ข่าว

อัญชลี จาโกต้าเปิดจักระค้นหาความสุขในใจตน...

อัญชลี จาโกต้าเปิดจักระค้นหาความสุขในใจตน...

03 มี.ค. 2559

อัญชลี จาโกต้าเปิดจักระค้นหาความสุขในใจตน...: คมคิดจิตอาสา

             ความทุกข์ กับความเครียด เป็นภาวะที่ไม่มีใครอยากรู้สึกหรือรับรู้ แต่ด้วยสังคมปัจจุบันทำให้คนเรามี “ความเครียด” เป็นเพื่อนที่ไม่ยอมพรากจากกันง่ายๆ ไม่ว่าจะเครียดจากการทำงาน เครียดจากปัญหาครอบครัว เครียดจากปัญหาความรัก เครียดจากปัญหาการทำมาหากิน ตามมาด้วยความทุกข์ที่บางคนหาทางออกไม่ได้ มองไปทางไหนมีแต่ทางตัน สุดท้ายจบลงด้วยการทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคนรอบข้าง หรือบางคนเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองเพื่อดับความทุกข์และความเครียด

             เชื่อไหม! เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตัวเราเอง คนเราสามารถกำหนดจิตใจตัวเองได้ กำหนดชีวิตตัวเองได้ เพียงแต่...เราพร้อมที่จะเริ่มทำหรือยัง...?

             ปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากความเครียด บางคนอาจจะค้านว่า “ฉันไม่เคยเครียด” แต่บางคนอาจจะบอกว่า “ไม่มีสักวินาที ที่ฉันไม่เครียด” แต่ละคนมีวิธีการคิด วิธีการแก้ปัญหาความเครียดที่แตกต่างกันไป

             วันนี้ ผู้หญิงชาวอินเดียคนนี้ “อัญชลี จาโกต้า” เธอจะมาช่วยแนะวิธีคลายทุกข์ คลายเครียด ด้วยการบำบัดแบบ “จักระ”

             อัญชลี วัย 34 ปี เป็นชาวอินเดียโดยกำเนิด ย้ายภูมิลำเนามาอยู่เมืองไทยได้ 12 ปีแล้ว เธอมีสามีเป็นชาวอินเดียที่เกิดในประเทศไทย มีธุรกิจในประเทศไทย ปัจจุบันเธอมีลูก 3 คน ครอบครัวอบอุ่น ฐานะมั่นคง มีความสุขดี ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับ “ความเครียด” หรือ “จักระ” แต่ด้วยความเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่น อีกทั้งเรียนด้านจิตวิทยามาโดยตรงจากมหาวิทยาลัยในประเทศอินเดีย จึงอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้มีความสุข

             เริ่มจากการนำเด็กๆ ที่เป็นลูกหลาน ลูกเพื่อน และเพื่อนลูก มาเข้า “ซัมเมอร์ แคมป์” ในบ้านของเธอเอง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เธอสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ฝึกให้เด็กๆ เรียนรู้การกินอาหารได้หลากหลายชนิด เล่มเกมสนุกต่างๆ ปลดปล่อยพลังงาน กล้าแสดงออก สอนโยคะ จนเด็กๆ หลายคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

             อัญชลี เล่าว่า เด็กๆ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีความสุขขึ้น แต่ผู้ปกครองของเด็กๆ ยังไม่มีความสุข ยังมีความเครียดจากเรื่องต่างๆ รอบตัวมากมาย เธอจึงอยากช่วยคนเหล่านั้นให้หลุดพ้นจากความทุกข์ จึงเริ่มไปฝึกการรักษาแบบเชื่อมจิต เมื่อ 4 ปีก่อน เป็นการเปิด “จักระ 7 จุดในร่างกาย” เพื่อลดความทุกข์ทั้งกาย ใจ และอารมณ์ เธอฝึกมานานจนสามารถเห็นภาพในอดีต หรือปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เธอช่วยให้หลายคนปลดปล่อยความทุกข์ออกจากใจ และเดินกลับไปอย่างมีความสุขมาแล้วหลายราย

             "จักระทั้ง 7 จุด เรียงตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจนถึงก้นกบ เป็นศูนย์รวมพลังในร่างกายของมนุษย์ ทำหน้าที่ควบคุมจิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมองเรียกว่า ไมโครเซลล์ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกาย และสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิได้ทำการฝึกในระดับที่สูงขึ้น การสั่นไหวจะแรงขึ้นจนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะทั่วร่างกาย และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ เป็นเสมือนเครื่องมืออเนกประสงค์ บางครั้งอาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้" อัญชลี อธิบาย

             อัญชลี เล่าต่อว่า ผู้ทำการบำบัดต้องฝึกให้มีความคิดที่จะบรรลุถึงการควบคุมตนเองในภาระหน้าที่ต่างๆ ทุกประการ จากหน้าที่เล็กๆ ในครอบครัวไปจนถึงหน้าที่สูงสุดในสังคม นี่เป็นเป้าหมายของการฝึกฝนด้วยตนเอง เมื่อผู้ทำการบำบัดบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวแล้ว จึงจะสามารถนำความผาสุกไปสู่ผู้มารับการบำบัดได้ เมื่อจิตวิญญาณของผู้ทำการบำบัดพัฒนาเข้าสู่ระดับสูงขึ้น ร่างกายของเขาก็จะดูดซับพลังจักรวาลได้ง่ายขึ้น ในสภาวะเช่นนี้ ผู้ทำการบำบัดจะมีความสามารถมากพอที่จะบำบัดคนอื่นได้ ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะมีโรคที่ยากต่อการบำบัดก็ตาม

             “ที่สำคัญ ผู้ทำการบำบัดต้องให้ความรักต่อผู้มารับการบำบัดก่อน ต้องไม่แบ่งแยกชนชั้น ไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา นอกจากนี้ระหว่างทำการบำบัด ความคิดคำนึงต้องจดจ่ออยู่ที่คนไข้ ไม่ไขว้เขว ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ได้” 

             จนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 อัญชลีตัดสินใจเปิด บริษัท ธีโอ ลิฟวิ่ง จำกัด ที่ มิลลี่ มอลลี่ ท้ายซอยสุขุมวิท 20 เพื่อสอนโยคะ และรับบำบัดให้แก่ผู้ที่มีความทุกข์ มีปัญหาชีวิต มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ด้วยบริการฮีลลิ่ง (Healing) เธอให้คำจำกัดความคำว่า “ธีโอ” ว่า มาจากภาษากรีก แปลว่า เทพเจ้า เหตุผลการเปิดร้านนี้คือ เมื่อเธอมีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว สามีดี ลูกๆ ดี ครอบครัวมีความสุข ทุกคนดีหมด จึงอยากใช้ประสบการณ์และวิชาความรู้ด้วยวิธีบำบัดแบบฮีลลิ่งมาช่วยเหลือผู้อื่น อยากแชร์ความสุข อยากช่วยด้วยความจริงใจ อยากให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสุข สิ่งสำคัญมากๆ คือ การรักตัวเอง เพราะทุกคนมีพลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว เราต้องรักตัวเองก่อน แล้วจึงไปรักคนอื่น นอกจากนี้ยังเปิด “จักระ บาลานซิ่ง โยคะ” เป็นการทำโยคะเพื่อทำให้จักระในร่างกายสมดุล โดยจะ เปิดจักระ และ สแกนออร่า ให้แก่ลูกค้าทั้งก่อนและหลัง ลูกค้าบางคนออร่าและจักระเปลี่ยนไปมาก และจะมีการทำคริสตัล ฮีลลิ่ง ให้ลูกค้าทุกคนด้วย

             “ลูกค้าบางรายมีความทุกข์จากความรัก อยากแยกทางกัน อยากเลิกกัน อัญชลีไม่เคยแนะนำให้คู่ไหนเลิกกัน มีแต่แนะนำให้รักกันให้พอ ชาติที่แล้วเขาอาจจะยังรักกันไม่พอ ชาตินี้จึงเกิดปัญหาเรื่องความรัก อัญชลีจะช่วยให้เขากลับมาดีกัน กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หรือบางรายตรวจพบโรคร้ายในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย อัญชลีก็จะช่วยแนะนำและบำบัดให้ นอกจากนี้อัญชลีจะทำออร่าสแกนที่นำเข้ามาจากสหรัฐอเมิรกา ให้แก่ลูกค้า ซึ่งเป็นเครื่องที่สามารถสแกนออร่าของผู้ที่มารับการบำบัด โดยการนำมือซ้ายวางทาบที่เครื่องสแกน เครื่องจะสแกนเห็นออร่าออกมา ออร่าของแต่คนแตกต่างกัน สีที่แสดงผลออกมาจะบ่งบอกถึงอุปนิสัยของผู้บำบัดแต่ละคน บางคนมีปัญหา ดูได้จากสีออร่าที่สแกนออกมาได้ค่ะ” อัญชลี บอก

