นับถอยหลัง...ไทยลีก 2016 | คมชัดลึก

 

                      เหลืออีกเพียง 1 สัปดาห์ ฟุตบอลลีกสุงสุดของไทยที่เปลี่ยนชื่อจาก “โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก” มาเป็น “ไทยลีก” จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 5-6 มีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นการสิ้นสุดการรอคอยของแฟนบอลไทย

 

                      “ไทยลีก 2016” ถือเป็นฤดูกาลที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยการจัดการแข่งขัน เนื่องจากเดิมที บจก.ไทยพรีเมียร์ลีก รับผิดชอบในการจัดการแข่งขันมาโดยตลอด ทว่าหลังจากที่การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเสร็จสิ้นลง “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคม ตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ คือ บริษัท พรีเมียร์ลีก ไทยแลนด์ จำกัด หรือ “พีแอลที” โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ซึ่งจะเข้ามาจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 2016

 

                      แม้จะเปลี่ยนฝ่ายจัดการแข่งขันแต่ความมันของฟุตบอลลีกสูงสุดยังคงน่าติดตามเหมือนเดิม!!!

 

 

 

                      แน่นอนว่าในการลุ้นแชมป์ยังคงเป็นไฮไลท์ของการแข่งขันเหมือนเดิม ซึ่งฤดูกาลนี้ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ อเลกซานเดอร์ กามา ยังคงทำหน้าที่เฮดโค้ชต่อไป โดยบุรีรัมย์ เปลี่ยนแปลงทีมน้อยมากจากฤดูกาลก่อนที่คว้าถึง 5 แชมป์ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า “ปราสาทสายฟ้า” ยังคงรักษาความแข็งแกร่งจากปีก่อนเอาไว้ได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะการมี ดิโอโก ซานโต ดาวซัลโวที่ซัดไป 45 ประตู รวมทุกรายการเมื่อปีที่แล้ว เป็นกองหน้าล่าตาข่าย ทำให้บุรีรัมย์ ยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวและเป็นเต็ง 1 ของปีนี้

 

                      อย่างไรก็ตาม “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทองฯ อดีตแชมป์ 3 สมัย ที่ต้องมือเปล่ามา 3 ปีติดต่อกัน ยังคงถูกยกให้เป็นเต็ง 2 ทว่าเป็นปีที่เอสซีจี เมืองทองฯ มีลุ้นตำแหน่งแชมป์มากที่สุดเนื่องจากเสริมทัพได้อย่างน่ากลัว นำโดย 4 ผู้เล่นทีมชาติไทย “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา และอดิศักดิ์ ไกรษร จากบีอีซี เทโรศาสน ทั้งหมด นอกจากนั้นยังกลับมาใช้บริการเฮดโค้ชชาวไทย คือ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ทำให้ถูกมองว่าปีนี้ “กิเลน” น่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารระหว่างโค้ชกับนักเตะ

 

 

 

                      บุรีรัมย์ กับ เอสซีจี เมืองทองฯ อาจเป็น 2 ทีมที่ห้ำหั่นกันโดยตรง แต่ แบงค็อก ยูไนเต็ด, บางกอกกล๊าส และสุพรรณบุรี คือ 3 ทีมที่ถูกมองว่าจะเป็นตัวสอดแทรกที่ดีในการสร้างสีสันของการลุ้นแชมป์ในปีนี้

 

                      แบงค็อก ยูไนเต็ด ยังคงใช้บริการของ อเลกซานเดอร์ มาโน โพลกิง เหมือนเดิม ซึ่งปีที่แล้วผลงานดีมากจนเกือบได้ตั๋วเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แม้ปีนี้จะเสีย โรแมง กัสมี ดาวยิงชาวฝรั่งเศส แต่นักเตะที่เข้ามาทดแทนถือว่ามีศักยภาพไม่ด้อยไปกว่ากัน คือ มาริโอ ยูรอฟสกี อดีตกองกลางทีมชาติมาซิโดเนีย ของเอสซีจี เมืองทองฯ นอกจากนั้นยังได้ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย อดีตกองหน้าทีมชาติไทย มาร่วมทัพด้วย

 

                      ส่วนบางกอกกล๊าส ของ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด ได้นักเตะมาเสริมทีมหลายคน และในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมาถือว่าทุกคนโชว์ฝีเท้าได้น่าประทับใจ อาทิ อาเรียล โรดริเกวซ กองหน้าทีมชาติคอสตาริกา, สุรชาติ สารีพิมพ์ ดาวยิงจากเพื่อนตำรวจ หรือแม้แต่ ลาซาลัส คาอิมบี อดีตกองหน้าของทีมที่ได้สัญญาฉบับใหม่กลับมาอีกครั้ง

 

                      ด้านสุพรรณบุรี เปลี่ยนแปลงทีมเยอะมาก ไล่ตั้แต่เฮดโค้ชแต่งตั้ง แซร์โจ อปาเรซิโด อเลกซานเดร กุนซือชาวบราซิลมาทำหน้าที่ พร้อมนักเตะอย่าง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายทวารทีมชาติไทย, รัตนะ เพ็ชรอาภรณ์ กองกลางจอมเก๋า, กิลเญโม เดลลาตอเร ฯลฯ แถมยังจะได้ ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางทีมชาติไทย ที่เจ็บไปนาน 1 ปี กลับมาลงสนามในปีนี้ได้อีก ทำให้หลายฝ่ายมองว่า สุพรรณฯ น่าจะมีลุ้นเหมือนปีที่แล้ว

 

 

 

                      ชลบุรี, ราชบุรี, ชัยนาท, อาร์มี่, ศรีสะเกษ, โอสถสภา, ราชนาวี, นครราชสีมา และเชียงราย ยูไนเต็ด คือ 9 ทีมที่มีประสบการณ์ในเวทีลีกสูงสุดจากปีที่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าทั้งหมดจะสร้างสีสันได้เป็นอย่างมาก

 

                      ชลบุรี สร้างความอือฮาด้วยการตั้ง “น้าเทิด” เทิดศักดิ์ ใจมั่น มาทำหน้าที่เฮดโค้ชแอนด์เพลเยอร์ รวมถึงซื้อ ปกเกล้า อนันต์ กองกลางทีมชาติไทย มาเสริมทีม ซึ่งอาจทำให้แฟนบอลได้ดีใจ แต่รายชื่อนักเตะที่เสียไปโดยเฉพาะ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล กับ ติอาโก คุนญา คือปัญหาที่ทำให้ปีนี้ ชลบุรี น่าจะได้แค่ประคองตัวเอง

 

                      เช่นเดียวกับราชบุรี ที่แม้ว่าปีที่แล้วผลงานจะดีมากๆ และยังมี เฮเบอร์ตี เฟอร์นันเดซ นำทีม แต่หากทุกทีมจับทางได้ก็น่าจะลำบาก รวมถึง ชัยนาท ที่เสริมทัพหลายตำแหน่งและมีแชมป์ “ช้าง ชลบุรี อินวิเตชั่น 2016” มาเรียกความมั่นใจ แต่พอถึงฤดูกาลแข่งขันจริงพวกเขามักแพ้ภัยตัวเองตลอด

 

                      ส่วนโอสถสภา, ราชนาวี, อาร์มี่ ยูไนเต็ด, ศรีสะเกษ, เชียงราย ยูไนเต็ด และนครราชสีมา อาจมีการเสริมทัพหลายตำแหน่ง แต่ต้องยอมรับว่ายังไม่ดีพอสำหรับการลุ้นแชมป์ แต่ไม่ถึงขั้นต้องหนีตกชั้น แถมยังน่าจะต่อกรกับทีมใหญ่ๆ ได้แบบไม่เป็นรองอีกด้วย

 

 

 

                      บีอีซี เทโรศาสน, บีบีซียู, พัทยา ยูไนเต็ด และสุโขทัย คือ 4 ทีมที่ถูกมองว่ามีโอกาสอยู่รอดปลอดภัยน้อยที่สุด

 

                      บีอีซี เทโรฯ อดีตแชมป์ลีกสูงสุด อาจมีการแลกเปลี่ยนตัวผู้เล่นและได้นักเตะจากเอสซีจี เมืองทองฯ มาหลายคน แต่เทียบไม่ได้กับแกนหลักที่ต้องเสียไปมากกว่าครึ่งทีม ทำให้ปีนี้อาจต้องลุ้นเหนื่อยกับการหนีตายอีกครั้ง

 

                      ส่วนบีบีซียู, พัทยา ยูไนเต็ด และสุโขทัย 3 ทีมน้องใหม่ ต้องเจองานที่ยากแน่นอน ซึ่งบีบีซียู รู้ตัวว่าได้เล่นไทยลีกก่อนเปิดฤดูกาลไม่ถึง 1 เดือน เช่นเดียวกับสุโขทัย ที่แม้ว่าจะซื้อผู้เล่นระดับไทยลีกมามากมาย แต่ชื่อชั้นยังไม่ใช่ตัวทีเด็ดเท่าไหร่ และพัทยา ยูไนเต็ด แม้จะรู้ว่าได้เล่นไทยลีกล่วงหน้า 2 เดือน แต่ขุมกำลังไม่ใช่ระดับลีกสูงสุดเลย

 

 

------------------------

 

 

 

 

 

                      18.00 น. ราชนาวี พบ ชัยนาท สนาม กม.5สัตหีบ

 

                      18.00 น. ศรีสะเกษ พบ สุโขทัย สนามศรีนครลำดวล

 

                      19.00 น. เชียงราย พบ สุพรรณบุรี สนามยูไนเต็ด

 

                      19.00 น. นครราชสีมา พบ เอสซีจี เมืองทองฯ สนามเฉลิมพระเกียรติฯ

 

                      20.00 น. บีอีซี เทโรศาสน พบ อาร์มี่ สนามเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มีนบุรี

 

 

 

                      18.00 น. แบงค็อก พบ บุรีรัมย์ สนาม มธ.รังสิต

 

                      18.00 น. ราชบุรี พบ บีบีซียู สนามกีฬา จ.ราชบุรี

 

                      19.00 น. ชลบุรี พบ พัทยา สนามชลบุรี

 

                      20.00 น. บางกอกกล๊าส พบ โอสถฯ สนามลีโอ

 

 

------------------------