
ฮือฮา!เสืออุ้มทรัพย์หลวงพ่ออุทัยช่วยบอลไทย
โลกออนไลน์ฮือฮาพระเครื่องบูชาของหลวงพ่ออุทัยช่วยอุดประตูบอลไทยเสมอซาอุฯ "สมพร ยศ" นายทวารมือ 1 ยก เสืออุ้มทรัพย์ มีส่วนช่วยเซฟจุดโทษได้
ผู้สื่อข่าว “คม ชัด ลึก” รายงานการแข่งขันฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2016 จากประเทศกาตร์ ซึ่งนักเตะ “ช้างศึก” ลงเตะนัดแรกในสายบี ที่สนามแกรนด์ ฮาหมัด กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 13 มกราคม เสมอ ซาอุดีอาระเบีย 1-1 โดย ซาอุฯ นำก่อน 1-0 จาก โมฮาเหม็ด อัลไซลี นาที 72 ก่อนที่ ไทย ตามตีเสมอ 1-1 จาก ภิญโญ อินพินิจ นาที 83 ส่วนอีกคู่ ญี่ปุ่น ชนะ เกาหลีเหนือ 1-0 ทำให้หลังจบนัดแรก ไทย มี 1 คะแนนเท่ากับซาอุฯ รั้งอันดับ 2 ร่วมกัน ส่วนอันดับ 1 ญี่ปุ่น มี 3 คะแนน และอันดับ 4 เกาหลีเหนือ ไม่มีคะแนน
นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือ “ซิโก้” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวถึงเกมดังกล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่เก็บได้เพียง 1 คะแนน เนื่องจากก่อนลงสนามตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะคว้าชัยชนะให้ได้ อย่างไรก็ตามขอชื่นชมลูกทีมที่เล่นกันด้วยสปิริตจนสามารถตามตีเสมอได้
“ผลเสมอถือว่าไม่เสียหาย เพราะยังมีอีก 2 เกมให้ได้ลุ้น ซึ่งสิ่งที่ยังต้องปรับคือเกมรุกเนื่องจากมีโอกาสจบสกอร์หลายหนแต่ก็พลาดไป ส่วนเกมรับถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะสมพร ยศ ผู้รักษาประตูที่ช่วยเซฟจุดโทษให้ไทย ไม่เสียประตูในครึ่งแรก และถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีให้ทีม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกมทีมไทยพบซาอุฯ นายสมพร ยศ ผู้รักษาประตูมือ 1 โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะการเซฟลูกจุดโทษช่วยให้ไทยไม่เสียประตูในครึ่งแรก ซึ่งต่อมาในโลกออนไลน์ได้โพสต์ภาพพระเครื่องที่นำไปติดอยู่บนตาข่ายประตูจนเป็นที่ฮือฮาและสอบถามกันว่าพระเครื่องรุ่นนี้เป็นของเกจิอาจารย์ท่านใดและวัดที่ไหน
นายสมพร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า พระเครื่องดังกล่าวเป็นรุ่น “เสืออุ้มทรัพย์” หลวงพ่ออุทัย วัดเกาะตาพุด อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งได้มาจากนายชาตรี แสงสว่าง หรือน้าตรี เจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยและสโมสรราชบุรี
“เครื่องรางชิ้นนี้ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งน้าตรีได้นำไปติดไว้ในตาข่ายประตู ซึ่งไม่รู้ว่ามีส่วนช่วยให้เซฟลูกจุดโทษได้หรือไม่ แต่ผมมีความรู้สึกสบายใจ เพราะส่วนตัวเป็นคนเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว”
ด้านนายชาตรี แสงสว่าง กล่าวว่า เครื่องรางดังกล่าวได้เช่าบูชาเนื่องจากตอนนั้นทางวัดต้องการบูรณะโบสถ์ จึงได้จัดทำ “เสืออุ้มทรพย์” ให้บูชาองค์ละ 2,000 บาท ซึ่งทำมาเพียง 10,000 องค์ โดยยืนยันว่าจะนำไปติดอีกในทุกๆ เกมที่ลงสนาม
ขณะที่ นายชญาวัต ศรีนาวงษ์ หรือ “บี” ที่ลื่นล้มจนรองเท้าสตั๊ดขาดจากหัวรองเท้าไปจนเกือบถึงส้นรองเท้า จนกลายเป็นประเด็นในแวดวงของคนใช้รองเท้าสตั๊ดนั้น กล่าวว่า รองเท้าดังกล่าวทราบดีว่ามีอายุการใช้งานแค่ 10 ครั้ง แต่ใส่ประมาณ 7-8 ครั้งเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ขาดมาจากการที่พลิกตัวทำให้เกิดการฉีกขาด
“ผมชื่นชอบรองเท้าคู่นี้เพราะมีน้ำหนักเบาและเคยใส่แข่งทำให้มีความชินเท้า จึงเลือกคู่นี้ใส่ในเกมกับซาอุฯ แต่ไม่คิดว่าในจังหวะพลิกตัวนั้นจะทำให้รองเท้าขาดจนลื่นล้ม ก่อนที่จะเสียบอลและถูกผู้เล่นซาอุฯ ฉกไปยิงเข้าประตู แต่โชคดีที่เป็นลูกล้ำหน้า ไม่เช่นนั้นผมคงต้องเสียใจมากกว่านี้แน่นอน”
