ข่าว

คำถามที่ต้องตอบ?เมื่อการเมืองเคาะประตูเวทีมิสยูนิเวิร์ส

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คำถามที่ต้องตอบ?เมื่อการเมืองเคาะประตูเวทีมิสยูนิเวิร์ส

              แม้จะทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องช็อกกับความผิดพลาดของ “สตีฟ ฮาร์วีย์” ผู้ดำเนินการประกวดมิสยูนิเวิร์สประจำปี 2015 ที่ประกาศชื่อผู้คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สผิดไป เหตุการณ์ “สตีฟ ฮาร์วีย์” ครั้งนี้ เลือกที่จะเอ่ยคำขอโทษด้วยคำว่า.....“I want to apologize emphatically to miss Philippians and miss Colombia this was a terribly honest human mistake and i am so regretful." (ฉันอยากขออภัยอย่างสุดซึ้งต่อมิสฟิลิปปินส์ และมิสโคลอมเบีย นี่เป็นความผิดพลาดอย่างเลวร้ายของมนุษย์คนหนึ่ง และฉันเสียใจอย่างสุดซึ้ง...)

              เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดพลาดที่กองประกวดจะต้องนำไปเป็นบทเรียนแก้ไข และยังคงเป็นเรื่องที่ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลกันอีกประมาณหนึ่ง แต่ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งนี้คือ ทางกองประกวดเลือกใช้ประเด็นการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นปัญหาในประเทศของสาวงามแต่ละคนมาเป็นคำถามในรอบ 5 คนสุดท้าย ได้แก่ สาวงามจากประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา โคลอมเบีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งทุกคำถามกลายเป็นประเด็นให้ผู้คนทั่วโลกวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง แต่ขณะที่อีกมุมหนึ่งกลับมองว่า ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ที่จะให้เหล่านางงามได้แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องการเมืองภายในประเทศของพวกเธอ

              เริ่มต้นด้วย “มิสโคลอมเบีย” เมื่่อพิธีกรตั้งประเด็นคำถามว่า “ปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาใหญ่สุดของโลก หนทางดีที่สุดในการรับมือกับปัญหา”

              นางงามโคลอมเบียเลือกจะตอบว่า เราน่าจะขจัดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อโลกของเราเหล่านี้ได้ ด้วยการใช้การศึกษาเป็นแรงจูงใจ

              ส่วน “มิสยูเอสเอ” เจอคำถามตรงๆ จากพิธีกรว่า "มีไม่กี่เรื่องในสหรัฐที่สร้างความแตกแยกแบ่งขั้วเท่ากับเรื่องการเป็นเจ้าของปืน การถกเถียงยิ่งเผ็ดร้อนหลังเกิดเศร้าสลดครั้งใหญ่อย่างเหตุกราดยิงที่ซานเบอร์นาดีโน และ โรงเรียนแซนดี้ ฮุค คุณมีจุดยืนอย่างไรเรื่องการควบคุมอาวุธปืน?

              สาวงามจากเมืองลุงแซมตอบอย่างฉะฉานว่า “คิดถึงความปลอดภัยของส่วนรวม มากกว่าความปลอดภัยส่วนตัวเราเองเท่านั้น ดิฉันคิดว่า เราจำต้องมีกฎหมายควบคุมที่เข้มงวดกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราจำเป็นต้องใส่ใจ”

              เช่นเดียวกัน “มิสออสเตรเลีย” ที่เจอคำถามที่ค่อนข้างจะสาหัสสมควรว่า “ออสเตรเลียกำลังจะเริ่มออกกฎหมายอนุญาตให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย คิดว่าควรหรือไม่”?

              สาวงามจากออสเตรเลียบอกว่า เรื่องนี้มีทั้งบวกและลบ และถกเถียงกันมากทีเดียว ดิฉันเชื่อว่า ในบางกรณีการอนุญาตให้กัญชาถูกกฎหมายก็มีประโยชน์ มีการพบว่ารักษาโรคมะเร็งได้ และช่วยผู้ที่ป่วยไข้ได้จริงๆ ในแง่นั้น จึงคิดว่าเป็นแนวคิดที่ดีและเราควรอนุญาต แต่แน่นอนว่ารัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบ

              ขณะที่ “มิสฝรั่งเศส” ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะคนในฝรั่งเศส เกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อการร้ายว่า คุณมีประสบการณ์เรื่องก่อการร้าย รัฐบาลควรรับมือกับภัยคุกคามที่กำลังเพิ่มขึ้นนี้อย่างไรดี?

