
น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ศ.เจริญ วรรธนะสิน
วันพุธที่ผ่านมา ออกจากอาคารนิมิบุตรรายการแบดมินตัน เอสซีจี ไทยแลนด์โอเพ่น 2009 ผมกลับมาดูโทรทัศน์ที่บ้าน ดูครึ่งหลังทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลแข่งขันกับทีมชาติไทย เห็นผู้คนแน่นสนามราชมังคลากีฬาสถาน ก็อดที่จะชื่นชมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยไม่ได้ ที่มีคนดูเต็มสน
เพราะเป็นคนดูที่มีคุณค่ามากสำหรับวงการกีฬาเมืองไทย เป็นคนดูที่ควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไปสนุกตื่นเต้นกับกีฬาที่เขาชอบ เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับนักกีฬาฟุตบอลที่เป็นวีรบุรุษในดวงใจ ไปชมลีลาการเลี้ยงลูก การเตะลูกที่สูงด้วยทักษะ ชั้นเชิงการเล่นฟุตบอลระดับโลกอย่างเอาจริงเอาจัง
แม้ฝนฟ้าจะตก แฟนฟุตบอลก็ไม่ถอยหนี กางร่มแบ่งปันกันเปียกเจียดจานกันอย่างน่าประทับใจ สายฝนแรงหรือเบาไม่เป็นอุปสรรคของการชมกีฬาที่พวกเขารัก
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมมองเห็นถึงอนาคตของกีฬาอาชีพในประเทศไทย มีทางที่จะเป็นไปได้สูง
เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี กีฬาดีๆ ที่คนจัดจะต้องขายบัตรค่าผ่านประตู จะมากหรือน้อยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยที่สุดต้องเริ่มต้นสร้างวัฒนธรรมการดูกีฬาของคนไทย ดูกีฬาดีๆ จะต้องเสียเงิน เหมือนกับที่ซื้อบัตรดูคอนเสิร์ต ซื้อบัตรดูละครเวที ราคากี่พันบาท ถ้าชอบแล้วก็ต้องจ่าย
มิฉะนั้นนโยบายส่งเสริมกีฬาอาชีพของรัฐ ก็ต้องเป็นง่อยเหมือนอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ คนดูกีฬาไม่จ่ายเงินคนละนิดคนละน้อย อุดหนุนจุนเจือกีฬา แล้วกีฬาจะเป็นอาชีพได้อย่างไร
ยิ่งรายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดกีฬาไม่มี แต่กลับต้องไปซื้อเวลาทีวีถ่ายทอดกีฬาก็ยิ่งไปกันใหญ่
ทุกวันนี้นักกีฬาไทยที่ยึดกีฬาเป็นอาชีพ อยู่ได้ด้วยการสร้างทักษะและฝีมือ แล้วไปแข่งขันทำเงินหารายได้จากต่างประเทศกันทั้งนั้น จะอาศัยรายได้จากการแข่งขันกีฬาภายในประเทศยากเต็มที
ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้น หรือระยะยาว กีฬาอาชีพจะหวังเพียงพึ่งเงินช่วยเหลือจากสปอนเซอร์แต่อย่างเดียวคงไม่ได้ ลองหลับตานึกภาพการแข่งขันฟุตบอลในยุโรป กอล์ฟ บาสเกตบอลเอ็นบีเอในสหรัฐ เทนนิสระดับแกรนด์สแลมทั้งหลาย ถ้าไม่มีคนดูที่จ่ายเงิน และรายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดโทรทัศน์ กีฬาอาชีพที่เอ่ยมานี้ จะมีเงินมากมายอย่างที่เห็นกันอยู่ได้หรือ?
ฟุตบอลนัดพิเศษ ลิเวอร์พูลกับทีมชาติไทยหนนี้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับกีฬาอาชีพในไทยครับ