ไฟไหม้ตึกแถวย่านรามอินทรา คลอกหนุ่มใหญ่ดับคาที่นอน | คมชัดลึก

     เมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 1 ธันวาคม ร.ต.ท.ชนะชัย พันธ์วิไล พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ เลขที่53/44,45,46 ถนนนวมินทร์ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพ จึงประสานรถดับเพลิงจากกองสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจำนวน 10 คัน ก่อนไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 ,พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน.สน.โคกคราม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) ,แพทย์ รพ.ตำรวจ,อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

     ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 4 ชั้น ชื่อ หจก. เอ.เอฟ.อิเลคทริค เปิดร้านเก็บของเก่าสะสม อาทิ พระพุทธรูป เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ที่บริเวณชั่นล่างพบแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันฉีดนำ้สกัดควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ จากการตรวจสอบที่ชั้น 4 บนที่นอนพบร่างผู้เสียชีวิต คือนาย ชัยฤทธิ์ ตั้งศิริพร อายุ 59 ปี สภาพศพนอนนอนหงาย สวมกางเกงบ๊อกซ์เซอร์สีเทาเพียงตัวเดียว ตามร่างกายมีบาดแผลถูกไฟลวก นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายชื่อ นายจันทร์ชนะ สายสวาท อายุ 27 ปี เป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม ประจำหนังสือพิมพ์ข่าวสด ถูกตะปูยาวกว่า 5 นิ้ว ทิ่มทะลุเท้าจนได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นได้นำส่งรักษาตัวที่ รพ.นพรัตน์ราชธานี อย่างเร่งด่วน

     จากการสอบถามลูกชายของผู้ตาย เปิดเผยว่า ว่าครอบครัวของตนได้อาศัยอยู่ที่อาคารที่เกิดเหตุนี้มาเกือบ 20 ปี แต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อาคารถูกธนาคารยึดและขายต่อให้กับคนอื่นไปแล้ว ตนจึงย้ายออกเพื่อไปหาซื้อบ้านอยู่ใหม่ และได้ชวนพ่อไปอยู่ด้วยแต่พ่อไม่ยอมไป เนื่อจากมีความผูกพัน จนกระทั่งเมื่อวานนี้(30 พ.ย.) ตนได้เดินทางมาหาพ่ออีกครั้ง และได้ชวนพ่อไปอยู่ด้วยกัน แต่พ่อก็ยังยืนยันที่จะไม่ไป จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

     พล.ต.ต.เจริญ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนพบว่าเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นล่าง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเจ้าของอาคารหลังดังกล่าว ซึ่งตัวอาคารนั้นอยู่ระกว่างการฟ้องร้องคดีกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เคยเปิดเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และได้ปิดกิจการไปเกิบ 10 ปีแล้ว ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่แน่ชัดต้องรอเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำมาสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป