
จับตา ! บ้านชานเมืองบูมรับรถไฟฟ้าสายใหม่
01 ธ.ค. 2558
จับตา ! บ้านชานเมืองบูมรับรถไฟฟ้าสายใหม่
หลังจากที่ที่อยู่อาศัยในเมืองปรับราคาขายขึ้นตามต้นทุนที่ดินที่ถีบตัวสูงจนผู้บริโภคทั่วๆ ไปไม่สามารถจับต้องได้ จึงถึงคราที่ผู้บริโภคเริ่มหันออกไปซื้อที่อยู่อาศัยบริเวณรอบนอกเมืองแทน ประกอบกับเล็งเห็นว่า ในอนาคตเมืองก็จะขยายสู่บริเวณรอบนอกหรือชานเมืองมากขึ้นตามการพัฒนาหรือการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าของรัฐ จากโอกาสดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มนำที่ดินออกมาพัฒนา ด้วยเพราะหวังจะเป็นทางเลือกหนึ่งให้แก่ผู้บริโภคที่ยังคงนิยมบ้านพร้อมที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะ “บ้านเดี่ยว” ยังคงเป็นบ้านในฝันของคนไทย
นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ “โครงการ NARATHON–สุวินทวงศ์” เป็นโครงการจัดสรรแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 96 ไร่ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส มีจำนวนรวมทั้งโครงการ 674 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท พัฒนาในรูปแบบที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย ครอบครัวสมัยใหม่ และครอบครัวใหญ่ โดยบ้านเดี่ยวนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ดิน 50-100 ตารางวา (ตร.ว.) มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 90-201 ตารางเมตร (ตร.ม.) ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.89 ล้านบาทต่อยูนิต ส่วนทาวน์เฮ้าส์นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ดินขนาดตั้งแต่ 17-61 ตร.ว. ขนาดพื้นที่ใช้สอย 113 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคาขายเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท
"ปัจจุบันการขยายตัวของเมืองออกไปสู่พื้นที่รอบนอกมากขึ้น หลังจากที่ดินในใจกลางเมืองราคาปรับขึ้นสูง ผู้บริโภคบางกลุ่มไม่สามารถที่จะซื้อที่อยู่อาศัยได้ เนื่องจากราคาแพงจนเกินไป ประกอบกับพฤติกรรมหรือความต้องการส่วนใหญ่ของผู้บริโภคที่เป็นคนไทยยังนิยมที่จะซื้อบ้านพร้อมที่ดินที่มีบริเวณเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย และหากในอนาคตโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดให้บริการจะช่วยสนับสนุนให้ตลาดที่อยู่อาศัยบริเวณรอบนอกหรือชานเมืองได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการจัดสรรแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์” นางศิริญา กล่าว
ด้าน นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดินในกรุงเทพมหานครชั้นใน ทำให้ราคาที่ดินขึ้นไปสูงเกินกว่าจะพัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรรที่ต้องใช้ที่ดินขนาดใหญ่ได้ ผู้ประกอบการจึงปรับมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับราคาที่ดิน เมื่อราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครชั้นในเริ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ราคาคอนโดมิเนียมก็ต้องปรับขึ้นไปเช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินจนทำให้ราคาคอนโดมิเนียมสูงเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่ในกรุงเทพมหานครจะมีกำลังซื้อได้ ขณะที่การลงทุนส่วนต่อขยายและพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้ามีความชัดเจนมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะในการเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวเส้นทางส่วนต่อขยาย และเส้นทางใหม่ๆ เหล่านี้ เพราะว่าราคาที่ดินยังไม่สูงมากนัก เนื่องจากอยู่นอกพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน จึงยังคงสามารถพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถรองรับกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ได้คือ คอนโดมิเนียมที่มีราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท หรือว่าไม่เกิน 8 หมื่นบาทต่อตารางเมตร แต่ทำเลที่สร้างความน่าสนใจให้แก่ผู้ซื้อก็ยังคงเป็นทำเลที่ไม่ไกลหรือว่ายังอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ถ้าเลยออกไปในเขต จ.นนทบุรี หรือว่าสมุทรปราการ โครงการที่ขายได้หรือว่าน่าสนใจสำหรับผู้ซื้อยังคงเป็นโครงการที่มีราคาขายถูกกว่าโครงการทาวน์เฮ้าส์ในพื้นที่ ซึ่งยังคงมีหลายโครงการทั้งเก่า–ใหม่ที่มีราคาขายต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ดังนั้นการที่ผู้ซื้อจะตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมในทำเลกรุงเทพฯ รอบนอกนั้น ปัจจัยสำคัญคือราคาขายที่ต้องไม่สูงกว่าทาวน์เฮ้าส์ในทำเลนั้น หรือว่าไม่ไกลจากนั้น
ปัจจุบันทำเลกรุงเทพฯ รอบนอก หรือว่าพื้นที่ในจังหวัดรอบๆ ที่ติดกับกรุงเทพมหานคร ล้วนเป็นทำเลที่มีโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่กำลังก่อสร้างอยู่ทั้งสิ้น รวมทั้งเป็นทำเลที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายอยู่มากมายในช่วง 3–4 ปีที่ผ่าน แต่ก็ยังเป็นทำเลที่มีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่มากมายเช่นกัน ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลเหล่านี้มีตัวเลือก และข้อเปรียบเทียบกันค่อนข้างเด่นชัดว่าต้องการที่อยู่อาศัยที่ใกล้ หรือว่าติดกับสถานีรถไฟฟ้า รวมทั้งพักอาศัยคนเดียวก็อาจจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียม หรือว่าต้องการที่อยู่อาศัยที่มีขนาดใหญ่กว่า 30 ตารางเมตร และสามารถรองรับการขยายตัวของครอบครัวได้ ทาวน์เฮ้าส์หรือโครงการบ้านจัดสรรรูปแบบอื่นๆ ก็อาจจะเหมาะสมกว่า
“ถ้าโครงการคอนโดมิเนียมมีราคาขายสูงหรือใกล้เคียงกับทาวน์เฮ้าส์ในทำเลนั้นๆ คนจะพิจาราณาเลือกทาวน์เฮ้าส์ก่อนเป็นลำดับแรก ทั้งจากปัจจัยเรื่องของราคา และแรงสนับสนุนจากคนในครอบครัว เพราะโดยพื้นฐานของคนไทยแล้ว ยังไงก็ต้องการที่อยู่อาศัยที่อยู่บนดิน มีโฉนดที่ดินมากกว่าอยู่แล้ว ปัจจุบันจึงเห็นโครงการคอนโดมิเนียมมากมายในทำเลเหล่านั้นที่ขายได้ช้าลง หรือว่าบางโครงการอาจต้องยกเลิกโครงการไปในที่สุด” นายสุรเชษฐ กล่าว