ข่าว

"ว." จุดชนวนระเบิดลอกแบบอิรัก

"ว." จุดชนวนระเบิดลอกแบบอิรัก

24 ก.ค. 2552

แกะรอยวงจรจุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร จากหลักฐานในที่เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจ ยะลา 14 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ข้างสนามกีฬากลางอำเภอยะหา ถ.พิทักษธานี เทศบาลตำบลยะหา ห่างจากที่ว่าการอำเภอยะหา 80 เมตร และห่างจาก สภ.ยะหา 1

 คนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุในถังแก๊สปิกนิก 2 ถัง ใส่ไว้ในแค็บของรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ เลขทะเบียน ฉก 121 ยะลา แรงระเบิดทำให้ผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ พ.ต.พันธ์ศักดิ์ ทองสุข รอง ผบ.ฉก.ยะลา 14 และ จ.ส.อ.วิชัย สาหลี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย

 พบหลักฐานจากชิ้นส่วนระเบิดเป็นวงจรของวิทยุสื่อสาร ซึ่งระเบิดการจุดระเบิดแบบนี้มีใช้กันมาในประเทศอิรักและประเทศอัฟกานิสถาน วงจรประเภทนี้จะใช้ระบบที่มีอยู่ในวิทยุสื่อสารคือ "Dual Tone Multi Frequency" หรือ "DTMF" ในการสั่งการจุดระเบิด

  ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด กล่าวว่า วงจรการจุดระเบิดในระบบ "DTMF" นี้ ยังมีความสามารถในการสั่งการจุดระเบิดที่คนร้ายสามารถวางไว้หลายๆ ลูก ในหลายๆ จุดและสั่งการจุดระเบิดพร้อมกัน หรือในเวลาใดก็ได้ที่คนร้ายต้องการสั่งการทำงานระเบิดจากเครื่องวิทยุสื่อสารตัวเดียวที่คนร้ายใช้งาน

 แต่มีข้อจำกัดอยู่ว่า ต้องอยู่ในรัศมีการสั่งการจากวิทยุสื่อสารที่คนร้ายที่เป็นผู้สั่งการใช้ ทางศัพท์สากลเรียกการจุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสารในแบบนี้ว่า “SPIDER” หรือ “เครือข่ายใยแมงมุม” เพราะสามารถสั่งระเบิดจากวิทยุสื่อสารตัวเดียวไปสู่วงจรภาครับที่เป็นระเบิดในจุดต่างๆ ได้ในรัศมีที่กำหนด

 "นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก จุดระเบิดชนิดนี้มาใช้เป็นครั้งแรก ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนกลุ่มคนร้ายพยายามหลีกหนีการป้องกันจากเจ้าหน้าที่"

 เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัดสัญญาณมือถือได้ คนร้ายก็หันไปใช้รีโมทคอนโทรล แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มีเครื่องตัดสัญญาณรีโมทคอนโทรล คนร้ายพยายามหาวิธีการจุดระเบิดแบบใหม่ที่เจ้าหน้าที่ยังไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน

 หากลองย้อนไปดูสถานการณ์หลังจากที่คนร้ายเริ่มหันมาใช้ วงจรการจุดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรล ซึ่งเริ่มนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อประมาณปลายปี 2550 และเมื่อใช้งานได้สำเร็จ คนร้ายจึงใช้วงจรจุดระเบิดด้วยรีโมทเป็นต้นมา

 จากสถิติปี 2551 มีการวางระเบิดแสวงเครื่องในลักษณะที่ใช้วงจรจุดระเบิดด้วยรีโมทคอนโทรลทั้งปีมากถึง 190 ครั้ง ถือว่าเป็นสถิติที่สูงมาก ซึ่งยังไม่ได้รวมการจุดระเบิดด้วยวงจรประเภทอื่นอย่างวิธีลากสายไฟ การตั้งเวลา หรือวงจรมือถือ

 “หากประเมินจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เมื่อคนร้ายนำวงจรวิทยุสื่อสารมาดัดแปลงวงจรในการจุดระเบิด และสามารถทำได้สำเร็จ ทดลองใช้ได้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ยังไม่มีอุปกรณ์ตัดสัญญาณอุปกรณ์สื่อสารประเภทนี้ มีแนวโน้มที่คนร้ายจะนำระเบิดแสวงเครื่องที่ใช้วงจรวิทยุสื่อสารในการจุดระเบิดออกมาใช้อีกหลายๆ ครั้งอย่างแน่นอน”

 วิธีการจุดระเบิดรูปแบบต่างๆ ที่มีใช้อยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นวงจรในลักษณะเดียวหรือลอกแบบมาจากวิธีการจุดระเบิดที่มีใช้ในประเทศอิรัก และอัฟกานิสถาน

 ทุกๆ วงจรตั้งแต่จุดระเบิดด้วยมือถือ จุดระเบิดด้วยรีโมทรถยนต์ จนมาถึงล่าสุดจุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร ในการประดิษฐ์วงจรประเภทนี้ขึ้นมานั้นไม่ใช้เรื่องยาก สามารถถ่ายทอดให้กันได้ แค่ผู้ที่จะเรียนรู้มีความรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ในระดับ ปวส.ขึ้นไป ซึ่งเข้าใจวงจรเหล่านี้อยู่แล้ว ก็สามารถประดิษฐ์วงจรขึ้นมาได้

 “ทั้งวิธีการประดิษฐ์วงจรจุดระเบิด สามารถหาความรู้ได้ง่ายจากอินเทอร์เน็ตโดยหาจากพวกวิดีโอคลิปต่างๆ ที่มีการนำมาใส่เอาไว้ เพื่อแจกจ่ายความรู้กันในกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งอาจจะมีพาสเวิร์ด ในการเข้าชม และจะรู้กันเฉพาะกลุ่ม โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเคยแฮ็กเข้าไปเจอ ทั้งวงจรระเบิดที่ใช้กันในการก่อการร้ายสากลยังมีอีกเป็นร้อยวงจรเป็นเรื่องคาดเดายากว่าคนร้ายจะนำวิธีใดมาใช้” 

 ใช้วิธีการจุดระเบิดโดยใช้วิทยุสื่อสาร หรือที่เรียกกันสั้นๆ ในภาษาชาวบ้านว่า “ว.” ซึ่งเจ้าหน้าที่เองยังไม่มีอุปกรณ์ตัดสัญญาณเครื่องมือสื่อสารประเภทนี้ ทั้งวิทยุสื่อสารยังเป็นอุปกรณ์สื่อสารหลักที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน

ศูนย์ข่าวภาคใต้