
สมรภูมิเลือกตั้งพม่า อึกทึกครึกโครมที่สุดในรอบ 25 ปี
07 พ.ย. 2558
เกาะติดเลือกตั้งพม่า : สมรภูมิเลือกตั้งพม่า อึกทึกครึกโครมที่สุดในรอบ 25 ปี
นับจากการเลือกตั้งในเมียนมาร์ปี 2533 พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย นำโดยออง ซาน ซูจี ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับจากคณะทหารพม่า และได้ทำการยึดอำนาจจับกุมคุมขัง ปราบปราม นักการเมือง นักกิจกรรมและประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย
ล่าสุด การเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาร์ ที่จะมีการหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 ถือว่าเป็นการเลือกตั้งเสรี ที่มีการหาเสียงอันอึกทึกครึกโครมมากที่สุดในรอบ 25 ปี

ภาพรวมการเลือกตั้งใหญ่นั้น มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งราว 33 ล้านคน และพบว่า มีพรรคการเมืองที่ลงสมัครทั้งสิ้น 93 พรรค มีผู้ลงชิงชัย 6,189 คน
แม้จะมีพรรคการเมืองมากกว่า 90 พรรค แต่ก็มีเพียงสองพรรคใหญ่ที่แข่งขันกันอย่างเต็มที่คือ พรรคสหภาพสามัคคีและการพัฒนา (Union Solidarity and Development Party : USDP) หรือ “พรรคสิงห์ทอง” ที่มีประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ให้การสนับสนุน และ พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National League for Democracy : NLD) หรือ “พรรคยูงทอง”

ส่วนพรรคการเมืองของชาติพันธุ์ที่น่าสนใจคือ พรรคสันนิบาตแห่งชาติไทใหญ่เพื่อประชาธิปไตย (Shan Nationalities League for Democracy-SNLD) หรือ “พรรคหัวเสือ” ซึ่งมีขุนทุนอูเป็นผู้นำพรรค และมีฐานเสียงอยู่รัฐฉาน
การเลือกตั้งในเมียนมาร์ ค่อนข้างซับซ้อนและแตกต่างจากบ้านเรา เพราะมี 3 สภา
ฉะนั้น ประชาชนที่จะเข้าคูหาเลือกตั้งก็ต้องกาบัตร 3 ใบ ซึ่งแต่ละสภามีที่นั่งสงวนไว้ให้ทหาร 25%

1.สภาระดับชาติหรือรัฐสภาของพม่า Pyidaungsu Hluttaw มีอยู่ 2 สภาด้วยกันคือ
-สภาประชาชน หรือ สภาผู้แทนราษฎร (House of representatives-Pyithu Hluttaw) ประกอบด้วยสมาชิก 440 ที่นั่ง โดย 330 ที่นั่ง มาจากการเลือกตั้งในแต่ละอำเภอ อำเภอละ 1 คน จากทั่วประเทศ 330 อำเภอ ที่เหลือถูกแต่งตั้งมาจากกองทัพ
-วุฒิสภา หรือ สภาชนชาติ (House of Nationalities-Amyotha Hluttaw) ประกอบด้วยสมาชิก 224 ที่นั่ง โดย 168 ที่นั่ง มาจากการเลือกตั้ง ภาคหรือเขตละ 12 คน และ 56 คน ถูกแต่งตั้งมาจากกองทัพ

2.สภาภูมิภาคและสภารัฐ (Regional and State Parliament) มีสมาชิกทั้งสิ้น 885 ที่มาจากการเลือกตั้ง 665 ที่นั่ง ที่เหลือมาจากกองทัพ โดยสภาภูมิภาคนั้นหรือสภารัฐนั้น ในแต่ละอำเภอจะมี ส.ส.ได้ 2 ที่นั่ง
รวมแล้ว วันอาทิตย์นี้ จะมีการเลือก ส.ส.เข้าสู่ทั้ง 3 สภา รวมทั้งสิ้น 1,142 คน เหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2553 หรือร้อยละ 75 เนื่องจากร้อยละ 25 เป็นโควตาของทหารตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้

สำหรับการรณรงค์หาเสียง ทั้งสองพรรคใหญ่ต่างงัด “กลยุทธ์สื่อสารการเมือง” มาใช้อย่างเต็มที่ อย่างเช่นการใช้ดนตรีเป็นสื่อในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้อย่างกว้างขวาง
ทุกเวทีหาเสียง ทั้งพรรคเอ็นแอลดี และพรรคยูเอสดีพี จะมีนักร้องมาขับกล่อมบทเพลงให้ผู้มาฟังการปราศรัยได้ร่วมกันเต้นอย่างเพลิดเพลิน
มีข้อน่าสังเกต กลุ่มนักร้องแถวหน้าของย่างกุ้ง จะมาเป็นอาสาสมัครให้พรรคเอ็นแอลดี เดินสายเปิดเวทีคอนเสิร์ตหาเสียง ทั้งในเขตเมืองใหญ่และชนบท

ขณะที่พรรคยูเอสดีพีถูกแฉว่า ได้ว่าจ้างนักร้องแนวเซ็กซี่ขึ้นเวทีหาเสียงที่รัฐยะไข่ แต่ในเขตเมืองใหญ่ พรรคยูเอสดีพีได้เปิดเวทีคอนเสิร์ตแข่งกับพรรคฝ่ายค้าน
อีกด้านหนึ่ง ก็มีการเล่นการเมืองสกปรกปรากฏขึ้นตามสื่อต่างๆ ซึ่งพรรคฝ่ายค้านเอ็นแอลดีมักถูกเป็นเป้าโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามอยู่บ่อยครั้ง

เนื่องจากสื่อวิทยุและทีวีอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลทหาร พรรคเอ็นแอลดีจึงใช้กลยุทธ์เปิดเวทีปราศรัย และจัดกิจกรรมการเมืองในทุกพื้นที่
โดยเฉพาะรถแห่หาเสียง ที่มีการตกแต่งประดับประดาคล้ายรถแห่ในงานบุญประเพณี มีสีสันแปลกตา รวมถึงขบวนมอเตอร์ไซค์ จักรยาน และสามล้อ

นอกจากนี้ พรรคเอ็นแอลดียังใช้สื่อใหม่อย่างเฟซบุ๊ก มาสร้างเครือข่ายกระจายภาพและข่าวการเคลื่อนของออง ซาน ซูจี ส่งผลให้ชาวเมียนมาร์จำนวนมากที่สวมใส่เสื้อผ้าสีแดง ดาวขาวและมีรูปของออง ซาน ซูจี ซึ่งเป็นเสื้อสัญลักษณ์ของพรรคเป็นจำนวนมาก โดยมีทั้งการสวมใส่ทั่วไปและเดินทางไปร่วมกิจกรรมทางการเมือง
ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเช่นใด แต่ชาวพม่าก็ได้แสดงออกให้ชาวโลกได้เห็นแล้วว่ามีความตื่นตัวทางการเมืองมากน้อยแค่ไหน
วันเวลาแห่งการรอคอยดอกไม้ประชาธิปไตยเบ่งบานได้มาถึงแล้ว สำหรับแผ่นดินที่ถูกปกครองโดยระบอบเผด็จการมายาวนาน
---------------------
(หมายเหตุ : ภาพ - เพจ The Irrawaddy และเพจ 7Day News Journal)