ด้านเกมนัดต่อไปของทีมชาติไทย วันที่ 16 มกราคมนี้ จะพบกับญี่ปุ่น ที่สนามแกรนด์ ฮาหมัด เวลา 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 ส่วนอีกคู่ เกาหลีเหนือ พบ ซาอุดีอาระเบีย
เกมนี้ ทีมชาติไทยต้องการชัยชนะเพื่อโอกาสลุ้นเข้ารอบ โดยนายเกียรติศักดิ์ เปิดเผยว่า เกมกับญี่ปุ่นจะเป็นเกมที่สนุกแน่นอน เพราะไทยต้องการชัยชนะและคิดว่านักเตะทุกคนสู้กับญี่ปุ่นได้แน่ เนื่องจากในสายบี ทุกทีมมีมาตรฐานใกล้เคียงกัน ดังนั้นการที่ไทยเสมอซาอุฯ ก็คิดว่าสามารถสู้กับญี่ปุ่นได้อย่างไม่เป็นรอง
“ญี่ปุ่นเป็นทีมที่เล่นด้วยระบบ เราต้องรัดกุมและมีสมาธิตลอดทั้งเกม อีกทั้งต้องอาศัยการการโต้กลับอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราหวังถึงชัยชนะเหมือนกัน สำหรับเรื่องของตัวผู้เล่นที่จะใช้ลงสนามคงต้องเช็กอาการบาดเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีใครเป็นอะไรหรือไม่ แต่ตัวหลักอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ถือว่าเป็นแกนหลักที่พร้อมลงสนามต่อไป"
สำหรับ 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนามของไทย ในระบบ 4-3-3 ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู สมพร ยศ แบ็กขวา ทริสตอง โด แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ อดิศร พรหมรักษ์ กองกลางตัวรับ ชญาวัต ศรีนาวงษ์ กองกลางตัวรุก ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ริมเส้นขวา ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ริมเส้นซ้าย ภิญโญ อินพินิจ และกองหน้าตัวเป้า เจนรบ สำเภาดี โดย ไทย จะสวมชุดสีแดงลงสนาม
ส่วนทีมญี่ปุ่น หากชนะเกมนี้จะเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายทันที ซึ่งคาดว่า มาโกโตะ เทกูราโมริ กุนซือของทีมจะส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามแน่นอน นำโดย นากาจิมะ โชยะ ปีกซ้ายร่างเล็ก, ทาคูมิ มินามิโนะ ปีกขวาที่เล่นอยู่กับซัลบวร์ก ทีมในลีกออสเตรีย และมาซาชิ ซูซูกิ กองหน้าร่างยักษ์
สำหรับประวัติหลวงพ่ออุทัยตาทิพย์ หรือพระครูสังฆรักษ์อุทัย ปภงฺกโร วัดศรีมฤคทายวัน (วัดเกาะตาพุด) อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เดิมชื่อ อุทัย ดอกเกตุ เกิดที่ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี บิดาชื่อนายทัพ มารดาชื่อนางแสง อาชีพทำนา มีลูกทั้งหมด 6 คน หลวงพ่ออุทัยเป็นบุตรคนที่ 2 ปัจจุบันพี่น้องเสียชีวิตหมดเมื่ออายุได้ 6 ขวบเกิดเป็นโรคขึ้นที่ตาเรียกว่า ตาเกล็ดกระดี่ พิษของโรคทำให้ตาบอดทั้งสองข้าง แต่ยังพอมองเห็นแสงเดือน แสงไฟ ฟ้าแลบเห็น แต่หน้าคนมองไม่เห็น พออายุได้ 18 ปีไม่เห็นเลยไม่ได้เรียนหนังสือ ตอนอายุประมาณ 16 ปี หลวงพ่อแทน ธมฺมโชติ เจ้าอาวาสวัดธรรมเสน เข้าป่าไปหาไม้สร้างวัด ได้เจอเข้ากับโยมพ่อเลยยกให้เป็นลูก หลวงพ่อแทนเอามาฝากไว้ที่สำนักสงฆ์เกาะตาพุดเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฟุ้งอยู่ 1 ปี พออายุครบบวชหลวงพ่อแทนสั่งให้คนไปบอกให้ไปบวชที่วัดธรรมเสน ในปี 2497
“ได้ยินชื่อวัดธรรมเสน ทำให้อยากอยู่ เพราะชอบคำว่า “ธรรมะ” จึงอยากอยู่” หลวงพ่ออุทัย เล่าถึงตอนบวช และได้ไปอยู่ที่วัดเกาะตาพุด เพราะหลวงพ่อแทนเห็นว่าถ้าอยู่ที่วัดนี้อาจจมน้ำตายได้ เพราะรอบๆ วัดเต็มไปด้วยน้ำ การเดินทางต้องใช้เรือพายตลอด ซึ่งพระอุทัยตาบอดทั้ง 2 ข้าง ส่วนการเรียนหนังสือใช้วิธีต่อเอาจากพระด้วยกัน ช่วงแรกเป็นสำนักสงฆ์เกาะตาพุด ต่อมาเปลี่ยนเป็นวัดศรีมฤคทายวัน เมื่อปี 2506 ส่วนชื่อวัดเกาะตาพุด เป็นชื่อวัดที่ชาวบ้านเรียกกัน
หลวงพ่ออุทัย ประพรมน้ำมนต์ในโบสถ์ มีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือไปหาทุกวัน ทั้งคนในจ.ราชบุรีและต่างจังหวัด รวมถึงคนกรุงเทพฯ มากมาย เว้นเฉพาะวันพระเท่านั้นที่จะหยุดไม่พรมน้ำมนต์ให้ใคร นอกจากนี้ยังมีเหรียญและพระเครื่องบูชาโดยนำเงินที่ได้ไปสร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคม