ข่าว

เปิดอก 'คุณพ่อซิโก้' ครอบครัวผมคือที่สุด!

เปิดอก 'คุณพ่อซิโก้' ครอบครัวผมคือที่สุด!

05 ธ.ค. 2558

เปิดอก 'คุณพ่อซิโก้' ครอบครัวผมคือที่สุด! : เรื่อง...ศุภพงษ์ ภู่อุดม - ฐิติพล ขำประถม / ภาพ...ขอบคุณ เกียรติศักดิ์ - อัสราภา เสนาเมือง

 
                      ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ เชื่อว่าความสุขที่สุดของคนที่เป็นพ่อ คือการได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งไม่ใช่เฉพาะวันพ่อ 5 ธันวาคม แต่เป็นทุกวัน ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเช่นนั้น อันเนื่องจากเหตุผลส่วนตัวนานัปการ
 
                      เอ่ยถึงชื่อ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ทุกคนทราบดีว่านี่คือบุคคลที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค ในฐานะโค้ชทีมฟุตบอลไทยที่กำลังไปได้สวยบนเส้นทางคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018
 
                      ส่วนชีวิตครอบครัว “ซิโก้” คือลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นสามีที่ดีของ “น้องเปิ้ล” อัสราภา และเป็นพ่อที่ดีของลูกสาว 3 ใบเถา “น้องเพิร์ธ” กฤตยา, “น้องพราว” อธิชา เสนาเมือง และ “น้องเพิร์ล” มุกตาภา ที่มักจะมีภาพสวีทโชว์ให้เห็นกันบ่อยๆ
 
 
 
เปิดอก \'คุณพ่อซิโก้\' ครอบครัวผมคือที่สุด!
 
 
 
                      แต่...จะมีสักกี่คนที่ทราบว่า กว่าจะมีวันนี้ได้ พวกเขาต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้าง
 
                      เนื่องในโอกาสวันพ่อ “คม ชัด ลึก” จะขอเปิดใจ “ซิโก้” ถึงครอบครัว และถึงความเป็น “พ่อ” ไปฟังกัน
 
                      “ตอนนั้นเมื่อรู้ว่าจะได้เป็นพ่อ ด้วยความที่เป็นนักฟุตบอลก็เคยมีความคิดอยากจะได้ลูกชาย แต่พอได้ลูกสาวแล้ว ก็ลืมความรู้สึกนั้นไปเลย” ซิโก้ กล่าวพร้อมอธิบายต่อว่า
 
 
 
เปิดอก \'คุณพ่อซิโก้\' ครอบครัวผมคือที่สุด!
 
 
 
                      “เวลากลับมาเหนื่อยๆ เจอหน้าลูกแล้วมันก็มีกำลังใจ แต่ตอนที่ลูกสาวคนแรกเกิดมานั้น ก็ไม่ได้อยู่กับลูกมากนัก เพราะต้องไปค้าแข้งอยู่ที่เวียดนาม ก็ได้ภรรยาเป็นคนช่วยดูแลลูก ซึ่งก็อาศัยการติดต่อพูดคุยกับลูกผ่านทางโทรศัพท์ ทำให้ลูกรู้สึกว่าเราอยู่กับเขาเสมอ จนมาถึงในปัจจุบันมีลูกสาวถึง 3 คน ก็ได้คุยกับภรรยาว่า อยากให้ความสำคัญกับลูกๆ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
 
                      อย่างไรก็ตาม ด้วยภารกิจที่รัดตัวทั้งในฐานะนักเตะสมัยอดีต และในฐานะโค้ชในปัจจุบัน ทำให้เวลาของซิโก้กับครอบครัวก็มีไม่มากเท่าที่เจ้าตัวอยากได้
 
                      “ด้วยภาระหน้าที่ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย เวลาทีมชาติเก็บตัว หรือช่วงที่มีทัวร์นาเมนต์ต้องไปแข่งขัน สิ่งที่ต้องทุ่มเทให้เป็นอันดับแรก คือ การทำหน้าที่โค้ช ทั้งวางแผนการเล่น และการควบคุมฝึกซ้อม จึงไม่สามารถมีเวลาให้ครอบครัวได้เหมือนพ่อคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เป็นห่วงลูกสาวทั้ง 3 มากนัก เพราะมีภรรยาเป็นคนดูแล แต่ก็เสียดายที่พลาดโอกาสทำกิจกรรมร่วมกับลูกๆ เช่นกัน”
 
                      แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไร ซิโก้มีเคล็ดลับง่ายๆ คือใช้โซเชียลมีเดียที่มีอยู่ให้เห็นประโยชน์
 
 
 
เปิดอก \'คุณพ่อซิโก้\' ครอบครัวผมคือที่สุด!
 
 
 
                      “เวลาที่ผมไม่ได้ไปดูเขาแสดง ดูเขาแข่งกีฬา หรือขึ้นไปรับรางวัล เพราะติดภารกิจควบคุมทีม ผมก็จะทวิตไปขอโทษลูก ซึ่งเขาก็เข้าใจว่าผมกำลังทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติอยู่ และก็ภูมิใจในตัวผมด้วย บางครั้งลูกๆ เป็นฝ่ายมาหาผมเองในวันพักระหว่างฝึกซ้อมที่แคมป์เก็บตัว หรือมาดูเวลาผมคุมทีมลงแข่งขันมันเป็นกำลังใจให้ผมมุ่งมั่นต่อไป ผมมองว่าแม้ไม่ได้มีเวลาอยู่กับลูกๆ มากเหมือนคุณพ่อคนอื่น แต่ด้วยงานโค้ชที่ผมทำ ทั้งเรื่องระเบียบวินัย และความตรงเวลา ก็สามารถให้ลูกๆ เอาไปเป็นแบบอย่างได้ ลูกเองก็ให้เกียรติผม เขารู้ว่าควรวางตัวอย่างไร ในฐานะลูกของซิโก้”
 
                      ซิโก้ เล่าต่อว่า สำหรับช่วงที่ว่างเว้นจากการแข่งขันจะให้เวลากับลูกเต็มที่ จะไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยตัวเองตลอด ในฐานะโค้ชกีฬาเองก็สอนลูกเรื่องกีฬาที่ลูกๆ เล่น แต่ลูกๆ ก็แซวว่า พ่อเป็นโค้ชฟุตบอล จะมารู้เรื่องแชร์บอล วอลเลย์บอล ได้อย่างไร ซึ่งก็อธิบายกับลูกว่า วิธีคิดของกีฬามันก็มีส่วนที่คล้ายคลึงกัน สำหรับในวันพ่อปีนี้ จะเป็นวันที่ได้หยุดอยู่กับครอบครัว ก็อยากจะใช้เวลาทำกิจกรรมกับลูกๆ อยากพาพวกเขาไปเที่ยว ไปช็อปปิ้งกันในครอบครัว ใช้เวลาร่วมกันให้ได้มากที่สุด
 
                      "ผมคุยกับภรรยาเสมอว่า เรื่องของสถาบันครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในฐานะพ่อผมอยากให้ลูกของผมรู้ว่า พ่อบางคนอาจจะพูดไม่เยอะ แต่ก็ทำงานหนักเพื่อครอบครัว หวังให้ลูกเห็นและเอาเป็นแบบอย่างในสิ่งที่พ่อทำ ส่วนภรรยาของผม ผมรู้สึกขอบคุณเขาที่รับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ดูแลลูกๆ มาตลอด อีกทั้งเป็นกำลังใจให้ผมเสมอมา เราทำเพื่อลูก ช่วยกันทำงาน สำหรับลูกๆ ผมก็ภูมิใจลูกสาวทั้ง 3 คนมาก แม้ผมจะไม่มีเวลาให้พวกเขามากนัก แต่ลูกก็เข้าใจ และไม่เคยทำให้พ่อคนนี้ต้องลำบากใจ ตั้งใจเรียน มีความรับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้ดี มีผลการเรียนที่น่าพอใจ พ่อเองก็มีความสุขใจแล้ว นั่นทำให้สถาบันครอบครัวของเราเป็นปึกแผ่น เราต้องให้กำลังใจกันและกัน เพราะในเวลาที่เราไม่มีใคร คนที่จะอยู่กับเราเสมอก็คือครอบครัวของเรานั่นเอง” ซิโก้ กล่าวปิดท้าย
 
 
 
เปิดอก \'คุณพ่อซิโก้\' ครอบครัวผมคือที่สุด!
 