              นางงามจากเมืองน้ำหอมตอบคำถามกลับไปว่า ในความคิดของดิฉัน การต่อสู้กับการก่อการร้าย อย่างแรก เราต้องรู้ที่มาของปัญหา เราต้องรับฟังคนที่ก่อเหตุโจมตี และสำหรับชาวฝรั่งเศส เราต้องเรียนรู้ที่จะมีความสุข ใช้ชีวิตและอยู่ร่วมกัน

              สุดท้ายมาที่ “มิสฟิลิปปินส์” ผู้คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สประจำปี 2015 เจอกับคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของฟิลิปปินส์และอเมริกาในปีนี้ ในฟิลิปปินส์โต้เถียงกันเรื่องที่สหรัฐเปิดฐานทัพอีกครั้่งในประเทศของคุณ คุณคิดว่าสหรัฐควรมีฐานทัพในประเทศหรือไม่?

              สาวสวยที่งามที่สุดในโลกบอกว่า สหรัฐและฟิลิปปินส์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา เราเคยเป็นอาณานิยมของอเมริกัน และเรามีวัฒนธรรมของพวกเขาในประเพณีของเราจนถึงทุกวันนี้ ดิฉันคิดว่าฟิลิปปินส์พร้อมต้อนรับ และไม่มีปัญหาอะไรเลย

              หลากหลายคำถามที่ยิงตรงถึงบรรดาเหล่าสาวงามถือเป็นมิติใหม่ของกองประกวดเวทีนางงามระดับโลก ที่เอาเรื่องการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นคำถาม ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเมื่อ “การเมืองเคาะประตูเวทีมิสยูนิเวิร์ส”

              เมื่อบรรดา 5 สาวงามได้แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องการเมืองในประเทศ ผลปรากฏว่า คณะกรรมการเทใจให้ 3 สาวงามจากโคลัมเบีย อเมริกา และฟิลิปปินส์ ผ่านเข้ารอบชิงดำ จากนั้นคณะกรรมการเลือกจะใช้คำถามเดียวกันเพื่อให้ทั้ง 3 สามงามได้แสดงความคิดเห็น

              "ทำไมคุณถึงคู่ควรที่จะได้เป็นมิสยูนิเวิร์สคนต่อไป ?"

              เป็นคำถามที่เหมือนง่าย แต่สาวงามคนใดจะชนะใจคณะกรรมการยังเป็นเรื่องที่น่าคิด

              มิสอเมริกา บอกว่า คิดว่าคู่ควรที่จะเป็นมิสยูนิเวิร์สคนต่อไปเพราะว่า มีความกระตือรือร้น และความพยายาม เพราะมันเป็นเป้าหมายที่ต้องการจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกเชื่อมั่นที่จะเป็นตัวของตัวเอง และจะทำตามความฝันของพวกเขา ไม่ว่าฝันของพวกเขาจะเป็นอะไร ดิฉันอยากจะทำงานที่นำไปสู่การสร้างความเสมอภาคระหว่างผู้ชาย-ผู้หญิง ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงจะก้าวออกมามีบทบาท และดิฉันจะส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงทั่วโลก

              ขณะที่นางงามจากโคลัมเบีย ตอบอย่างมั่นใจว่า สามารถเป็นมิสยูนิเวิร์สคนที่ 3 จากประเทศโคลอมเบีย เพราะส่วนตัวมีคุณลักษณะทั้งหมดที่ผู้หญิงควรจะมีและยังเป็นผู้หญิงที่ทำตามความรู้สึก อีกทั้งมีคุณสมบัติที่ผู้หญิงควรจะมีในโคลัมเบีย และมีคุณสมบัติของมิสยูนิเวิร์สที่อยู่ในตัว

              มาถึงคิวของ “มิสฟิลิปปินส์” เธอตอบได้อย่างชาญฉลาดว่า  การเป็นมิสยูนิเวิร์สนั้น เป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติ และมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ถ้าได้เป็นมิสยูนิเวิร์สจะใช้เสียงในการจูงใจเยาวชน และสร้างความตระหนักรู้ อย่างเรื่องเอชไอวีที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในฟิลิปปินส์ จึงต้องการทำให้โลก และจักรวาลเห็นว่า ดิฉันมีความสวยงามอย่างแท้จริงจากก้นบึ้งของหัวใจขอบคุณค่ะ

              ด้วยคำตอบที่ฉะฉานของบรรดา 3 สาวงาม ต่างเรียกเสียงปรบมืออย่างท่วมท้น ซึ่งสุดท้ายมงกุฎมิสยูนิเวิร์สตกเป็นของ "มิสฟิลิปปินส์" สาวงามจากทวีปเอเชียเพียงหนึ่งเดียว

              หากตัดเรื่องความผิดพลาดของการประกาศชื่อ "มิสยูนิเวิร์ส" ออกไป

              เรื่องเซอร์ไพรส์เล็กๆ ของการประกวดครั้งนี้คงหนีไม่พ้นประเด็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเมืองภายในประเทศที่กองประกวดต่างจัดเต็มให้แก่นางงามผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเป็นมิติใหม่ในแวดวงนางงามโลกเมื่อ “การเมืองเคาะประตูเวีทีมิสยูนิเวิรส์”

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