ข่าว

‘บิ๊กตู่’ลั่น!ไม่คิดใช้ยางพาราทำ‘ตุ๊กตาลูกเทพ’

‘บิ๊กตู่’ลั่น!ไม่คิดใช้ยางพาราทำ‘ตุ๊กตาลูกเทพ’

25 ม.ค. 2559

‘พล.อ.ประยุทธ์’ ลั่น!รัฐบาลไม่มีแนวคิดใช้ยางพาราทำ ‘ตุ๊กตาลูกเทพ’ โยนภาคอุตสาหกรรมคิดเองจะใช้หรือไม่ เมิน ‘แอมเนสตี้’ จี้ยกเลิกคำสั่งจับนักศึกษา

 
     25 ม.ค.59 เมื่อเวลา 15.15 น. ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอให้นำยางพารามาผลิตตุ๊กตาลูกเทพ ที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวติดตลก ย้อนสื่อกลับว่า “ตุ๊กตาลูกเทพ หรือตุ๊กตายาง ไปแบ่งแยกกันให้ออกก่อน ที่เขานิยมกันคือตุ๊กตาลูกเทพ ใช่หรือไม่ ผมก็งงสื่อฯถามถึงตุ๊กตายาง” เรื่องนี้อยู่ที่สังคม ทำแล้วเกิดประโยชน์หรือไม่ จริงหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื่อ วันหน้าต้องดูว่าจะยั่งยืนหรือไม่ แต่ตนเองคิดว่าบางทีเป็นเรื่องของความเชื่อ
  
     ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าวันนี้คนไทยกำลังขาดอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่คิดหรอก วันนี้มันขาดเยอะแยะ ขาดในสิ่งที่ไม่ควรจะขาด เกินในสิ่งที่ไม่ควรจะเกิน ก็ยุ่งอยู่แบบนี้
  
     ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ธุรกิจต่าง ๆ ที่ออกมาจัดโปรโมชั่นให้กับตุ๊กตาลูกเทพ นายกฯ กล่าวว่า นี่อย่างไรหละ เราจึงจำเป็นต้องใช้เงินพอเพียง มีมากใช้มาก ถ้ามีน้อยก็อย่าไปซื้อ มีน้อยก็ใช้ตุ๊กตาตัวเล็กไปก่อน
     
     ส่วนกระแสกำลังได้รับความนิยมจะส่งเสริมให้ใช้ยางพาราไปผลิตตุ๊กตาลูกเทพ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่หัวข้อกิจกรรมหลักของรัฐ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของภาคอุตสาหกรรมที่จะทำการผลิต สำหรับตน เอาไปทำถนนมากกว่า แต่เรื่องตุ๊กตาลูกเทพ เป็นเรื่องของเขาที่มีกลไกปกติอยู่แล้ว ซึ่งตนเองก็ไม่เคยเลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ
  
     ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องเงินที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาราคายาง ตกลงได้ข้อสรุปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เอาน่า มีแล้วกัน”
  
 
‘นายกฯ’ ให้ใช้วิธีละมุนละม่อมจับนักศึกษา ม.บูรพา
              
 
     25 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบเข้าไปจับกุมตัวนายจักรพล ผลละออ นักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา  ชลบุรีไปคุมตัวที่มทบ.14 ชลบุรี ว่า เรื่องของนักศึกษาก็ว่ากันไป 
            
     ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการรายงานเข้ามาหรือยังว่าไปจับกุมด้วยสาเหตุอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เดี๋ยวทางฝ่ายความมั่นคงเขาดูแลหลายเรื่องที่เป็นความขัดแย้ง เดี๋ยวก็ว่ากัน รัฐบาลพยายามที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของความขัดแย้งมากนัก เพราะมันทำให้การพัฒนาของประเทศไปไม่ได้ ทุกคนมีหน้าที่อะไรก็ให้ว่ากันไปพยายามใช้มาตรการที่มันละมุนละม่อม พูดคุยกันซะให้ได้ คือถ้าไปใช้กฎหมายทุกเรื่องมันก็ยุ่งไปหมด ต้องไปดูว่าประเด็นความขัดแย้งคืออะไรถ้ามันเกิดขึ้นจริง
              
     ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนกรณีที่องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งการจับนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเคยขอร้องแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ที่เราว่าจะพูดให้เขาเข้าใจได้หรือไม่เพราะในเรื่องสิทธิมนุษยชนพูดกันมาหลายครั้งแล้ว แล้วสื่อเคยช่วยพูดให้บ้างหรือไม่ เพราะวันนี้องค์กรระหว่างประเทศที่เขารู้มาก็มาจากบุคคลที่บิดเบือน และจากสื่อที่อาจไม่มีเจตนา และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทุกคนก็รู้กันอยู่ ว่าการดำเนินการตามกฎหมายวันนี้ก็ทำกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย อย่าไปยึดโยง เมื่อทำความผิดก็คือความผิด กฎหมายก็คือกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็บังคับใช้กฎหมายกับใครไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร
              
     ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีเอง เคยระบุว่าได้ชี้แจงกับต่างประเทศแล้วหลายครั้งทำไมยังไม่เข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ชี้แจงไปแล้ว แล้วเขาจะเชื่อไหมละ ก็พวกสื่อยังประโคมข่าวอยู่กันอยู่แบบนี้ แล้วไปดูซิที่เราชี้แจงไปยังต่างประเทศเขากอดคอ อยู่กับใคร ทุกคนก็เห็นอยู่ทั้งหมด จะมาถามให้เป็นเรื่องอีก ก็มีรูปทั้งหมด ถามว่าคนเหล่านี้สร้างประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติบ้าง แล้วที่ผ่านมาเขาเลือกข้างหรือเปล่า สำหรับผมไม่ได้เลือกข้างใคร ถ้าเขาดีด้วยผมก็ดีด้วย แต่ถ้าผิดกฎหมายทุกคนก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด อย่าเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนมาปนกับเรื่องของกฎหมาย เอาเรื่องประเทศชาติมาปนกับเรื่องส่วนตัว มันไม่ได้”
  
 
‘นายกฯ’ กำชับพื้นที่ท่องเที่ยวทั่วปท.เข้มงวดผู้ให้บริการรถสาธารณะ
 
 
     พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ส่วนราชการในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สมุย พัทยา ฯลฯ เข้มงวดกวดขันและกำกับดูแลผู้ให้บริการรถสาธารณะโดยเฉพาะรถแท็กซี่ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากว่า ผู้ให้บริการแท็กซี่ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มักเรียกเก็บค่าโดยสารราคาแพงแทนการกดมิเตอร์
  
     “นักท่องเที่ยวร้องเรียนว่า มีคนขับรถแท็กซี่เรียกเก็บเงินค่าโดยสาร 400 บาท ทั้งๆ ที่ระยะทางว่าจ้างไม่ถึง 1 กม. เมื่อผู้โดยสารไม่ยอมขึ้น ก็ส่งสัญญาณให้คันต่อๆ ไป ไม่รับผู้โดยสารด้วย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เอาเปรียบผู้อื่น ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศอย่างมาก ก่อนหน้านี้ คสช.ลงไปจัดระเบียบจนเกิดความเรียบร้อย และแท็กซี่ทุกคันมีมิเตอร์แจ้งราคา แต่ในระยะหลังเริ่มกลับมามีปัญหาเหมือนเช่นเดิมอีก”พล.ต. สรรเสริญ กล่าว
  
     โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ เร่งแก้ปัญหาให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยให้ดูแลครอบคลุมทั้งรถแท็กซี่ รถตู้ รถจักรยานยนต์รับจ้าง และผู้มีอิทธิพลที่เรียกเก็บค่าหัวคิว หากพบว่ามีการกระทำผิดขูดรีดเอาเปรียบประชาชนและนักท่องเที่ยวให้จับกุมดำเนินคดี รวมทั้งยึดรถหรือใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนให้มีการกระทำผิดให้ลงโทษอย่างหนักด้วยเช่นกัน
  
