
'น้ำต้มใบกระท่อม' ยาเสพติดอันดับ 1 วัยรุ่นภาคใต้
14 ก.พ. 2559
เรื่องเล่าข่าวดัง : 'น้ำต้มใบกระท่อม' ยาเสพติดอันดับ 1 วัยรุ่นภาคใต้ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม
ต้นเดือนที่ผ่านมาเกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้นที่ จ.พัทลุง เมื่อ 4 วัยรุ่นก่อเหตุ “ฆ่าฝังดิน” เพื่อนร่วมกลุ่มและยังรุมโทรมแฟนสาวผู้ตาย ซึ่งตั้งท้อง 3 เดือน ก่อนจับโยนเหวเขาพับผ้ารอยต่อระหว่าง จ.พัทลุง และ จ.ตรัง
วัยรุ่นกลุ่มนี้ต้องการฆ่าผู้หญิงเพื่อปิดปาก แต่ราวกับฟ้ามีตา เมื่อเหยื่อไม่เสียชีวิต ตะเกียกตะกายขึ้นจากเหวมาร้องขอความเป็นธรรม เป็นพยานหลักฐานสำคัญให้ตำรวจลากคอแก๊งวัยรุ่นสุดโหดกลุ่มนี้มารับโทษทัณฑ์
พฤติการณ์การก่อเหตุโหดเหี้ยมยากเกินให้อภัย บังคับสองหนุ่มสาวเข้าป่าเทือกเขาบรรทัด ขุดหลุมขนาดพอฝังคนสองคน บังคับให้ผู้ชายลงไปนั่งในหลุม ดูการกระทำของ 4 วัยรุ่น ที่คุกคามแฟนสาว หลังจากนั้นจึงลั่นไกใส่ฝ่ายชาย แต่ยังไม่สิ้นใจจึงใช้มีดแทงซ้ำ โดยขณะลงมือบังคับให้ฝ่ายหญิงดูวาระสุดท้ายของแฟนหนุ่มทุกเสี้ยววินาที ฝ่ายหญิงร้องขอชีวิตในเวลานั้นจนกลุ่มวัยรุ่นใจอ่อนลงชั่วขณะ แต่กลับพาหญิงสาวไปที่เขาพับผ้ากระหน่ำแทงแล้วโยนร่างลงไปในเหวข้างทางแทน
หลังถูกจับกุมแทนที่จะสำนึกผิดกลับให้การต่อตำรวจโดยไม่มีทีท่าสะทกสะท้าน แถมบางช่วงยังหัวเราะลั่น ที่สำคัญคือช่วงหนึ่งของการสอบปากคำ ฆาตกรกลุ่มนี้เปิดปากหมดเปลือกว่า ก่อนลงมือก่อเหตุได้ล้อมวงกันดื่มน้ำต้มใบกระท่อม ยาเสพติดที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงแทบทุกพื้นที่ของจังหวัดทางภาคใต้ในเวลานี้
นี่คือผลพวงของฤทธิ์ยาเสพติดที่รู้จักกันในนาม “สี่คูณร้อย” ซึ่งความรุนแรงเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
หากย้อนไปเมื่อปี 2547 กรณีวัยรุ่นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จับมีดวิ่งเข้าห้ำหั่นเจ้าหน้าที่รัฐ จนเกิดการปะทะกัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในวันนั้นเพียงวันเดียวกว่า 100 คน เมื่อสืบสาวราวเรื่องดูก็พบว่า ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นจะลงมือแบบไม่กลัวตายนี้ มีการดื่มน้ำสาบาน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วก็คือน้ำต้มใบกระท่อม
ระยะหลังมานี้ไม่ใช่เฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่น้ำต้มใบกระท่อมกลับลุกลามระบาดในกลุ่มวัยรุ่นในทุกจังหวัดของภาคใต้ หรือแม้แต่ในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อย่างมีนบุรี และหนองจอก ก็ระบาดไม่แพ้กัน ซึ่งว่ากันว่าน้ำต้มใบกระท่อมคือยาเสพติดที่ระบาดรุนแรงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในพื้นที่ 14 จังหวัดของภาคใต้ก็ว่าได้
หลายคดีที่มีกลุ่มวัยรุ่นลงมือก่อเหตุก็มักอ้างก่อนลงมือก่อเหตุจะรวมกลุ่มซดน้ำต้มใบกระท่อมกันก่อน แต่กลับเป็นที่น่าแปลกใจมีความพยายามของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดบางราย พยายามที่จะผลักดันให้มีการถอดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด
“วชิระ อำพนธ์” ผู้อำนวยการกองควบคุมวัตถุเสพติด อย. ให้ข้อมูลว่า ในอดีตทางการแพทย์นำใบกระท่อมมาใช้ในการรักษาอาการท้องเสีย เพราะมีรสฝาด ใช้ในการรักษาอาการปวดชา แก้โรคเบาหวาน
“ใบกระท่อมมีสรรพคุณทางยา หากใช้แค่การบดเคี้ยวในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้รักษาโรคได้หลายอย่าง แต่กลุ่มผู้เสพยาเสพติดกลับนำไปเป็นส่วนผสมกับยาแก้ไอ น้ำอัดลม หรืออื่นๆ เรียกกันว่า สูตรสี่คูณร้อย เมื่อเสพแล้วจะมีฤทธิ์กระตุ้นประสาททำให้มีอาการเคลิบเคลิ้ม กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ภาคใต้ และขยายวงกว้างมาในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มาจากจังหวัดภาคใต้ที่เดินทางเข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร” ผู้อำนวยการกองควบคุมคุมวัตถุเสพติด อย. กล่าว

ปัจจุบัน “กระท่อม” จัดอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 กลุ่มเดียวกันกับกัญชา ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ซึ่งแม้จะถูกจัดให้อยู่ในบัญชียาเสพติด มีการกวาดล้างปราบปรามอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีการลักลอบปลูก ลักลอบจำหน่าย มีการหลุดรอดถึงกลุ่มผู้เสพได้ง่าย และที่น่ากังวลยิ่งกว่าพบว่า ผู้ที่เสพน้ำต้มใบกระท่อมจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุราว 15-24 ปี ในจำนวนนี้มีไม่น้อยกำลังร่ำเรียนอยู่ในสถานศึกษา
“เห็นเด็กแถวบ้านต้มดื่มกัน ก็อยากลองบ้าง ไปร่วมวงกับเขา ใบกระท่อมหาซื้อง่ายกว่ายาบ้า ราคาถูกกว่า มี 100 บาทซื้อได้ 50 ใบ โค้กก็น้ำอัดลม ยาแก้ไอก็หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนจับเหมือนยาชนิดอื่น เมื่อดื่มไปแล้วก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอยากทำอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่ค่อยรู้ตัวหรอก” ผู้เสพน้ำต้มใบกระท่อมวัย 22 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างการรับการบำบัด ให้ข้อมูล
เขาอ้างด้วยว่า เมื่อดื่มน้ำต้มใบกระท่อมตามสูตรสี่คูณร้อยที่เป็นที่นิยมกันแล้ว จะทำให้เคลิบเคลิ้ม หลุดไปจากโลกความเป็นจริง มีความกล้ามากขึ้น และมักทำอะไรที่ห่ามๆ ตามคำยั่วยุของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และการดื่มน้ำต้มใบกระท่อมมักล้อมวงดื่มกันคราวละหลายคน มีโอกาสสูงที่จะมีการยุยงให้มีการกระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรนัก ซึ่งทุกคนที่ดื่มจะมีความกล้า พร้อมที่จะทำอะไรแบบห่ามๆ ไม่กลัวตายหากได้รับการยุยงปลุกปั่นหรือการท้าทายกันในกลุ่ม
“ณรงค์ รัตนานุกูล” เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ข้อมูลว่า ระยะหลังมานี้แก๊งค้าใบกระท่อมจะอาศัยบริการสาธารณะในการซื้อขายกัน โดยล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้ทำบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู ร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อสกัดกั้นการขนส่งหรือลักลอบส่งยาเสพติด วัตถุออกฤทธิ์ รวมถึงพืชกระท่อม และสิ่งผิดกฎหมายอื่นทางพัสดุภัณฑ์ไปรษณีย์ ซึ่งสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะเดินหน้าปราบปรามกวาดล้างกันต่อไป เพราะปัจจุบันกระท่อมยังคงอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 แม้จะมีการเสนอให้ถอดกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ เพราะมีทั้งคุณและโทษ
“มีการศึกษาวิจัยในทุกตัวยา ทั้งกระท่อม กัญชา ซึ่งมีกระแสวิชาการว่ากระท่อมเองมีประโยชน์และโทษ คือทุกอย่างมันจะมีประโยชน์และโทษแน่นอน เราจึงต้องศึกษาให้รู้ว่า จริงๆ แล้วมีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน ถ้าเราจะนำประโยชน์ไปใช้แล้วไม่ทำให้เกิดโทษ ก็จะเป็นผลดี" เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว
ในปี 2558 มีการจับกุมผู้ปลูกพืชกระท่อมได้ 4,996 ราย ซึ่งจับได้ในหลายพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะภาคใต้ ที่กระท่อมเป็นพืชประจำถิ่น และยังจับกุมผู้ค้าผู้เสพได้ 8,938 คดี ยึดใบกระท่อมได้ 21,971 กิโลกรัม สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะมีกฎหมายควบคุมก็ยังเกิดปัญหา ซึ่งหาก “กระท่อม” ถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด อะไรจะเกิดขึ้น?
-------------------
(เรื่องเล่าข่าวดัง : 'น้ำต้มใบกระท่อม' ยาเสพติดอันดับ 1 วัยรุ่นภาคใต้ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม)