พี่ชายเปิดใจ!‘เสี่ยอู๊ด’มีเงินติดตัว200บาท | คมชัดลึก

            วันที่ 1 พ.ย. 2558 นายเชาวลิต บุญฉิม หรือลิต พี่ชายของ นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระชื่อดัง ที่เสียชีวิตในโรงแรมดังเมืองพิษณุโลก เปิดเผยความในใจเป็นครั้งแรก ว่า ยังทำใจไม่ได้เหมือนคนที่เสียของรักไปโดยไม่ได้ตั้งตัว ตอนนี้ต้องทำงานให้หนักเพื่อจะได้ไม่คิดถึง แต่อยากจะบอกว่าน้อยใจกับข่าวที่ออกมาว่าน้องชายหมดตัว ซึ่งอยากให้นึกถึงว่า คนที่มีชีวิตอยู่ใช้ทั้งชีวิตกับการทำบุญ หาเงินได้เท่าไหร่ก็บริจาค แม้แต่ที่ดินที่พ่อแม่ยกให้ก็บริจาคให้วัดทั้งหมด

            น้องชายทำบุญมากไม่รู้เท่าไหร่ แต่พอตายกลับมีเงินอยู่ในกระเป๋ากางเกงแค่ 200 บาท กับเหรียญอีก 1 กำมือ 20ปีที่ผ่านมาจำได้ว่าน้องชายไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซด์ แต่ก่อนตายเค้าต้องนั่งรถจยย.รับจ้างไปกินข้าว ชีวิตเค้าไม่มีอะไรแล้วจริงๆ ถึงวันนี้เค้าจากไปก็ต้องยอมรับ และหมดห่วงที่เค้าไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน

            “ตอนมีชีวิตทำดีไว้มาก ตอนนี้ก็ต้องช่วยกันทำให้เค้าให้ดี ส่วนทรัพย์สินของน้องชายจะมีอยู่ที่ใดอีกหรือไม่ ทางพี่น้องไม่มีใครรับรู้ เพราะตอนมีชีวิตอยู่กับทางญาติพี่น้องก็ไม่เคยได้รับเงินทองทรัพย์สินแต่อย่างใด จะมีก็เวลาที่มาเจอกันกินข้าวด้วยกัน เขาก็จะให้เงินน้องๆคนละ 1,000 บาท หลานๆคนละ 1,000 บาทให้ไปซื้อเสื้อผ้านักเรียน ส่วนพี่มีงานทำแล้วก็ไม่ให้ และสอนญาติพี่น้องทุกคนอยู่เสมอว่าให้ขยันรู้จักทำมาหากิน”นายเชาวลิต ระบุ

            ส่วนบรรยากาศ ในงานสวดอภิธรรมที่วัดสุวรรณรังสรรค์ หรือวัดยายร้า อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิด ของเสี่ยอู๊ด คืนที่ 2 ทางญาติได้เตรียมสถานที่ ตั้งโต๊ะ กางเต๊นฑ์ไว้เพื่อรอรับแขกที่คาดว่า จะหลั่งไหลมาร่วมงานศพเป็นจำนวนมาก โดยทางวัดได้นำชุดโต๊ะมุก ที่เสี่ยอู๊ดซื้อมาในราคาหลักแสนถวายให้วัด ออกมาใช้ในงานศพนี้ด้วย และที่บริเวณหน้างาน ทางคณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุล หรือ บกว. ได้นำประวัติและผลงานต่างๆของเสี่ยอู๊ด เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ เช่น หนังสือ ไม้บรรทัด ข่าวจากนิตยสารและหน้าหนังสือพิมพ์

            ตลอดจนสมุดบันทึกความรู้สึกของนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาจากเสี่ยอู๊ดมาจัดเรียงไว้ให้ผู้มาร่วมงานศพ ได้ชมเพื่อเป็นการระลึกถึงความดีงามที่สิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด ได้สร้างไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่พิธีสวดอภิธรรมศพเสี่ยอู๊ดกำหนดไว้ 7 วันและจะทำการปลงในเวลา 16.00 น.ของวันเสาร์ที่  7 พ.ย.2558