ข่าว

ขยายผลยึดทรัพย์'หมอหยอง'

ขยายผลยึดทรัพย์'หมอหยอง'

29 ต.ค. 2558

ผบ.ตร.ตั้งชุด พงส.คดี ม.112 หลายสิบชุด แยกสำนวนสอบ จนท.เร่งติดตามทรัพย์สิน 'หมอหยอง' ผบก.น.6 ชี้ เครือญาติอาจเข้าข่ายกระทำผิดรับของโจร

 
                      29 ต.ค. 58  เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)  พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) หนึ่งในคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามความผิด ม.112 กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ในเรื่องการสอบปากคำบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องในคดีหมิ่นเบื้องสูง ความผิดตาม ม.112 เบื้องต้นได้มีการแบ่งชุดพนักงานสอบสวนไว้หลายสิบชุด ซึ่งจะแยกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในแต่ละสำนวนคดีกันไป หากบุคคลที่จะสอบปากคำเป็นผู้มีความสำคัญ ก็จะมอบหมายให้หัวหน้าชุดสอบสวนในแต่ละชุดไปสอบปากคำ ซึ่งจะมียศ พ.ต.อ. ถึง พล.ต.ต. ไปสอบปากคำ ส่วนในกรณีที่เกี่ยวข้องกับนักธุรกิจชื่อดัง จะมีคณะพนักงานสอบไปสอบปากคำ ซึ่งไม่ได้ไปสอบเจ้าตัวโดยตรง แต่ไปสอบผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
 
                      "สำหรับกรณีบริษัทเอกชนที่รับผลิตสินค้า เช่น เข็มกลัด เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินการซื้อขายสินค้าอย่างสุจริต ซึ่งการคิดกำไร การขาดทุน เป็นเรื่องของทางการค้าปกติอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเรียกมาสอบปากคำว่ามีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่"
 
                      พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีผู้ต้องสงสัย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอาวุธปืนของ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สว.เอี๊ยด อดีต สว.กก.1 บก.ปอท. ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างรวมรวบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี เช่นเดียวกับผู้ต้องสงสัยคนอื่นๆ ในคดีนี้ด้วย เพราะเพิ่งจะมีผู้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันคณะพนักงานสอบสวนจะต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลขออนุมัติหมายจับ ตอนนี้จึงยังไม่มีหมายจับรายอื่นๆ และผู้ต้องหาที่จะมีการถูกออกหมายจับจะมีฐานความผิดหมิ่นเบื้องสูงหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของผู้ต้องหาในแต่ละราย หากรายใดมีการนำไปใช้แอบอ้างก็จะถูกดำเนินคดีตาม ม.112 อยู่แล้ว
 
                      พล.ต.ต.ชยพล กล่าวด้วยว่า กรณีของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ที่ได้มีการโอนย้ายทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิดไปให้กับเครือญาตินั้น เบื้องต้น ทางฝ่ายสืบสวนลงไปติดตามทรัพย์สินที่กระจายไปอยู่กับบุคคลต่างๆ เพื่อจะทำการยึดทรัพย์สินกลับคืนมา ส่วนจะต้องดำเนินคดีกลุ่มเครือญาติหมอหยองอย่างไรบ้างนั้น คณะพนักงานสอบสวนต้องมีการเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องอย่างไร ซึ่งความผิดดังกล่าวอาจเข้าข่ายกระทำผิดรับของโจร
 
                      ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่ง ตร.ที่ 578/2558 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน ลงวันที่ 16 ต.ค. ใจความว่า ด้วยปรากฏว่า ได้มีกลุ่มบุคคลแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง ไปกระทำการที่มิบังควร ซึ่งการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ดังนั้น เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ต่อเนื่อง และเกิดความเป็นธรรม อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 11 (4) ประกอบคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 เรื่อง การอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา การทำสำนวน การสอบสวน และมาตรการควบคุม ตรวจสอบเร่งรัดคดีอาญา บทที่ 8 ข้อ 2.5.4 จึงแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน รับผิดชอบการสืบสวนสอบสวน กรณีดังกล่าวดังนี้
 
                      1. หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน และรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
 
                      1.1. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
 
                      1.2. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เป็นรองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
 
                      1.3. พนักงานสืบสวนสอบสวน
 
                      พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ ผบก.น.1
 
                      พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผบก.ปอศ.
 
                      พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.
 
                      พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2
 
                      พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น. 6
 
                      พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ.
 
                      พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป.
 
                      พ.ต.อ.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ รอง ผบก.บก.สส.บช.น.
 
                      พ.ต.อ.สราวุธ เอี่ยมสำราญ รองผบก.สส.บช.น.
 
                      พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รองผบก.น.6
 
                      พ.ต.อ.มนตรี แป้นเจริญ รอง ผบก.ปทส.
 
                      พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร.
 
                      พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผบก.ป.
 
                      พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รองผบก.ทท.
 
                      พ.ต.อ.กมล เหรียญราชา รองผบก.รฟ
 
                      พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบก.ป.
 
                      พ.ต.อ.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รองผบก.ปอท.
 
 
                      2. อำนาจหน้าที่
 
                      โดยให้เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนผู้รับผิดชอบตามประมวลกฎหมายไว้พิจารณาความอาญา ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวน กรณีดังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และหากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีผู้อื่นร่วมกระทำความผิด หรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกันก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนั้นๆ แล้วรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ
 
                      อนึ่ง ในการสอบสวนให้พนักงานสืบสวนสอบสวน พึงระมัดระวังเรื่องอำนาจการสอบสวนโดยจะต้องให้มีพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจทำการสอบสวนร่วมในการสอบสวนด้วยทุกครั้ง ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป