
ทลายแก๊งชำแหละรถ100ล.
28 พ.ย. 2558
ตร.ทลายแก๊งชำแหละรถผิดกฎหมาย พบซาก-ชิ้นส่วนอื้อ มูลค่ากว่า 100 ล้าน
28 พ.ย. 58 ที่อู่ทีเอสเค อะไหล่ยนต์ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 ร่วมกับ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 แถลงผลการจับกุมแก๊งชำแหละรถยนต์แยกชิ้นส่วนส่งขายพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีผู้ต้องหา 6 คน ได้แก่ นายอนุสรณ์ แซ่หลิว อายุ 27 ปี นายกร (ขอสงวนนาม) อายุ 20 ปี นายนัย (ขอสงวนนาม) อายุ 21 ปี นายเตย (ขอสงวนนาม) อายุ 29 ปี นายพล (ขอสงวนนาม) อายุ 26 ปี และนายชาต (ขอสงวนนาม) อายุ 19 ปี โดยมีนายอนุสรณ์เป็นเจ้าของกิจการ ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 5 คน ทำหน้าที่เป็นช่างชำแหละชิ้นส่วนรถยนต์
พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากศูนย์ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรถเช่าว่าถูกเช่ารถแล้วเชิดรถหนี โดยคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือแก๊งชำแหละรถยนต์ จึงได้เร่งสืบสวนกระทั่งติดตามเบาะแสมาถึงอู่อะไหล่ยนต์ดังกล่าว เชื่อว่าเป็นสถานที่ขายรับซื้อและแยกชิ้นส่วนรถยนต์ผิดกฎหมาย และเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ได้บุกเข้าตรวจค้นและพบนายอนุสรณ์กำลังชำแหละรถยนต์คันหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นรถยนต์ตรงกับข้อมูลว่ามีผู้เสียหายได้แจ้งความรถหายไว้
ส่วนภายในอู่มีทั้งรถยนต์เช่าจากร้านรถเช่าแล้วหลบหนี รถยนต์หลุดจำนำ รถยนต์หนีไฟแนนซ์ และรถยนต์ที่ได้รับแจ้งสูญหายอีกหลายคัน โดยจะตรวจสอบละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งยังพบเครื่องยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถยนต์ กองรวมกันอีกจำนวนมากเพื่อรอการจำหน่าย
จากการสอบสวน นายอนุสรณ์ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เป็นนักแข่งรถ จากนั้นหันไปดำเนินกิจการชำแหละรถยนต์ร่วมกับลูกน้อง โดยทำเป็นเวลาประมาณ 1 ปี 2 เดือน บนที่ดิน 5 ไร่ ของพ่อแม่ที่สร้างโกดังและเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ ที่ผ่านมามีรถยนต์ทั้งรถเก๋งและรถกระบะที่ถูกชำแหละเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 20 คัน รวมทั้งสิ้นกว่า 100 คัน มูลค่าความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยจะซื้อรถติดไฟแนนซ์ รถจำนำ หรือรถจากร้านเช่ารถที่มีคนนำมาขายให้ และนำมาชำแหละส่งเครื่องยนต์ไปขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนชิ้นส่วนที่เหลือจะนำมาขายปลีกให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่อู่ ทั้งนี้ในเรื่องผิดกฎหมายทางพ่อแม่และครอบครัวไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร พร้อมทั้งจะตรวจสอบโครงรถยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ทั้งหมดว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อขยายผลต่อไป