     “รัฐบาลยอมไม่ได้กับพฤติกรรมที่ทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวของประเทศในลักษณะนี้จึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ทั้งนี้ มีหลายพื้นที่ที่ประสบปัญหามานานแล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยขอให้ใช้โอกาสนี้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยน้ำใจ และช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ และหากใครพบการกระทำผิดหรือพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว สามารถโทรแจ้งได้ที่สายด่วน 1111 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน โทร 1584, 1337 ตลอด 24 ชม.”พล.ต. สรรเสริญ กล่าว
 
 
‘นายกฯ’ ปาฐกถา ‘การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2559’ ลั่นเหลือเวลา 1 ปี 6 เดือนเดินหน้าเต็มที่
 
 
     เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องแพลนนารี่ ฮอลล์ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 2559” โดยมีใจความตอนหนึ่งว่าทุกวันนี้มีคนทวงว่ามานานแล้วเมื่อไรจะไปสักที ตนเลยต้องแต่งเพลงที่ 2 ออกมาวันนี้การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกมีปัจจัยหลายอย่างในการเปลี่ยนแปลง ทั้งปัจจัยภายใน ภายนอก สถานการณ์ความขัดแย้งต่างๆทำให้การเจริญเติบโตของประเทศลดลง ล่าช้าโดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งรายได้หลักของประเทศส่วนใหญ่มาจากการค้า การลงทุน ภาษีแต่ในส่วนของประเทศไทย แม้ความเข้มแข็งไม่เพียงพอขีดความสามารถในการแข่งขันน้อยแต่ก็สามารถประคับประคองสถานการณ์มาได้แต่ก็มีคนพยายามบิดเบือนว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนเข้ามาบริหารประเทศแต่ยืนยันว่าการที่เข้ามาตั้งใจจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้นแก้ไขปัญหาทุกอย่างของประเทศซึ่งไม่ใช่เฉพาะเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวโดยประเทศไทยมีเรื่องที่จะต้องปฏิรูปทั้งหมด 11 ด้าน 37 วาระ กับ 2 วาระที่ต้องพัฒนา ซึ่งแตกย่อยไปอีกจำนวนมากไม่รู้ว่าทำไปถึงชาติหน้าจะหมดหรือไม่ เพราะชาติที่แล้วไม่ค่อยทำกันเลยต้องทำชาตินี้และขณะที่กำลังดำเนินการก็ยังมีคนมาคอยบิดเบือนจนทำให้การพัฒนาล่าช้า
 
     “ผมพยายามใช้ช่วงเวลาที่วิกฤตขณะนี้มาเป็นโอกาสในการสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในระบบเศรษฐกิจจะต้องพึ่งพาอาศัยกันและเราต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้เพื่อที่จะได้มีที่ยืนในเวทีโลกอย่างมีเกียรติยศ และศักดิ์ศรีไม่เช่นนั้นพูดอะไรไปไม่มีใครได้ยิน เพราะประเทศเล็กและเรายังไม่แข็งแรงเพียงพอเราต้องทำให้ประเทศแข็งแรงให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นด้วยทุกคนร่วมมือกัน ผมเป็นทหารตลอดชีวิตแต่ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นโดยเร็วทุกอย่างผมได้วางแผนงานเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาได้วางพื้นฐานโรดแม็พของคสช. วันนี้มาดูในเรื่องของการปฏิรูปซึ่งอยู่ในระยะที่ 2 ของโรดแม็พ และขั้นตอนที่ 3 ก็ส่งต่อรัฐบาลหน้าวันนี้ตอนนี้เราอยู่ในช่วงระยะที่ 2 เหลือเวลาอยู่อีก 1 ปี 6 เดือนซึ่งผมไม่เคยบิดเบี้ยว แต่มีปัญหาเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่ของผมเพียงคนเดียวทุกอย่างโยนมาให้ผมรับผิดชอบทั้งหมด โดยทุกคนจะไม่ร่วมมือไม่ได้เพราะประเทศนี้ไม่ใช่ของผมแต่เป็นของคนไทยทุกคนดังนั้นจะต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรให้ความขัดแย้งลดลงและไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าเราทำวันนี้ล้มเหลว วันข้างหน้าจะล้มเหลวยิ่งกว่านี้เราก็จะการเป็นรัฐที่ล้มเหลววันข้างหน้าก็คงต้องต่างคนต่างอยู่อย่างอิสระเสรีถ้าจะเอาอย่างนี้ก็ว่ากันไปแต่ผมยังยืนยันว่าจะทำงานแบบนี้ด้วยความร่วมมือของทุกคนผมจะทำตัวเป็นแก้วน้ำที่เต็มแล้วสำหรับคนบางประเภทแต่สำหรับเรื่องที่ไม่เคยรู้ผมก็จะเป็นแก้วน้ำครึ่งแก้วผมเป็นคนแบบนี้จะรับฟังในสิ่งที่ผมควรจะฟังสิ่งที่ไม่อยากฟังผมก็ค่อนข้างหงุดหงิดเพราะมันไม่เกิดกับผมและประเทศเลยมีแต่จะสร้างความขัดแย้งไปเรื่อยๆ จึงขอร้องให้ช่วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
     นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทำงานจนมากเกินไปซึ่งบางเรื่องก็เป็นแค่นโยบายการขับเคลื่อนทั้งหมด อยู่ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) ทั้งหมดจะต้องลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นได้บางคนยังไม่รู้ว่าอะไรคือความเหลื่อมล้ำ อะไรคือความเป็นธรรมแล้วจะเป็นนักประชาธิปไตยได้อย่างไร ไม่ใช่อะไรๆก็ประชาธิปไตยเพียงอย่างเดียวจะต้องมีแต่การเลือกตั้งมันไม่ใช่
 
     นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ดูสารคดี ซึ่งมีครอบครัวทำธุรกิจค้าปลากะพงในประเทศหนึ่ง โดยลูกชายคนที่สองนำเรือออกไปจับปลา 20 วัน ให้ได้ 1.3 หมื่นปอนด์ เนื่องจากคำนวณค่าใช้จ่ายไว้แล้ว โดยไม่มีการต่อรองอะไรมากกว่านี้จากทางการ ช่วงแรกจับปลาไม่ได้ตามเป้า โดนพ่อดุ ขณะที่ตัวเองก็ไปใส่อารมณ์ดุลูกน้อง ดูแล้วนิสัยเหมือนตนเองขี้โมโห เห็นคนขี้เกียจไม่ได้ สุดท้ายพ่อได้สอนว่าอย่าดุลูกน้องต้องให้คำแนะนำ เป็นเจ้าของต้องทำงานร่วมกัน นำพาลูกน้องให้เข้มแข็ง ต้องใช้ธรรมาภิบาล ซึ่งทำให้จับปลาได้ตามเป้า แต่กลับไม่ดูแลปลาที่จับได้ ทำให้ราคาตก ส่งผลให้บริษัทของพ่อเสียชื่อเสียง  ทั้งนี้เมื่อจับปลาได้แล้วไว้นานยิ่งทำให้เสีย ก็คล้ายกับข้าวที่เสีย ฉะนั้นต้องรีบขาย บังเอิญลูกอีกคนที่ทำฝ่ายเว็บไซต์กำลังเครียดในการระบายปลาที่จับได้ เมื่อมองไปเห็นหมาตัวหนึ่ง จึงโทรศัพท์ไปโรงงานทำอาหารหมา ก็ทำให้ขายได้ 
 
     นายกฯ กล่าวต่อว่า ขนาดธุรกิจครอบครัวเขายังมีความรับผิดชอบขนาดนั้น ในประเทศไทยจะทำแบบนั้นไม่ได้หรือ ทุกอย่างต้องมีธรรมาภิบาล วันนี้เรากำลังทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ไม่ได้มาทำลายให้มันแย่ลง ฉะนั้นต้องช่วยตนในการสร้างคำอธิบายว่าอะไรจะมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งวันนี้มีปัญหาหลายเรื่องทับซ้อนกัน เมื่อเข้าไปแก้ก็มีผลกระทบหลายด้าน จึงต้องมีการปฏิรูปกฎหมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการค้าการลงทุน ให้เป็นแบบสากลต่างๆ เพราะเราไม่มีการพัฒนาเรื่องเหล่านี้นานนับ 30 ปี วันนี้ตนต้องจับทุกอย่างมาให้เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งมันสมองของท่านทั้งหลายมีมากกว่าตนเยอะ แต่เกิดไม่ได้เพราะไม่มีฮาวทูดู ถ้าทำได้ประเทศจะก้าวหน้า
 
     นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้อาจจะดีขึ้น อากาศหนาวขึ้นดีใจ ถ้าร้อนมากก็มัวแต่ทะเลาะกัน ใจมันร้อน ฉะนั้นเย็นๆหน่อย จะได้สบายทะเลาะกันน้อยลง วันหน้าถ้าหิมะตกก็จะได้ขยันแบบเขาบ้าง ให้ประเทศที่เขาขยันเพราะอากาศหนาวให้เปลี่ยนไปร้อนบ้าง ดูว่าจะเป็นแบบเราไหม ต้องแลกกันบ้าง ทั้งนี้เราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน คนในประเทศต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการสร้างเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งต้องดูที่โครงสร้างรายได้ประเทศ และวันนี้หลายประเทศถอนโรงงานกลับ เป็นโรงงานที่ล้าสมัย แต่เราพยายามดึงเขากลับมาใหม่ จึงมีมาตราการต่างๆ ทั้งเรื่องการให้เช่าที่ดินต่างๆ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลมุ่งเอื้อประโยชน์คนรวย
 
     “ผมสรุปคนรวยคือคนรวย คนมีรายได้ปานกลางก็ปานกลาง คนจนก็คือคนจน จะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกเหรอ วันนี้รัฐบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นขับเคลื่อนขึ้นมาหลายคณะ สิ่งสำคัญของประเทศไทยคือต้องแก้กฎหมายให้ทันสมัย ในเชิงบูรณาการ ทุกคนอยากให้ผมใช้มาตรา 44 ทุกเรื่อง จะให้ใช้เพื่อยางราคาขึ้นมันสั่งใครวะ สั่งยางได้หรือเปล่า สั่งตลาดได้หรือเปล่า สั่งให้คนไม่ตายได้หรือเปล่า ไม่รู้ รวมไปถึงเรื่องจราจรด้วย โดยที่ผมสั่งเพราะให้คนเกรงใจกฎหมายตัวนี้ เพื่อจะได้ไม่ทำ แต่ก็ห้ามความคิดคนไม่ได้ กลับคิดว่ามาตรา44ดูแลการจราจร ในช่วงปีใหม่ทำให้คนตายมากกว่าเดิม บ้างอ้างว่าทำให้คนมีความสุขเที่ยวกันเยอะ เศรษฐกิจดีมีเงินเที่ยว โทษกันไปหมด ยกเว้นคนที่ตายไปแล้ว แต่ญาติพี่น้องมาโทษผม หาว่ารัฐบาลประกาศวันหยุดนานเกินไป แต่พอตำรวจตั้งด่านก็หาว่าละเมิดสิทธิ มันจะเอาอะไรกัน มันต้องมีได้มีเสีย มีการตรวจสอบถ่วงดุล เพราะคนดีๆมีเยอะ ถ้าไม่เอื้อประโยชน์สมยอม การทุจริตก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ วันนี้เราพยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด รัฐต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้ได้ ไม่ใช่โทษกันไปมา ถ้าอยู่แบบนี้ก็เป็นอย่างเดิม” นายกฯ กล่าว   
 
     นายกฯ กล่าวต่อว่า หลายครั้งทูตต่างประเทศเข้าพบก็ถามเรื่องการเลือกตั้ง ว่าจะมีปัญหากับการเป็นสมาชิกถาวรระหว่างประเทศหรือไม่ แต่เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับตน แต่เกี่ยวกับท่านว่าจะยอมรับการสมัครเลือกตั้งดังกล่าวหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดมาโทษตน ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว เพราะคนไทยไม่ชอบการบังคับ เราต้องดูกันด้วยสังคมแห่งความสงบสุข คนต้องอยู่ด้วยกฎหมายและสร้างความปรองดองระหว่างกัน ซึ่งต้องดูว่าสังคมแบบนี้จะบีบให้คนที่ไม่ดีอยู่ไม่ได้หรือไม่ คนดีคือคนที่ไม่ทำความผิด เรากำลังสร้างสังคมให้มีคุณธรรม สร้างองค์กรให้มีจริยธรรม มีธรรมาภิบาล เพื่อเตรียมการไว้สำหรับรัฐบาลเลือกตั้ง วันนี้ต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน รัฐบาลทำเต็มที่เพื่อวางรากฐาน ซึ่งในระยะที่สองของการปฏิรูปทั้งหมดต้องเดินด้วยแผนยุทธศาสตร์ 20ปี แต่วันนี้ทำไปกับติดปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน ทำให้ทุกอย่างไปไม่ได้ คนไทยต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง วันนี้เราทำ 3 อย่าง คือบริหารราชการแผ่นดินแบบบูรณาการ แก้ไขระบบบริหาราชการแผ่นดินใหม่ ห้ามมีผลประโยชน์ทับซ้อน นี่คือสิ่งที่รัฐบาลต้องการสร้าง แต่กลับถูกขัดขวาง ถามว่าที่ผ่านมานั้น ดีนักหรืออย่างไร แล้วที่ตนทำนั้นผิดตรงไหน 
 
     นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะแก้ไขพ.ร.บ. การใช้งบประมาณใหม่ โดยรัฐบาลหน้าจะต้องประชุมก่อนเพื่อจัดทำงบประมาณ โดยงบประมาณปกติต้องลดลง และต้องพูดถึงงบประมาณตามแผนการปฏิรูปหรืองบประมาณเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย โดยทุกกระทรวงต้องหารือร่วมกันให้มีคณะกรรมการขึ้นมาชุดเดียว เพื่อความสอดคล้อง ส่วนโครงการใดที่ไม่สำคัญหรือไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้ตัดออกไปก่อน ส่วนนักการเมืองตนไม่ยุ่งด้วยขอแค่ให้นึกถึงประเทศ วันนี้ที่หลายประเทศมีความมั่นคง เพราะว่ามียุทธศาสตร์ในการพัฒนา แต่ทุกอย่างของไทยกลับเป็นนโยบายของพรรคการเมืองเป็นส่วนใหญ่ เป็นนโยบายสวยหรูบ้างก็ทำ บ้างก็ไม่ได้ทำ และไม่มีใครคอยจับต้องว่านโยบายเหล่านั้นพรรคการเมืองได้ทำหรือไม่ ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้พรรคการเมืองทำตามนโยบาย ตนไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจแต่วันนี้สืบเพราะใคร ถ้าไม่สืบเพราะประชาชน ให้ประเทศแข็งแรง ไม่ต้องมีการเสียเงินใต้โต๊ะ ตนกำชับในทุกอย่างไม่ปล่อยให้มีการทุจริต
 
     นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการบินพลเรือนระหว่างประเทศและการประมงผิดกฎหมายนั้นเป็นปัญหาเดิมมาหลายปีแล้ว รัฐบาลพยายามแก้ไขทุกอย่าง ทั้งแรงงานต่างด้าว การค้ามนุษย์ ซึ่งในเรื่องของประมงได้มีการเจรจากับกลุ่มประเทศอาเซียนเกี่ยวกับการร่วมทุน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เราโดนใบเหลืองไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่เป็นเพราะมีคนไปพูดว่าตนเข้ามาเป็นรัฐบาล ทั้งที่เป็นการเข้ามาแก้ไขปัญหา ตนทำเพื่อประชาชน และถึงเวลาก็จะออกไปอยู่แล้ว ไหนใครอยากให้ไปเร็วๆยกมือขึ้นหน่อย ตนพูดเพื่อสร้างความเข้าใจ แต่วันนี้ปัญหาเยอะแต่ก็จะทำเท่าที่จะทำได้
     
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเข้ามาเป็นรัฐบาล ขณะนี้มี.7-8พันหมู่บ้านที่ยังไม่มีน้ำระปาใช้ ซึ่งตนยืนยันว่าภายในปี 2560 ตนจะทำให้มีน้ำประปาใช้ทุกหมู่บ้านไม่เช่นนั้นประชาชนจะเข้าไม่ถึงน้ำที่สะอาดตามหลักการของ ยูเนสโก้ และสหประชาชาติ การจะลงทุนอะไรก็ตามในเขตเศรษฐกิจพิเศษต้องมีการแก้กฎหมายทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าสั่งแล้วจะเกิดขึ้นได้เลย ต้องไปดูกันว่าทำอย่างไรแล้วประชาชนในพื้นที่ไม่เดือดร้อน ต้องเอาสิ่งเหล่านี้มาพูดจากัน ซึ่งปัญหาหลักๆคือกลุ่มคนจากภาคประชาชนที่มาต่อต้าน ด้วยความไม่เข้าใจ ก็พูดกันแต่เรื่องที่เป็นปัญหาว่าทำอย่างนี้แล้วจะเกิดอย่างนั้น แต่เรื่องดีๆ ไม่พูดกัน ซึ่งเราต้องช่วยกันง่าจะทำอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็ติดกันอยู่อย่างนี้
 
     “พลังงานต่างๆเราซื้อเข้าจากต่างประเทศหมด แล้ววันหน้าจะอยู่กันอย่างไร ทุกอย่างที่เป็นพลังงานเราต้องซื้อเขา วันหน้าถ้าเขาเลิกขายเราก็จบ คนไทยเป็นประเภทที่บอกให้ไม่ต้องสร้าง สร้างแล้วมีผลกระทบกับอากาศ รอบบ้านเขามีหมดก็ซื้อเขาสิครับ สบาย ต่อสายไปอย่างเดียว คิดอย่างนี้ได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจ วันหน้าความเสถียรของพลังงานไฟฟ้าจะทำยังไง” นายกฯ ระบุ
 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าจะให้ไปใช้พลังงานหมุนเวียน เช่นแสงแดดหรือลม คงไม่ได้เพราะบ้านเราลมไม่แรงพอ และต้นทุนสูง ซึ่งต้องเข้าใจตรงกัน แม้หลายคนจะเสนอรัฐบาล แต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าจะทำก็เกิดปัญหา ต้องเสียเงินกู้มากมาย แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้ผลก็เสียเวลา แต่ถ้าท่านอยากเสี่ยงทำก็ตามใจ ปัญหาต่อไปคือ ถ้าเราไม่ใช้พลังงานที่มีความเสถียร  เรายังไม่ไปถึงตรงนั้น แต่ประเทศอื่นเขาพัฒนาไปไกลกว่าเรา แต่เรายังไปไม่ได้ เราก็ต้องทำอย่างนี้ไปก่อน แต่ต้องควบคุมคุณภาพให้ดี แต่ตนไม่ได้เข้าข้างใคร นี่คือปัญหาของบ้านเรา ความเข้าใจ การบิดเบือน สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งไม่ได้สอนให้เรียนหนังสือจบ  ต้องสอนให้คนที่เรียนแล้วเอามาใช้ให้เป็น ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่เรียนมาแล้วนั่งเล่นเกมส์ เล่นโทรศัพท์อยู่บ้านเพราะไม่รู้จะทำงานอย่างไร ทำไม่เป็น เขาก็ไม่รับทำงาน "
 
     นายกฯ กล่าวด้วยว่า ตนอยากฝากภาคธุรกิจด้วย ในเรื่องการเรียนรู้อาจมีการเปิดคอร์สสั้นๆ นำผู้ที่เรียนจบไปแล้วแต่ไม่มีงานทำ มาฝึกในสิ่งที่เขามีศักยภาพเพื่อต่อยอดให้ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งในส่วนนี้จะสามารถตอบคำถาม อาชีพที่ขาดของ AEC นอกจากนี้ สำหรับ นักศึกษาปี 4 ที่กำลังจะเรียนจบ ต้องมีตัวเลือกให้เขา ว่าจบไปแล้วจะทำงานอะไร มีตำแหน่งรองรับ  รวมถึงธุรกิจที่เกิดขึ้นว่าเพียงพอที่จะรองรับหรือไม่ ต้องดูที่ ดีมานด์ ซัพพลาย ด้วย หากไม่พอจะส่งไปต่างประเทศได้หรือไม่ รัฐบาลจะได้มีการเจรจา รัฐต่อรัฐ เพื่อส่งคนเหล่านี้ไปแลกเปลี่ยนกับเขา เรื่องการลงทุนต่างๆ ทราบอยู่แล้วว่าปีนี้ มีการลงทุนไปหลายโครงการ ต้องดูกันในเรื่องความโปร่งใส เราก็มีองค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบอยู่แล้ว มีสัญญาคุณธรรม แต่ก็ยังทะเลาะกันอยู่ ไอ้นี่ก็ไม่อยากเข้า ไอ้นั่นก็อยากเข้า ทำไมถึงหาจุดร่วมกันไม่ได้ ตนไม่เข้าใจ ทุกคนพยายามรักษาบทบาทของตนเองเสมอ ทั้งที่ไม่มีการทุจริต แต่ก็ต้องรักษาตรงนี้ไว้ พลเรือนก็ไม่ไว้ใจ ต้องเข้าไปให้ได้ มันก็ตีกันอยู่แบบเดิม มันจะหาความร่วมมือไม่ได้เชียวหรือประเทศไทย 
 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนอยากให้ปีหกเดือนอะไรที่กันได้ทำเลย ถ้าเอามาสิบปัญหาสิบเรื่องมันตีกันทั้งสิบปัญหา ต่อไปถ้าไม่เสร็จก็ใส่ไปในรัฐบาลหน้า อย่าไปฟังใครเขาพูดตนไม่ต้องการอำนาจผลประโยชน์สักอย่างต้องช่วยกัน บริษัทใหญ่ๆต้องเกื้อหนุนสงสารคนจนเกษตรกรในเรื่องต้นทุนการผลิต เมล็ดพันธ์ ปุ๋ยแพง ค่าเช่านาถ้าฝนแล้งน้ำท่วมเกษตรกรก็ต้องเสียค่าเช่าถ้าไม่เสียก็ไปให้คนอื่นเช่า เราจะเอาเปรียบไม่ได้รวยไม่รู้จะรวยอย่างไรแล้ว ตนกำลังแก้ปัญหาเรื่องสัญญาเช่าที่ต่างๆและพ.ร.บ.ทวงหนี้ เรื่องนายทุนผลประโยชน์ต่างๆ ตนคิดทุกวันเมื่อคืนตื่นมาตีสามนอนไม่หลับ ต้องมาเขียน ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่น คิดแต่เรื่องแม่น้ำห้าสาย มันทำไมยุ่งจริงๆประเทศไทย ไม่คิดว่าจะมีปัญหามากขนาดนี้มาทำเองถึงรู้ เพราะต่างคนต่างความคิดและหวังดีทั้งหมดแต่หวังดีไม่เจอกัน ต้องแสวงหาทางออกร่วมกันให้ได้โดยสันติ เราก็ให้เวลาเปลี่ยนผ่านเพียงแต่ต้องยอมรับในการเปลี่ยนบ้าง ไม่ใช่ต้องเปลี่ยนแปลงเฉพาะสภาอุตสาหกรรมต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้คนอื่นคล้อยตามให้ได้ถึงจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ตนคงไม่ใช่ผู้นำแบบนั้น ตนเป็นเพียงผู้นำชั่วคราวมาปลดล็อกประเทศเท่านั้นเอง คนรุ่นเก่ากำลังทำให้คนรุ่นใหม่เอาใหม่เถอะลูกหลานจะได้มีอนาคต