'อ.ไข่ มาลีฮวนน่า'ร้องตร.บัตรเก๊ว่อน | คมชัดลึก

 

                      7 ธ.ค. 58  นายคฑาวุธ ทองไทย หรือ อาจารย์ไข่ นักร้องนำวงมาลีฮวนน่า พร้อมด้วย นายภูมินทร์ ประทุมมาศ ผู้จัดการจัดงานคอนเสิร์ตแคมป์ไฟดนตรี มาลีฮวนน่า ครั้งที่ 7 น.ส.เครือมาศ ประทุมมาศ ผู้จัดการวงมาลีฮวนน่า เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรชะอำ จ.เพชรบุรี เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ประเทือง แสงอร่าม พนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ ขอให้ดำเนินคดีนายศิวกร กลิ่นหอม อายุ 32 ปี ชาว ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในข้อหาปลอมแปลงบัตรคอนคอนเสิร์ตแคมป์ไฟดนตรีครั้งที่ 7 ที่วงมาลีฮวนน่าจัดขึ้นที่ สิลปะสถานโฮมปาร์ค ไร่หุบกะพง ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เมื่อคืนวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา 

 

                      นายภูมินทร์ ผู้จัดการจัดงานคอนเสิร์ตแคมป์ไฟดนตรีครั้งที่ 7 กล่าวว่า วงมาลีฮวนน่าได้จัดคอนเสิร์ตขึ้นที่ไร่หุบกะพง โดยทำบัตรออกมาจำหน่ายจำนวน 8,000 ใบ ในราคาใบละ 1,200 บาท ก่อนเปิดการแสดงพบว่ามีผู้นำบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตปลอมมาใช้เข้าชมงาน ซึ่งลักษณะบัตรมีสีและเนื้อกระดาษผิดไปจากบัตรคอนเสิร์ตจริง จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบและพบนายศิวกร กลิ่นหอม กำลังยืนจำหน่ายบัตรอยู่บริเวณหน้างาน จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นภายในตัว พบบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตปลอม จำนวน 4 ใบ เงินสดจำนวน 3,150 บาท อยู่ในกระเป๋ากางเกง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.ชะอำ ทันที

 

                      จากการสอบสวน นายศิวกรรับสารภาพว่า รับบัตรเข้าชมคอนเสิร์ตปลอมมาจากเพื่อนที่ชื่อ นายนิ ไม่ทราบนามสกุลจริง ให้นำมาจำหน่ายบริเวณหน้างานในราคาใบละ 1,100 บาท โดยจำหน่ายไปได้หลายใบแล้วกระทั่งมาถูกจับกุม

 

                      นายคฑาวุธ หรือ อาจารย์ไข่ กล่าวว่า ตนและคณะจัดคอนเสิร์ตมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยเจอพฤติกรรมอย่างนี้มาก่อน ครั้งนี้รู้สึกเสียใจและท้อนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เพราะทำให้ทราบว่าคอนเสิร์ตแคมป์ไฟดนตรีของวงมาลีฮวนน่าเป็นที่ยอมรับในสังคมได้รับความนิยมและชื่นชอบจากผู้คนเป็นอย่างมาก ซึ่งทางวงมาลีฮวนน่าจะจัดกิจกรรมคอนเสิร์ตดีๆ อีกต่อไปอย่างแน่นอน

 

                      "งานแคมป์ไฟดนตรีมาลีฮวนน่า เป็นงานครอบครัวดนตรีที่พ่อแม่ลูกมาดูกัน ได้รับการยอมรับกว้างขวางขึ้น เมื่อมีคนนิยมมาก จึงมีคนทำบัตรปลอมมาขาย แสดงคอนเสิร์ตมาหลายครั้ง เพิ่งเจอเหตุการณ์บัตรปลอมเป็นครั้งแรก คนทำงานหนักมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ มีท้อนิดหน่อย แต่ในวิกฤติยังมีโอกาสการทำงานของศิลปินเล็กๆ อย่างมาลีฮวนน่า แสดงว่างานเป็นที่ยอมรับขึ้น เราทำคอนเสิร์ตมาไม่มีการตีกัน มีแต่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เราใช้ดนตรีเป็นตัวเชื่อมร้อยสังคมเข้าด้วยกัน ซึ่งผมจะยังเดินหน้าทำงานด้านดนตรีต่อไป"