
40ปีอาณาจักร'13เหรียญ'ผงาดในยุทธจักรนักชิม
40ปีอาณาจักร'13เหรียญ'ผงาดในยุทธจักรนักชิม : คมคิดชีวิตต้องสู้ โดยสุนนท์ จันทร์ศรีทอง
ชื่อเสียงของ 13 เหรียญ เป็นที่รู้จักของนักชิมทั่วประเทศเพราะตั้งแต่เปิดสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2519 นับถึงปัจจุบันก็ปาเข้าไปเกือบ 40 ปีแล้ว
แน่นอนว่า ตลอดเกือบ 4 ทศวรรษ ย่อมมีเรื่องราวเล่าขานมากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวชีวิตการต่อสู้ของเจ้าของ 13 เหรียญ ที่ชื่อว่า “เฮียก๊ก” สมชาย นิติวนะกุล หนุ่มใหญ่วัย 67 ปี ที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะ การใช้ชีวิตในต่างแดน
เรื่องราวของ 13 เหรียญ ไม่เพียงแค่เป็น ตำนานของร้านอาหาร เวลานี้ยังเป็นค่ายมวยชื่อดัง ผลิตยอดมวยสู่ตลาดมวยมากมาย
วันนี้เราไปรู้จัก 13 เหรียญและตัวตนของพี่สมชาย หนุ่มใหญ่ใจดีให้มากขึ้น
พี่สมชายเล่าประวัติให้ฟังว่า เกิดที่ย่านวัดแขก แถวสีลม โดยพ่อแม่อพยพมาจากเมืองจีน มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นคนที่ 2 พ่อมีอาชีพเป็นหัวหน้ากุ๊กอยู่ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล ส่วนแม่มีอาชีพเป็นช่างเย็บเสื้อผ้า ฐานะทางบ้านปานกลาง ด้านการศึกษา ระดับมัธยมเรียนที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม แล้วไปต่อสหพาณิชย์ แผนกพาณิชย์ วิชาที่ชื่นชอบคือภาษาอังกฤษ ส่วนที่ไม่ถนัดคือการวาดเขียน ช่วงที่เรียนนั้นยังคงศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้านภาษาอังกฤษอีกด้วยเพราะพ่อให้การสนับสนุน
“คุณพ่อผมเป็นหัวหน้ากุ๊ก คนแรกที่สามารถอ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้ และทำอาหารเก่ง ตรงนี้เองเป็นส่วนสำคัญให้ผมมีความสนใจเรื่องของอาหาร และเรื่องภาษาอังกฤษ เพราะซึมซับจากคุณพ่อมาแต่เด็ก และต่อมาทั้งการทำอาหาร และการใช้ภาษา ผมจึงมีความรู้และปฏิบัติเป็นอาชีพได้ดี”
เส้นทางของเจ้าของ 13 เหรียญมาพลิกผันในช่วงเข้าวัยหนุ่มแตกพาน โดยในปี 2510 พี่สมชายกับเพื่อนมีความคิดว่าอยากจะไปผจญภัยท่องโลกกว้างเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต โดยจุดมุ่งหมายคือประเทศสหรัฐอเมริกา
“ผมมีเงินไปก้อนหนึ่ง ไปเพื่อต้องการหางานทำและเรียนต่อ แต่จริงๆ แล้ว อยากทำงานเก็บเงินเก็บทองมากกว่า หรือที่เขาเรียกว่าไปขุดทองนั่นแหละ ก็ไปกับเพื่อนรวม 2 คน แบบวีซ่านักเรียน พอถึงอเมริกาก็ได้งานทำเลย อยู่ที่ร้านอาหาร เป็นร้านสเต๊กชั้น 1 ที่ซีแอตเทิล วอชิงตัน”
งานแรกที่ทำคือล้างจาน จากนั้นเป็นเด็กเก็บจาน (ผู้ช่วยพนักงานเสิร์ฟ) และไต่เต้าจนเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ อยู่ที่นี่ได้พักหนึ่งก็ลาออกมาอยู่ที่ใหม่ แต่เจ้าของยังเป็นคนเดิมชื่อว่า ร้าน 13 เหรียญ เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมาก ใครๆ ก็รู้จัก รวมสองที่แล้วทำอยู่ทั้งหมด 6 ปีครึ่ง
“ช่วงนั้นที่อเมริกามีงานให้ทำเยอะมาก รายได้ดีด้วย ซึ่งอย่างที่บอกว่ามาเพื่อต้องการเก็บเงินเก็บทอง ซึ่งผมโชคดี หนึ่งคือรู้ภาษา สองทำอาหารเป็น ทั้งสองอย่างได้มาจากคุณพ่อ และนิสัยส่วนตัวก็เข้ากับคนง่าย ทำงานเร็ว และซื่อสัตย์ ช่วงนั้นชีวิตสนุกสนาน ได้ประสบการณ์เยอะ แม้จะเหนื่อยแต่มีความสุข”
อยู่ซีแอตเทิลพักหนึ่งก็ย้ายไปอยู่อลาสกา อีก 2 ปีครึ่ง ไปทำงานร้านอาหารที่คล้ายๆ กับ 13 เหรียญที่เก่า ที่นี่รายได้งดงาม ทำแล้วก็มีเงินเก็บส่งมาทางบ้าน เงินส่วนหนึ่งก็มาเช่าตึกที่ปากซอยรามคำแหง 29 จนเป็นที่มาของ 13 เหรียญสาขาแรก ด้วยเหตุผลว่าชีวิตรักความอิสระและไม่อยากเป็นลูกจ้าง
พี่สมชายเล่าต่อว่า ผมกลับมาเมืองไทยปี 2519 รวมเวลาอยู่ที่อเมริกา 9 ปี ได้ประสบการณ์และทุนก้อนหนึ่ง แม้จะเรียนไม่สำเร็จแต่ได้ปริญญาชีวิตซึ่งมีค่ามาก อยู่ต่างแดนได้เรียนรู้ชีวิตหลายรูปแบบ ต้องแข็งแกร่งและอดทน พอกลับเมืองไทยก็เริ่มก่อร่างสร้างตัวทันที
“สาขาแรกของ 13 เหรียญที่รามคำแหง ได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีอาจารย์และนักศึกษามาใช้บริการเยอะมาก และช่วงนั้นร้านอาหารสไตล์นี้มีน้อย 13 เหรียญของเรา เน้นเรื่องการบริการ ความสะอาด อร่อย และไม่แพง”
เมื่อสาขาแรกประสบความสำเร็จ พี่สมชายเดินหน้าเปิดสาขาที่ 2, 3 และสาขาต่อไปตามมาเรื่อย กระทั่งมีทั้งหมด 40 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังไปเปิดที่ ห้างเซ็นทรัล, เดอะมอลล์, มาบุญครอง, อิมพีเรียล จนเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
“ช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู 13 เหรียญ เป็นที่นิยมของคนทั่วไปอย่างมาก นอกจากเรื่องของอาหารประเภทสเต๊ก ยังมีอาหารไทย จีน ยุโรป ซึ่งเราเน้นเรื่องความสด อร่อย และราคาถูก เมนูอาหารมีกว่า 500 รายการ ผักเราไปซื้อที่ตลาดสี่มุมเมือง อาหารทะเลไปซื้อที่แม่กลอง ส่วนหมู ไก่ นั้น ทางบริษัทจะมาส่งที่ร้าน และเราก็ค่อยปรับปรุงพัฒนาให้ถูกใจลูกค้าที่สุด เท่านั้นไม่พอ 13 เหรียญยังมี ห้องพัก ห้องคาราโอเกะ ห้องจัดเลี้ยง ให้ลูกค้าใช้บริการแบบครบวงจร”
เป็นที่ทราบว่า 13 เหรียญยืนหยัดบนถนนสายนี้มาแล้ว 40 ปี จวบจนกระทั่งปัจจุบันยังให้บริการลูกค้าตามปกติ แต่บางสาขาได้ปิดลงไป โดยพี่สมชายเล่าว่า อย่างที่หลายคนทราบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบกระเทือนไปหมด ไม่ใช่เพียงร้านเรา ที่อื่นก็เป็น แต่เรายังปักหลักอยู่อย่างมั่นคง ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์ โดยที่ผ่านมา 13 เหรียญก็เอาใจลูกค้าเป็นการฉลองครบ 40 ปี ด้วยการลดค่าอาหารลง แต่เรื่องของคุณภาพ ความอร่อย ความสะอาด ยังเหมือนเดิม มีโปรโมชั่นดีๆ ให้ลูกค้า ทั้งในส่วนของสเต๊ก ใช้เนื้อสันในหรือซุป ซึ่งเห็นได้ชัดว่าลูกค้าเพิ่มขึ้น และหลายรายใช้บริการแล้วก็ยังซื้อกลับไปบ้านด้วย อย่างตอนนี้อาหารแนะนำคือ แฮมเบอร์เกอร์ทะเล (กุ้ง, หอย, ปู) ที่กรอบนอกนุ่มใน ราคาไม่แพง และส้มตำกุ้งเผา สด กรอบ กำลังเป็นที่นิยมของลูกค้า
“40 ปีผมกับแฟน ชื่อพัชรี ยังทำงานเหมือนเดิม เพราะเราเกิดมาจาก 13 เหรียญ ก็ต้องทำต่อไป ที่ผ่านมาก็ได้ให้ทายาททั้ง 3 คือ ดร.รัชนี, คเนศ และ ธนวดี ซึ่งทั้งหมดจบการศึกษาจากต่างประเทศ มาช่วยงาน เพราะแน่นอนว่าลูกก็ต้องมารับช่วงต่อไป ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง เนื่องจากลูกทั้งสามได้เรียนรู้ธุรกิจทั้งหมดแล้ว และแน่นอนว่า 13 เหรียญยังคงรับใช้ลูกค้าต่อไป โดยมีเป้าหมายจะเปิดสาขาเพิ่มเติมอีก ซึ่งเล็งไว้ที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะมีชาวต่างชาติเยอะ ซึ่งเราจะทำเป็นที่พักแบบครบวงจรด้วย”
เท่านั้นยังไม่พอชื่อของ 13 เหรียญ ยังเป็นที่รู้จักของคนวงการมวยเพราะปัจจุบันสาขาพระราม 9 พื้นที่ส่วนหนึ่งได้เนรมิตเป็นค่ายมวยชื่อว่า 13 เหรียญพระราม 9 โดยเปิดมาแล้ว 8 ปี ที่ผ่านมามีมวยดังมากมายไม่ว่าจะเป็น วังจั่นน้อย 13 เหรียญทาวเวอร์ ยอดมวยไทยชื่อดังจาก จ.ลพบุรี เป็นนักมวยคนแรกของค่าย จากนั้นก็มี สามกอ ช.รัชตสุภัค, แสงเทียนน้อย ส.รุ่งโรจน์, แสนชัย ส.คำสิงห์, พรเสน่ห์ ศิษย์มนต์ชัย หรือมวยหลายๆ คนของ ใหม่ เมืองคอน, ศิษย์สันทัด และแชมป์โลกอย่าง คมพยัคฆ์, ผึ้งหลวง ก็เคยอยู่ที่นี่
“ผมชอบมวยตั้งแต่เป็นนักเรียนขาสั้น โดยมีคุณสมศักดิ์ แสนยากร เทรนเนอร์ยอดเยี่ยม เป็นเพื่อนร่วมเรียนด้วยกัน เมื่อมีโอกาสก็ให้การสนับสนุนเด็กนักมวย ตอนนี้ที่ค่ายมีมวยดังเช่น แสงมณี ส.เทียนโพธิ์ ยอดมวยไทย ฟิตซ้อมอยู่เป็นประจำ นอกนั้นก็เป็นมวยดาวรุ่ง นอกจากนั้นที่ค่ายยังเปิดให้ทั้งชาวต่างชาติและคนไทยได้มาเรียนมวยไทยอย่างถูกต้องตามตำรา เพราะเรามีครูมวย สอนให้ รวมไปถึงคนดังอย่าง แมททิว หรือ กมลวรรณ (แอล) ศรีวิไล ลูกสาว กรุง ศรีวิไล ก็มาฝึกมวยไทยที่ค่าย และที่ค่ายยังมีกองถ่ายละคร ภาพยนตร์ มาใช้สถานที่ถ่ายเป็นประจำ ซึ่งผมมีความสุขมาก เพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ตอนเช้าและเย็นก็จะมานั่งชมมวยซ้อม รวมถึงเพื่อนๆ ในวงการมวยก็แวะเวียนมาหาบ่อยๆ มีความสุขมาก”
แน่นอนว่าทุกวันนี้ 13 เหรียญ ยังคงผงาดในยุทธจักรและยังคงมีลมหายใจ เพื่อความสุขของนักชิมรวมถึงยังปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยเพื่อก้าวให้ทันโลกสมัยใหม่
ที่มาของ 13 เหรียญและสูตรสำเร็จ
“13 เหรียญ ก็มาจากชื่อร้านที่ผมไปทำงานอยู่ที่ซีแอตเทิล วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ช่วงเวลานั้นเป็นความทรงจำที่ดีของชีวิต เพราะที่นั่นสอนทุกอย่างให้ผมจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวันนี้ ก็เลยนำชื่อมาตั้งเป็นชื่อร้าน ส่วนสูตรสำเร็จนั้น เรื่องของการทำอาหารเป็นเรื่องที่ผมชอบตั้งแต่เล็กแล้วและเป็นอาชีพของคุณพ่อผมด้วย ผมก็ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจเพื่อความสุขของผู้มาใช้บริการ เน้นคุณภาพทุกอย่าง อาหารต้องสด สะอาด อร่อย ราคาไม่แพง ลูกค้าคือผู้มีพระคุณ เราต้องรับฟัง และงานทุกอย่างเราต้องศึกษาหาความรู้ให้ถ่องแท้ เพราะเรื่องของอาหารนั้นไม่มีที่สิ้นสุด สามารถปรุงแต่ง ประยุกต์ได้”