โจรไปไม่รอดขโมยพระสมเด็จมูลค่ากว่า20ล้าน | คมชัดลึก

           เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 30 ม.ค. ที่กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จีระวัฒน์ โพธินา รอง ผกก.ฯ และทีมได้จับกุมนายไชโย พรรณขาม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 10 ต.สีแก้ว อ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมของกลาง พระสมเด็จ จำนวน 4 องค์ และใบตรวจสอบพระแท้ออกโดยชมรมนักอนุรักษ์สะสมพระเครื่องสยาม โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค นาฬิกาโรเล็กซ์ นาฬิกาเรือนทองประดับเพชร สว่าน และอุปกรณ์ในการใช้งัดแงะ เช่น ไขควง สิ่ว คีมจับ

           พ.ต.อ.เกษม กล่าวว่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 86/58 ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นร้านขายยาชื่อร้าน Health Me ของนายอธิราช พิมพ์วิชัย โดยขโมยพระสมเด็จ 4 องค์ พร้อมกับใบตรวจสอบพระแท้ 2 องค์ นาฬิกา 2 เรือน เงินสด 3,200 บาท โน๊ตบุ๊ค 3 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง มูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบได้มีการสืบสวนจนทราบว่ารูปพรรณสัณฐานตรงกับนายไชโย และทราบว่าได้หลบหนีไปอยู่ที่ชุมชนภักดี แขวงจตุจักร กทม.จึงได้ติดตามจนจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ครบทั้งหมด พร้อมกับนาฬิกาโรเล็กซ์ที่สวมบนข้อมือด้วย

           นายไชโย ให้การรับสารภาพว่า ได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินที่ร้านขายยาของนายอธิราชจริง และได้นำเอาทรัพย์สินทั้งหมดติดตัวมาเพื่อนำไปขาย โดยโน๊ตบุ๊คขายไปเครื่องละ 2,000 บาท ส่วนพระเครื่อง ยังไม่ได้นำไปขาย เนื่องจากเห็นว่ามีใบรับรองเบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นของจริง แต่ก็ไม่กล้าไปขายเพราะเกรงว่าจะถูกติดตามตัวได้ง่าย ประกอบกับต้องรอตรวจสอบว่าเป็นของแท้เพราะรู้มาว่าใบรับรองใบตรวจสอบทำปลอมกันได้ ซึ่งถ้าเป็นของแท้จริงๆเชื่อมากกว่าว่า 30 ล้านก็มีคนซื้อ สำหรับพิมพ์ใหญ่พระประธาน แต่ยังไม่ขายก็ถูกตำรวจรวบตัวได้เสียก่อน และยังอ้างอีกว่าคงจะเป็นเวรกรรมที่ขโมยของคนอื่นจึงถูกจับกุมตัวได้ และก่อนนหน้านี้เคยต้องคุกคดียาเสพติดมาแล้ว 4 ครั้ง จากนั้นก็ออกขโมยของมาเรื่อย โดยในช่วงเดือนพ.ย.ได้ขโมยของที่ร้านค้าวัสดุได้ก๊อกน้ำทองเหลืองจำนวน 80 ตัว และสายไฟเบอร์ เดือนธันวาคมขโมยอุปกรณ์สว่าน เลื่อย ตู้เชื่อม ของช่างที่กำลังก่อสร้างโรงรับจำนำของเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และเข้าขโมยของที่ร้านโรงกลึง แล้วนำไปขายถูกๆ และในวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา นอกจากจะเข้าไปขโมยพระเครื่องที่ร้านขายยา แล้วยังไปขโมยสว่านไฟฟ้าของที่โรงกลึงที่เคยเข้าไปขโมยเมื่อเดือนธันวาคม ซึ่งอยู่ห่างจากร้านขายยาประมาณ 100 เมตร

           ด้านนายอธิราช พิมพ์วิชัย ผู้เสียหายซึ่งได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว โดยกล่าวขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 ที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายพร้อมของกลางอย่างรวดเร็ว โดยวันเกิดเหตุทราบว่า มีคนร้ายเข้าไปขโมยของ แต่ไม่กล้าออกมามาขัดขวาง เพราะเกรงอันตราย แต่โชคดีที่ร้านค้าใกล้กันมีกล้องวงจรปิดทำให้สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้ ส่วนพระสมเด็จที่มีครอบครองเป็นมรดกจากพ่อ ได้นำไปตรวจสอบและได้ใบรับรองมาแล้ว 2 องค์ ซึ่งรุ่นพิมพ์ใหญ่มูลค่าตลาดประมาณ 10 ล้านบาท แต่คนเล่นกันมูลค่าสูงกว่านั้นเยอะมาก ส่วนพิมพ์องค์เจดีย์มูลค่าก็ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และยังมีอีก 2 องค์กำลังรอการรับรอง ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกขโมยไปมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท ส่วนนาฬิกามูลค่าแต่ละเรือนก็หลายหมื่นบาท โชคดีที่ได้ของคืนมาทั้งหมด เพราะทุกอย่างมีคุณค่าทางจิตใจมาก