
เปิดทางขอคืนภาษีดบ.ออมทรัพย์ วางกรอบให้ผู้ฝากแจ้งยอดแบงก์
สรรพากรเปิดทางขอคืนภาษีดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ย้อนหลัง 3 ปี หลังยกเว้นภาษีส่วนของรายได้ที่ไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อปี แบงก์พร้อมสนองนโยบายไม่หักภาษีหากผู้ฝากไม่แจ้งข้อมูล
นายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในหลักเกณฑ์การปฏิบัติที่ถูกต้องเกี่ยวกับประกาศยกเว้นหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับเงินได้จากดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อปี ว่าธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งพร้อมจะดำเนินการทันทีเพราะไม่ต้องปรับปรุงระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ โดยกรมเพียงเพิ่มเติมประเด็นให้ผู้ฝากเงินที่ทราบว่ามีเงินได้เกินกว่าที่กำหนด หรือมีเงินฝากรวมทุกบัญชีเกินกว่า 4 ล้านบาท เลือกที่จะแจ้งให้ธนาคารหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% หรือสามารถนำรายได้ดังกล่าวมารวมเป็นรายได้พึงประเมิน เพื่อยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ส่วนกรณีที่ไม่ดำเนินการในทางใดทางหนึ่ง กรมสรรพากรมีข้อมูลที่ตรวจสอบได้ว่าผู้ใดมีรายได้ดอกเบี้ยออมทรัพย์มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนดและต้องเสียภาษีอยู่แล้ว โดยมาตรการดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 แต่ให้มีผลย้อนหลัง 3 ปี กรณีของผู้ที่ต้องการขอคืนภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ก่อนหน้านี้ก็สามารถมายื่นขอคืนได้ทันที ซึ่งกรมจะพิจารณาให้โดยเร็ว
“ผู้ที่มีรายได้จากดอกเบี้ยออมทรัพย์เกิน 2 หมื่นบาทต่อปีนั้น มีไม่มากนัก เพราะหากประเมินจากดอกเบี้ยออมทรัพย์ปัจจุบันที่ 0.5% จะต้องมีบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเชื่อว่าผู้ฝากเงินคงเลือกที่จะนำเงินไปฝากประจำมากกว่า เพราะแม้ว่าจะถูกหักภาษี 15% แต่ดอกเบี้ยที่ได้รับจะคุ้มกว่า” นายวินัยกล่าวและว่า การยกเว้นภาษีดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าจะเห็นผลดีต่อการกระตุ้นการบริโภคได้มากกว่า