
มติปชป.ตัดขาดสุขุมพันธุ์เมินแก้ไม่โปร่งใส
มติปชป.ตัดขาดสุขุมพันธุ์เหตุเมินประสานงานพรรคแก้ปัญหาความไม่โปร่งใส จากนี้ไปเป็นเอกเทศ พรรคไม่ร่วมรับผิดชอบ เหตุทัศคติไม่ตรงกัน-ไม่เคารพระบบพรรค
21ม.ค.2559 นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กทม.ร่วมกันแถลงจุดยืนคณะกรรมการบริหารพรรค ( กก.บห.) กรณีที่มีแนวทางการบริหารแตกต่างกันระหว่างพรรค กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผว.กทม.) ที่ไม่สามารถประสานงานได้ยาวนานกว่า 3 เดือน ว่า ตามข้อบังคับพรรคผู้บริหารท้องถิ่นจะต้องรับฟังแนวทางของพรรคด้วย โดยการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทั้งด้านประสิทธิภาพ ความโปร่งใส ในการบริหารงานของผู้บริหาร กทม. เพื่อให้มีการตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบ อันนำไปสู่การแก้ไขปรับปรุงเพื่อประโยชน์ประชาชน แต่เมื่อไม่สามารถดำเนินการได้พรรคจึงต้องรับผิดชอบทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนไว้วางใจ โดยจากนี้ไปการบริหารของ กทม.ถือเป็นการดำเนินการโดยเอกเทศของหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ เพราะพรรคไม่สามารถใช้ระบบและกลไกในการสนับสนุนติดตามตรวจสอบ การทำงานของ กทม.ได้ พร้อมกับขอโทษชาวกทม.ด้วย
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเรื่อง “หมู ๆ “ ที่จะตัดสินใจ โดยที่ผ่านมามีความพยายามประสานงานโดยตลอดแต่ไม่ประสบผลสำเร็จจนมาถึงวันนี้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นการส่วนตัว และกระแสตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่เป็นเรื่องการเคารพ ระบบพรรค ส่วนบุคลากรของพรรคที่ไปทำงานร่วมกับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ก็ต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะทำอย่างไร ทั้งนี้ ยังบอกไม่ได้ว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะมีผลต่อการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ในอนาคตหรือไม่ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน โดยในขณะนี้ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ ยังถือเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ เพราะพรรคไม่สามารถเปิดการประชุมได้ แต่จะตัดสินใจลาออกหรือไม่ขึ้นอยู่กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะพิจารณาเอง
“พรรคจึงเปิดทางให้ผู้ว่ากทม.ตัดสินใจตามทัศนคติของผู้ว่าฯเอง เพราะถึงเวลาที่ต้องให้ผู้ว่ากทม.รับผิดชอบต่อการบริหารงานของตัวเอง ซึ่งพรรคขอขอบคุณม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่เคยมีผลงานกับพรรคและประเทศ หวังว่าจะประสบความสำเร็จในการบริหารงานตามทัศคติของตัวเอง โดยไม่ถือว่าหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์มีความขัดแย้งกับพรรคเพราะไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล” นายจุติ กล่าว
ด้าน นายองอาจ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรกของพรรคประชาธิปัตย์ โดยที่ผ่านมาพรรคเคยมีมติขับนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา สก.บางรัก ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจากกรณีเข้าชิงตำแหน่งประธาน สก.แข่งกับนายสมชาย เวลารัชตระกูล ส.ก.เขตสายไหม ทั้งที่พรรคมีมติให้ส่งรายชื่อเดียวมาแล้ว แต่กรณีของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ไม่สามารถที่จะเปิดประชุมได้จึงเพียงแต่แสดงจุดยืนของพรรคให้ประชาชนรับทราบ ซึ่งหากม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไม่ลาออกจากรองหัวหน้าพรรค และพรรคสามารถเปิดประชุมได้จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปอย่างไรนั้น คงตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบการตัดสินใจของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โดยเชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ภายในพรรคหรือทำให้มีส.ส.แยกตัวออกจากพรรคไป และการตรวจสอบต่าง ๆ ก็จะดำเนินการตามปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอดีตส.ส.ของพรรคที่ไปร่วมบริหารงานกับหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ ประกอบด้วย นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่ากทม. และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ที่ปรึกษาผู้ว่ากทม.
สุขุมพันธุ์เมินปชป.แถลงขับออกพรรค
นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะโฆษกประจำตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์แถลงข่าวตัดขาดความรับผิดชอบม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในการทำหน้าที่ผู้ว่าฯกทม.ว่าจากกรณีดังกล่าวสิ่งที่ต้องพิจาณาว่าการแถลงข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ เป็นมติในนามของพรรค หรือเป็นเรื่องส่วนบุคคล เนื่องจากพรรคเป็นองค์กร มีกรรมการบริหารพรรคเพื่อขับเคลื่อนการทำงานซึ่งที่ผ่านมาที่ไม่สามารถติดต่อม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้ เพราะติดภารกิจต่างๆ อาทิปั่นเพื่อแม่ ปั่นเพื่อพ่อ หรืองานสำคัญๆกรณีนี้จึงไม่ทราบว่าที่มาที่ไปของการแถลงข่าวของเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีอุดมคติว่าทุกฝ่ายควรปฏิบัติตนภายใต้กฎหมาย ซึ่งหากมีการประชุมใดๆ ก็จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย แล้วพรรคฯจะอธิบายกับสังคมได้อย่างไรเพราะมีคำสั่งการห้ามประชุมทางการเมืองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ในฐานะเป็นผู้ว่าฯกทม. เคารพกฎหมายมาโดยตลอด เพราะต้องระวังสิ่งที่ส่อไปทางการเคลื่อนไหวในการละเมิดคำสั่งคสช. ซึ่งที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ก็เคยกินข้าวมาด้วยกัน แต่เหตุผลที่ไม่ได้นัดหมายกันตนไม่ทราบ แต่จะถึงกลายเป็นประเด็นที่จะต้องขับออกจากพรรคประชาธิปัตย์เลยหรือไม่ โดการทำงานตลอด7ปี กทม.ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบจากทุกฝ่าย และได้ประสานกับพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ซึ่งพรรคก็ได้รับการสนองอยู่แล้ว แต่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่ขณะนี้สังเกตว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปีสุดท้ายของการเป็นผู้ว่าฯกทม. เป็นความต้องการให้นายกฯใช้มาตรา44กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์หรือไม่ แต่ยังเชื่อการใช้อำนาจในดุลยพินิจของนายกฯ
“อุดมการณ์ของผู้ว่าฯกทม.ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังบอกกับทีมงานตลอดว่าการทำงานทางการเมืองต้องเดินไปในความถูกชอบและไม่ชอบ ทั้งกุหลาบ ขวากหนาม หรือกระเบื้อง แต่ผู้ว่าฯกทม.ไม่ตอบโต้ โดยบอกกับทีมงานเสมอว่าที่พรรคคือพี่น้องของเราที่อยู่กันมา พรรคประชาธิปัตย์ก็มีบุญคุณ การกระทำอะไรก็ตามสุเดท้ายที่เจ็บปวดคือพรรคประชาธิปัตย์ เพราะวันหนึ่งถ้าคนไป แต่พรรคยังต้องอยู่ ดังนั้นในปีสุดท้ายผู้ว่าฯกทม.จะเร่งรัดการทำงาน ในเรื่องอนาคตผู้ว่าฯกทม.ก็บอกแล้วว่าอย่าห่วงผม ขอให้ทำงานให้ดีที่สุด”นายวสันต์ กล่าว
ด้านนางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวเพียงสั้นๆว่า ขณะนี้ยังไม่รู้เรื่องดังกล่าว และยังไม่ได้อ่านรายละเอียด เพราะการจะพูดอะไรต้องดูที่มาและสาระก่อน โดยในวันนี้ต้องลงพื้นที่ชุมชน กว่า500ชุมชน จึงขออนุญาตและจะขอให้คำตอบในภายหลัง
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เดินทางไปราชการต่างประเทศที่กรุงลิสบอน และเมืองปอร์โต สาธารณรัฐโปตุเกส เพื่อลงนามความตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกทม.กับกรุงลิสบอนระหว่างวันที่18-22ม.ค.นี้