 
 
                      ส่วน “เปิ้ล” อัสราภา เล่าเสริมถึงครอบครัวที่ยินดีจะเสียสละ “คุณพ่อ” ให้ทุกคนในชาติได้มีความสุขว่า เดิมก่อนมาทำหน้าที่โค้ชทีมชาติ พี่โก้ก็ทำหน้าที่โค้ชสโมสรมาก่อน ตั้งแต่ลูกยังเล็ก ซึ่งตอนนั้นมีแผนงานเวลาที่แน่นอน สามารถแบ่งเวลาให้ลูกได้อย่างชัดเจน แต่กับทีมชาติมันต่างกัน พี่โก้ทำงานหนักขึ้นมุ่งมั่นมากขึ้น ประชุมกับทีมสตาฟฟ์โค้ชอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ทั้งการฝึกซ้อมและแข่งขันของทีมชาติยังต่างจากสโมสร เพราะต้องเก็บตัวต่อเนื่องเป็นเวลา 2-6 อาทิตย์ ไม่สามารถกำหนดเวลาที่จะอยู่กับลูกๆ ได้เหมือนก่อน ลูกก็จะมีน้อยใจบ้าง เคยพูดว่า “ไม่อยากให้พ่อเป็นโค้ช” แต่พี่โก้ก็สอนลูกว่า “ลูกชอบรึเปล่าเวลาบอลชนะแล้วคนมากมายดีใจ ถ้าลูกชอบเราก็ต้องเป็นคนที่เสียสละเพื่อส่วนรวมนะ” ซึ่งลูกเองก็อยู่ในช่วงวัย ป.5, ป.6 และม.1 แล้ว เข้าใจในความรับผิดชอบของพ่อเป็นอย่างดี
 
                      “เราในฐานะภรรยาก็ทราบดีว่าสิ่งที่พี่โก้ห่วงที่สุดคือลูกๆ เราก็ต้องทำให้เขาสบายใจไม่ห่วงเรื่องลูก เราจะทำหน้าที่ตรงนั้นเอง ซึ่งเราคิดบวกอยู่ตลอด ทำให้มีความสุขในการเลี้ยงลูก เวลาพี่โก้กลับมาก็จะถามด้วยความห่วงใยเสมอว่าเหนื่อยมั้ย เรามองว่า พ่อ ในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ดี มี 3 ข้อ คือ 1.มีหน้าที่การงานที่มั่นคง หาเงินดูแลครอบครัวได้เพียงพอ 2.ทำให้ภรรยามีความสุข 3.ลูกเคารพเชื่อฟัง ซึ่งพี่โก้เองก็ได้ทำหน้าที่ในฐานะพ่อที่ดีแล้วเช่นกัน”
 
                      และนั่นก็คือเรื่องราวของ “ซิโก้” ที่นอกจากจะเป็นทั้งฮีโร่ลูกหนัง และโค้ชฟุตบอลขวัญใจคนทั้งชาติ ยังเป็นคุณพ่อผู้เสียสละของครอบครัวเสนาเมืองอีกด้วย
 
 
 
 
-----------------------
 
(เปิดอก 'คุณพ่อซิโก้' ครอบครัวผมคือที่สุด! : เรื่อง...ศุภพงษ์ ภู่อุดม - ฐิติพล ขำประถม / ภาพ...ขอบคุณ เกียรติศักดิ์ - อัสราภา เสนาเมือง)