ข่าว

'เนวิน'ซัด'โลกสวย'วิจารณ์กามสูตร

'เนวิน'ซัด'โลกสวย'วิจารณ์กามสูตร

13 ก.พ. 2559

ฮือฮาภาพแกะสลักกามสูตร 12 ท่ารายล้อมรอบแท่นศิวลึงค์ขนาดใหญ่ภายในสวนสุขภาพศิวะ 12 ชาวเน็ตวิจารณ์แซดถึงความเหมาะสม 'เนวิน' อมยิ้ม 'โลกสวยไปหรือเปล่า'

 
                      13 ก.พ. 59  โลกออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพหินทรายแกะสลักรูปชายหญิงร่วมเพศด้วยท่าทางต่างๆ ไปติดตั้งล้อมรอบแท่นศิวลึงค์ขนาดใหญ่ ภายในสวนสุขภาพศิวะ 12 ข้างปราสาทพนมรุ้งจำลอง ภายในบริเวณศูนย์การค้า “บุรีรัมย์ คาสเซิล” ที่กำลังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวและช็อปปิ้งแห่งใหม่ของ จ.บุรีรัมย์ ในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “paiboon Intasri” และมีข้อความระบุด้วยว่า “เห็นข่าวนี้แล้วเพลียใจ บุรีรัมย์ไม่มีอะไรจะส่งเสริมหรือไรไม่ทราบ shopping mall แห่งใหม่ของบุรีรัมย์ กลางสวนประดับด้วยรูปปั้นท่าร่วมเพศกาลามสูตร 12 ท่าให้เด็กเดินศึกษาว่าจะเอาท่าไหนดีหรืออย่างไร"
 
                      "ทั้งนี้ เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม ยังมีสิ่งดีๆ อีกมากมายที่จะเอามาให้เด็กชื่นชมความงามของศิลปวัฒนธรรม ทั้งเทวรูป นางอัปสรา ศิวนาฏราช ทับหลัง ฯลฯ ทำไมไม่เอามา จะส่งกันไปไหนกาลามสูตรทุกวันนี้ก็มีข่าวข่มขืนกระทำชำเรากันตั้งแต่คนแก่ยันเด็กอนุบาลไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ทราบว่าเป็นโครงการของใคร ฝากท่านพ่อเมืองเนวินช่วยหน่อยครับ ที่ทำดีเราก็ชื่นชมครับ ทำกีฬาให้มีชื่อจนใครๆ ก็อยากใส่เสื้อทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำลานกีฬาให้เด็กเล่น ทำสนามให้เด็กแว้นเข้ามาแข่งในสนามไม่ต้องไปแข่งในถนนหลวงให้ชาวบ้านเดือดร้อนผมปรบมือให้จากใจจริง ทั้งหมดนี้ติเพื่อก่อครับ ไม่มีเจตนาอื่นใด...จากคนรักบ้านเกิด" ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม
 
 
\'เนวิน\'ซัด\'โลกสวย\'วิจารณ์กามสูตร
 
 
                      จากความคิดเห็นดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสฮือฮาขึ้นมา มีทั้งผู้เห็นด้วยและผู้คัดค้านสลับกันไป ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบตามที่ได้รับทราบข้อมูลพบว่ามีการเร่งตกแต่งรูปปั้นกามสูตร 12 ชิ้นล้อมรอบศิวลึงค์ขนาดใหญ่จริงบริเวณด้านหลังสนามไอ โมบายจริง โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ผู้ดูแลการจัดสวนสุขภาพดังกล่าวให้ข้อมูลว่า เป็นภาพแกะสลักจากกาลามสูตร และเป็นแนวคิดของประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ไม่ทราบถึงจุดประสงค์ที่นำรูปแกะสลักดังกล่าวมาตกแต่ง
 
 
\'เนวิน\'ซัด\'โลกสวย\'วิจารณ์กามสูตร
 
 
                      ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชี้แจงว่า ถือว่าประสบความสำเร็จที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะจุดมุ่งหมายในการสร้างเมืองบุรีรัมย์ได้ประกาศมาตลอดว่า 1. ต้องแปลก 2. ต้องอลังการ เพราะไม่แปลกใหม่ก็ไม่มีใครมาดู ถ้าทำเป็นรูปปั้นปกติก็ไม่มีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีใครสนใจ แต่ก็ขอบคุณที่ให้ความสนใจ นี่แสดงว่าสิ่งที่วางแผนไว้ประสบความสำเร็จ
 
 
\'เนวิน\'ซัด\'โลกสวย\'วิจารณ์กามสูตร
 
 
                      ผู้สื่อข่าวถามว่า การนำรูปปั้นกามสูตรในท่าทางต่างๆ มาตกแต่งไว้ในสวนสุขภาพจะกระทบกับเด็ก เยาวชนหรือไม่ นายเนวินตอบด้วยสีหน้าอมยิ้มว่า “โลกสวยไปหรือเปล่า” พร้อมระบุต่อว่า มนุษย์เราเกิดมา นี่เป็นจุดกำเนิดจักรวาล คนเราก็เกิดมาจากสิ่งนี่แหละ ทำไมไม่เรียนรู้หาวิธีที่สอนให้เด็กได้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร แล้วถ้าหากไม่ใช่ของที่มีประโยชน์คงไม่มีคนกำหนดให้เป็นสูตร และก็มีเรื่องราวมีคำวิพากษ์วิจารณ์ตามมา
 
                      “หากใครเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมก็ลองเข้ามาดูมามันเหมาะสมมั้ย สำหรับใครที่คิดว่ามันเหมาะสมก็ลองมาดูว่ามันดีขนาดไหน ส่วนแนวคิดก็ได้มาจากปราสาทหินพนมรุ้ง หากใครเคยไปก็จะเห็นว่าแกนกลางของปราสาทหินมีศิวลึงค์ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นอาวุธหรือเครื่องมือของพระศิวะที่ใช้ในการสร้างโลก ก่อให้เกิดกำเนิดจักรวาล ซึ่งคอนเซ็ปต์ก็เอามาจากของโบราณ ฉะนั้นกามสูตร 12 ท่าก็ไม่ใช่อะไรที่แปลกประหลาด ซึ่งถ้าไม่ดีจริงคนโบราณเขาคงไม่เขียน และไม่กำหนดเป็นกามสูตรไว้หรอก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย อินเดียก็มีการจัดแสดงรูปปั้นในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน” ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ระบุ
 
 
\'เนวิน\'ซัด\'โลกสวย\'วิจารณ์กามสูตร
 
 
                      ขณะที่ ผศ.สรเชต วรคามวิชัย อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ และเจ้าของศูนย์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน มองว่า ภาพแกะสลักในลักษณะดังกล่าวจัดแสดงอยู่ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นภาพที่แกะสลักจากเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของศาสนาฮินดู จึงมองว่าผู้ที่จัดทำน่าจะลอกเลียนแบบแนวคิดมาจากประเทศอินเดีย เพื่อต้องการให้เป็นจุดสนใจที่แปลกใหม่ และเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ หรือชีวิตจริงของมนุษย์โลก
 
                      “ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าจะมองในแง่มุมไหน แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ได้เป็นอะไรที่เสียหาย และคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เยาวชนเอาเป็นแบบอย่างในทางที่ไม่เหมาะสม เพราะปัจจุบันก็มีภาพในลักษณะดังกล่าวปรากฏอยู่ตามสถานที่ต่างๆ มากมายที่เด็กเยาวชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย” อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ฯ กล่าว