
แฉ!!กลโกง!?!..สลากคนพิการ...
แฉ!!กลโกง!?!..สลากคนพิการ...: ทีมข่าวรายงานพิเศษ
“โควตาสลากคนพิการ” กลายเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ของกลุ่มมิจฉาชีพทุกวันนี้ ใช้กลโกง ต้มตุ๋นเป็นขบวนการ โดยมี คนพิการในต่างจังหวัด ที่มีฐานะค่อนข้างลำบากตกเป็นเหยื่อ
จากรายงานข้อมูล สภาคนพิการแห่งประเทศไทย และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2550-2558 พบว่า มีคนพิการที่รับสัญญาถือครองโควตาสลากคนพิการ จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร้องเรียนขอความเป็นธรรม ถูกยักยอก ฉ้อโกง เอารัดเอาเปรียบ หลอกลวงสิทธิประโยชน์ของคนพิการที่ได้รับการค้าสลาก จำนวน 1,200 ราย
เมื่อสภาคนพิการฯ แจ้งเรื่องร้องเรียนไปยังกองสลากให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนใหญ่เรื่องมักเงียบหาย ไม่ได้มีการสอบสวนชี้แจง
ล่าสุดเดือนตุลาคม 2558 มีการร้องเรียนถูกสวมสิทธิรับโควตาสลากคนพิการที่เสียชีวิตแล้ว เป็นข่าวหน้า 1 "คม ชัด ลึก" พาดหัว “สาวสุโขทัยโวยมือดีงาบหวยคนพิการ สวมสิทธิโควตาสลากพี่ชายที่ตายไปแล้ว 4 ปี จี้กองสลากเอาผิด” ร้องกองสลาก เมื่อวันที่ 15 กันยายน ผ่านไปเกือบ 2 เดือนแล้ว เรื่องยังไม่คืบหน้า
นอกจาก กลโกงโควตาสลากคนพิการ ด้วยวิธีการ สวมสิทธิคนตายข้างต้นแล้ว ยังพบกลโกงอีกหลายวิธี ทีมข่าว “คม ชัด ลึก" ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงการร้องเรียนกลโกงได้รับการเปิดเผยจาก “สมชาย ปัญญ์เอกวงศ์” ประธานฝ่ายส่งเสริมอาชีพและการจ้างงานคนพิการ สภาคนพิการฯ และอดีตนายกสมาคมคนตาบอดฯ ถึงรูปแบบกลโกงโควตาสลากคนพิการที่เกิดขึ้นบ่อยว่า มี 4 วิธีการคือ
1.ตั้งตัวแทน แกนนำคนพิการจังหวัด รวบรวมรายชื่อ บัตรประชาชน ทะเบียนคนพิการ ให้ได้มากที่สุด นำมายื่นเรื่องทำสัญญาขอรับสิทธิโควตาคนพิการที่กองสลาก ในนามชมรมฯ สมาคมคนพิการ ฯลฯ เมื่อได้รับสลากแล้ว ไม่นำสลากไปให้คนพิการ แต่กลับนำไปขายเข้ากระเป๋าเอง
“วิธีนี้ใช้บ่อย ในภาคเหนือ เช่น กรณีนางสีไพร แซ่โซ ชาว จ.สุโขทัย มีลูกสาวพิการ มาร้องเรียนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2550 ว่า ได้รับการติดต่อจากหัวหน้าคนพิการรายหนึ่ง(นายจรัญ แซ่จิว) ช่วงกลางปี 2549 ให้นำทะเบียนคนพิการ รูปถ่ายและเอกสารต่างๆ มาให้ แล้วพาเข้ากรุงเทพฯ มายื่นเรื่องที่กองสลาก ได้ค่าตอบแทนคนละ 2,000 บาท ขึ้นรถตู้มา 3 คัน พร้อมคนพิการอีก 30 คน ส่วนใหญ่พิการทางสมอง เป็นใบ้ และพิการแขนขา จ่ายเงินให้พี่เลี้ยงที่ดูแลคนพิการรายละ 400 บาท” สมชายกล่าว และอธิบายเพิ่มเติมว่า
เมื่อเสร็จจากทำสัญญาแล้ว ได้เรียกเก็บสัญญาทั้งหมดจากคนพิการ แต่นางสีไพรเกิดความฉงนใจเลยแอบถ่ายเอกสารสัญญาไว้ 1 ฉบับก่อนจะให้ไป เมื่อมาดูสัญญาพบว่า ลูกสาวได้สลากงวดละ 20 เล่ม มีผลตั้งแต่งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่เคยได้สลากเลย จึงมาร้องเรียนสมาคม
จากการตรรจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่า กลุ่มคนที่มาหลอกลวง ร่วมมือกับคนใน(นายสมชาติ ขอสงวนนามสกุล) หัวหน้าฝ่ายจำหน่ายสลาก ที่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการนี้ในการจ่ายสลาก จนสุดท้ายเรื่องแดงขึ้น นางสีไพรก็สามารถมารับสลากโควตาของลูกสาวได้เองตั้งแต่งวดเดือนมีนาคม 2550 เป็นต้นมา ไม่ตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวงฉ้อโกงอีกต่อไป
“อดีตนายกสมาคมคนตาบอดฯ" บอกว่า ข้อมูลกองสลากปี 2558 มีกลุ่มบุคคล สมาคม มูลนิธิ องค์กร ทำบันทึกข้อตกลงตัวแทนจำหน่ายสลากบำรุงการกุศล ได้รับจัดสรรโควตาใหม่ จากคณะกรรมการสลากฯ ตั้งแต่งวดวันที่ 1 สิงหาคม-1 ธันวาคม 2558 ทั้งหมด 3,496 ราย แบ่งเป็นนิติบุคคลรายใหญ่เดิม 3 ราย นิติบุคคลรายกลาง 10 ราย นิติบุคคลรายเล็ก 2,497 ราย และสมาคม มูลนิธิ องค์กร จำนวน 1,029 ราย ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับคนพิการทั่วประเทศประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ เช่น สมาคมอาสาสมัครและเพื่อนคนพิการ สมาคมช่วยเหลือคนพิการ ฯลฯ
สำหรับ “กลโกง” สลากคนพิการ วิธีที่ 2 ทำอย่างแยบยล ด้วยการจัดตั้ง จดทะเบียนเป็นสมาคม มูลนิธิ องค์กร หรือชมรม เอาชื่อคนพิการมาใส่ไว้ แล้วยื่นเรื่องขอโควตา เมื่อได้สลาก ก็ไม่ได้นำไปให้คนพิการเอาไปขาย แต่กลับเอาไปขายแบบเหมาจ่ายให้ยี่ปั๊วรายใหญ่ โดยที่คนพิการไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ เป็นเพียงนำชื่อไปแอบอ้างสิทธิ แต่ไม่ได้รับสิทธิจริง เหมือนเป็นหนังหน้าไฟ
อยากให้กองสลากเข้มงวดตรวจสอบในส่วนนี้ให้รัดกุมมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีการแอบอ้างตั้งเป็นชมรม มูลนิธิ ฯลฯ คนพิการจำนวนมากเกือบ 1,000 แห่ง
กลโกงวิธีที่ 3 จะคล้ายกับวิธีการแรก แต่วิธีนี้ไม่ได้พาคนพิการจากต่างจังหวัดมากองสลาก ใช้วิธีเข้าทาง อบต. แต่ละตำบล แอบรวบรวมรายชื่อคนพิการในพื้นที่ แล้วเอามาทำสัญญากับเจ้าหน้าที่กองสลากโดยตรง โดยที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและขึ้นทะเบียน ทำกันเองโดยไม่มีใครรู้เห็น แต่รู้เห็นกับเจ้าหน้าที่ โดยที่คนพิการไม่รู้เรื่อง จากนั้นก็มั่วนิ่มรับสลากไปขายเองแบบเนียนๆ วิธีนี้พบบ่อยมากในภาคเหนือ
สำหรับกลโกงโควตาสลากคนพิการวิธีการที่ 4 คือ การสวมสิทธิคนตาย ที่แอบทำกันมานานแล้ว เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่คนในรู้เห็น เช่นเดียวกับกรณีของนางรัศมี มะริด ที่ร้องเรียนตามข่าว โดยสวมสิทธิคนตายรับช่วงต่อ ไม่ได้แจ้งกองทะเบียน จนมาถูกตัดสิทธิเป็นเรื่องขึ้น เพราะเจ้าตัว (ผู้ตาย) ไม่ได้ไปต่อทะเบียนแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่นั่นเอง
“สุพร ชัยสุพรรณกุล” ประธานสภาคนพิการผู้ค้าสลากไทย ยอมรับว่า ปัญหาการสวมสิทธิโควตาสลากคนพิการและการหลอกคนพิการมาทำสัญญา เกิดขึ้นบ่อย โดยมีเจ้าหน้าที่กองสลากมีส่วนรู้เห็น แต่ก็ไม่มีการดำเนินการจริงจังและเอาผิดกับคนพวกนี้ จนรัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ปัญหา แต่ยังไม่ตรงจุด แทนที่จะเพิ่มมาตรการเข้มงวดคัดกรองคนพิการ แต่กลับออกมาตรการวางเงินค้ำประกันโควตาสลากพิการ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้คนที่อยากขาย แต่ไม่มีเงินอาจต้องเลิกอาชีพนี้ไปโดยปริยาย
“การจองออนไลน์ก็เช่นกัน หวังแก้ปัญหาเรื่องโควตา 5 เสือ แต่กลับกลายเป็นเพิ่มปัญหาให้เกิดขึ้น เพราะ ผอ.กองสลาก กรรมการบอร์ด ขาดประสบการณ์ ไม่สามารถตรวจสอบได้อยู่ดีว่าคนที่จองเอาไปขายเองจริงหรือไม่ ถ้าจะแก้ปัญหาให้ตรงจุดจริงๆ ควรคุมราคาขายส่งจากยี่ปั๊วไม่เกิน 70.40 บาท และขายปลีกไม่เกิน 80 บาทมากกว่า” สุพรเสนอแนะความเห็น
นอกจาก กลโกงโควตารับสลากคนพิการ ที่เกิดขึ้นในระบบแล้ว ยังมีวิธีการฉ้อโกงของเหล่ามิจฉาชีพ ที่แฝงตัวในคราบประชาชนคนซื้อสลากมาหลอกลวง คนพิการขายสลาก เน้นเหยื่อ “ตาบอด” และพิการร่างกายการเคลื่อนไหว
กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้จะมาคนเดียว หรือมาเป็นกลุ่ม 2-3 คน ทำทีเข้ามาห้อมล้อม เลือกซื้อสลากคนพิการ ถามหาเลขหลากหลาย ให้เกิดความสับสน เมื่อสบโอกาส ช่วงชุลมุน ขณะรุมซื้อ จะฉกสลากบนแผงขายวิ่งหนีไป นอกจากนี้ยังมีการโจรกรรมสลากในอีกหลายวิธี ทั้งนี้ “ทีมข่าวคม ชัด ลึก” ได้รวบรวม ภัยร้ายมิจฉาชีพ โจรลอตเตอรี่คนพิการ จากคำบอกเล่าของ “ผู้ขายสลากคนพิการ" ที่เคยประสบเหตุดังนี้
1.จ่ายเงินไม่ครบ 2.แจ้งจำนวนสลากไม่ตรงกับที่หยิบ 3.จ่ายธนบัตรใบละ 100 บาทแต่กลับบอกเป็นธนบัตรใบละ 500 บาท 4.ทำทีเลือก แต่พอเผลอฉกเอาไปทั้งเล่ม 5.หลอกให้เข้าไปในที่เปลี่ยวแล้วจี้เอาเงิน 6.วิ่งราว ฉกเอาสลากไปทั้งแผง
“ธัญญพร กิตติปริคุณ” อายุ 59 ปี คนตาบอด เล่าว่า เคยถูกขโมยลอตเตอรี่
หลายครั้ง แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย จะไปแจ้งความก็ไปไม่ถูก ได้แต่เจ็บใจตัวเอง ตอนนั้นนั่งขายลอตเตอรี่อยู่หน้าตลาดแฮปปี้แลนด์ มีชายคนหนึ่งฟังจากน้ำเสียงแล้ววัยกลางคน มาเลือกซื้อลอตเตอรี่ หยิบไปมานับได้เกือบ 50 ใบ แต่พอจะจ่ายเงินเขาบอกว่า เงินไม่พอ แล้วบอกให้เดินตามไปเอาเงินด้วยกัน บ้านอยู่ไม่ไกลในซอยถัดไป
“ความที่เราดีใจว่าขายได้เยอะ ก็รีบพับแผงขาย แล้วคลำทางเดินตามเขาไปทันที แต่พอไปถึงกลางซอยเขาบอกให้ยืนรอก่อน จะเข้าไปเอาเงินในบ้านมาให้ แล้วเขาก็หายไปนานมาก เป็นชั่วโมง จึงรู้ว่าโดนหลอกแน่นอน และมีอีกครั้งโดนขโมยไปยกเล่ม คนซื้อขอหยิบไปเลือกเอง แล้ววิ่งหนีไปเลย" เธอเล่าด้วยสีหน้าสลด
ขณะที่ “ผ่องพรรณ จ้อยรุ่ง" อายุ 57 ปี พิการตาบอด บอกว่า ตนเองและเพื่อนตาบอดที่ขายสลากด้วยกัน ถูกหลอก ถูกโกง หลายครั้ง คนซื้อจ่ายธนบัตรใบละ 100 แต่บอกว่า จ่ายธนบัตรใบละ 500 บาทก็มี จนช่วงหลังจะเหน็บธนบัตรไว้ที่หน้าอกและกระเป๋าเสื้อ พอเขาบอกว่า นี่ใบละ 500 นะ จะหยิบเอาของตัวเองออกมาเปรียบเทียบขนาดความยาวทันที
“ถ้าเงินเขายาวเท่าของเรา ก็แสดงว่าจ่ายถูกต้อง แต่ถ้าไม่ใช่เราจะรีบบอกเขาเลย คนขายลอตเตอรี่ตาบอด ส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้ ช่วงหลังจะไม่ส่งลอตเตอรี่ให้คนซื้อเลือกเอง จะใส่ในแผงขาย ติดแม็กเย็บแน่นหนา และล่ามโซ่ติดตัวไว้ ป้องกันการยกแผงหนี ซึ่งเวลาขายทุกครั้งจะไปนั่งรวมกับคนตาดีให้เขาช่วยดูให้” ผ่องพรรณเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง
จะเห็นว่า สังคมไทยสมัยนี้อยู่ยาก หากไม่ระมัดระวังตัว ไม่ว่าจะเป็นคนปกติ หรือคนพิการทางสายตาและพิการทางร่างกาย การเคลื่อนไหว ต้องไม่ประมาทในการใช้ชีวิต อย่าไว้ใจคนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากรู้ไม่เท่าทันคน อาจตกเป็นเหยื่อ “ภัยร้ายมิจฉาชีพในสังคม" ได้ทุกเวลา...
แฉ4กลโกงสลากคนพิการ
1.ตั้งเป็นองค์กร ชมรม สมาคม ฯลฯ ล่ารายชื่อ
พามาทำสัญญา แต่แอบนำสลากไปขายเอง
2.แอบอ้าง องค์กร ชมรม สมาคม รับสลากขายต่อยี่ปั๊ว
3. รวบรวมชื่อจาก อบต. ยื่นตรงกองสลาก ให้สินบนเจ้าหน้าที่
4.สวมสิทธิโควตาคนพิการที่เสียชีวิต