             อัญชลี ย้ำส่งท้ายว่า ก่อนที่จะมาทำการบำบัด ผู้ที่มารับการบำบัดจะต้องยอมเปิดใจปลดปล่อยเรื่องราวที่ค้างคาอยู่ในใจตั้งแต่อดีตออกมาให้หมด เพื่อเปิดรับพลังที่ดีที่เธอจะส่งตรงเข้าไปบำบัดในร่างกาย เพื่อให้การบำบัดได้ผล บางคนมารับการบำบัดครั้งเดียวก็กลับออกไปอย่างมีความสุข บางคนมีปัญหามากต้องกลับมารับการบำบัดหลายครั้ง บางคนมารับการบำบัดแล้วเห็นผล ก็กลับไปแนะนำให้ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ มารับการบำบัดด้วย ผู้บำบัดบางคนเป็นชาวต่างชาติ เมื่อเดินทางกลับไปประเทศของเขาแล้ว แต่มีปัญหาต้องการจะรับการบำบัดอีก ก็จะใช้วิธีโทรศัพท์กลับมาและสื่อสารกันทางจิต แม้แต่แม่ของเธอที่อาศัยอยู่ในประเทศอินเดีย เวลาเจ็บป่วยหรือไม่สบายใจ ก็จะสื่อสารกับเธอทางจิตเช่นกัน ซึ่งวิธีการบำบัดแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ แต่เป็นเรื่องของความเชื่อ ที่ผู้ทำการบำบัดและผู้มารับการบำบัดต้องเปิดใจสื่อถึงก่อน การบำบัดจึงจะบรรลุผล

             จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ) ชื่อว่า มูละธารณะ อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก

             เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์ ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ

             จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ) ชื่อว่า สวาธิษฐานะ อยู่ตรงปลายก้นกบ

             เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง ควบคุมระบบการสืบพันธุ์ ระบบการขับถ่าย รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ ท่อปัสสาวะ อวัยวะสืบพันธุ์ มดลูก รังไข่ ช่องคลอด ทวารหนัก

             จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ) มีชื่อว่า มณีปุระ อยู่ตรงแนวสะดือ ตัดกับกระดูกสันหลัง

             เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย ใช้รักษากระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ไส้ติ่ง ตับ ม้าม กระเพาะปัสสาวะ ไต ถุงน้ำดี ต่อมหมวกไต และโรคเบาหวาน

             จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ) ชื่อว่า อะนาหตะ อยู่ตรงแนวหัวใจ ตัดกับกระดูกสันหลัง

             เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต หัวใจ และระดับไขมันในเส้นเลือด ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยง่าย

             จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ) ชื่อว่า วิศทะ อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ ตัดกับกระดูกสันหลัง

             ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลของสติปัญญา ใช้รักษาโรคปอด หลอดลม ลำคอ ไซนัส ต่อมผิวหนัง หลอดลมอักเสบ หอบหืด ไอ จมูก ผื่นคัน โรคผิวหนัง

             จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ) ชื่อว่า อะชะ อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน (ห้าม ผู้สำเร็จ ระดับ 1, 2, 3, 4 และ 5 ใช้จักระนี้ในการรักษาโรคอย่างเด็ดขาด)

             ควบคุมสติปัญญา ความนึกคิด ความเฉลียวฉลาด และระบบประสาท ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ ทำสมาธิเท่านั้น (ถ้ารักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด)

             จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ) ชื่อว่า สหสราระ อยู่ตรงกลางกระหม่อม หรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว

             ควบคุมระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง ใช้รักษาเส้นประสาท สมอง ตา หู อวัยวะในช่องปาก โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไปที่อยู่นอกเครือข่ายของจักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ ไทรอยด์ ต่อมทอนซิล กล่องเสียง