะนับคะแนนเฉพาะผู้ที่ลงคะแนนว่า เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ กับร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่รวมถึงบัตรเสียและที่งดออกเสียง “สมมุติมีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง 30 ล้านคน เห็นชอบ 12 ล้านคน ไม่เห็นชอบ 10 ล้านบาท บัตรเสีย-งดออกเสียง 8 ล้านคน ก็จะนับเฉพาะคะแนนเห็นชอบที่ได้มากกว่าไม่เห็นชอบเท่านั้น ไม่รวมบัตรเสีย-งดออกเสียง ถือว่าได้เสียงข้างมากแล้ว โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องได้คะแนนถึง 15 ล้านคน” วิษณุอธิบายหลังการประชุมร่วมระหว่าง ครม.และคสช.เมื่อ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา

           ทั้งนี้ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” กกต.บอกว่า ในบัตรออกเสียงประชามติจะมีเพียงช่องเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เท่านั้น เหมือนกับบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2550 และเป็นไปตามมาตรฐานสากล

           สมชัย ยังบอกด้วยว่า สำหรับช่อง “งดออกเสียง” ในบัตรเลือกตั้ง ส.ส. หรือ ส.ว. ก็มีเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่มีช่องนี้ ยังไม่เคยเห็นประเทศใดในโลกมีช่อง “งดออกเสียง” ไว้ในบัตรเลือกตั้ง ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยนอกจากการให้กำหนดช่อง “งดออกเสียง” ไว้ในบัตรเลือกตั้ง ยังมีการเรียกร้องให้เสียงส่วนนี้มีความหมายด้วย โดยการให้กำหนดว่า หากในเขตเลือกตั้งใดไม่มีผู้สมัครรายใดได้คะแนนมากกว่าคะแนนงดออกเสียง ให้จัดการเลือกตั้งในเขตนั้นใหม่ ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ก็กำหนดไว้ด้วย

           อย่างไรก็ตาม สมชัยบอกว่า คำอธิบายเรื่อง “งดออกเสียง” ในการเลือกตั้ง ส.ส.พอเข้าใจได้ว่า ต้องการให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครที่เหมาะสมลงเลือกตั้ง แต่ในส่วนของการทำประชามติเสียง “งดออกเสียง” ไม่สามารถสื่อความหมายได้ ไม่สามารถนำเสียงงดออกเสียงมารวมกับเสียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้

           ดังนั้นหากต้องการให้เสียงของท่านมีความหมายในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ต้องกาในช่องที่กำหนดให้เท่านั้น คือ “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย”