จับโสเภณีฝึกอาชีพจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะ | คมชัดลึก

             คงยากจะปฏิเสธว่า “โสเภณี” คืออาชีพเก่าแก่อาชีพหนึ่งของโลก ในไทยก็เช่นเดียวกันแม้จะมีความพยายามจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหานี้มาโดยตลอดแต่ดูเหมือนว่าไม่เคยมีทีท่าลดน้อยถอยลงเลย โดยเฉพาะการใช้พื้นที่สาธารณะเป็นแหล่งในการติดต่อซื้อขายเรือนร่างกันอย่างโจ่งแจ้ง 

             บริเวณโดยรอบสวนลุมพินี สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศ ในยามค่ำคืนตั้งแต่สามทุ่มเป็นต้นไปกระทั่งเกือบรุ่งสาง จะถูกหญิงค้าประเวณียึดเป็นสถานที่ซื้อขายบริการทางเพศมานานหลายสิบปี

             ผู้ให้บริการหมุนเปลี่ยนเวียนไปมากหน้าหลายตา ไม่เคยขาดสาย ราวกับสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีให้เรียกหาได้ทั้งผู้หญิงและสาวประเภทสองยืนเรียงรายริมฟุตบาท มีหลากรุ่นหลายอายุ น้อยกว่า 20 ปี ไปจนถึงเกินกว่า 40 ปี บ้างยืนจับกลุ่มด้วยกัน บ้างยืนเดี่ยว ตามแต่ละจุดของใครของมัน มีทั้งที่ทำเองและบางส่วนมีผู้ดูแลทำหน้าที่ตั้งแต่ช่วยเรียกหาลูกค้า คุ้มครองความปลอดภัย หรือแม้แต่พาหนีตำรวจในวันที่มีการกวดขันจับกุม

             ผู้ให้บริการในย่านนี้มีพฤติการณ์บ่งบอกให้เห็นชัดเจนคือจะกวักมือเรียกทันทีที่มีรถผ่าน

             “สวัสดีค่ะ ว่าไงเที่ยวไหม แค่ 600 บาท ค่าโรงแรม 250 ชั่วคราวนะ ไม่เร่งรีบ โรงแรมใกล้ๆ สาทร ก็ได้ ร่วมฤดีก็ได้ แค่นี้นี่เอง  ไปไหม” หญิงที่น่าจะบรรลุนิติภาวะมาไม่นาน เชื้อเชิญ

             ไม่ต่างจากย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นที่ทราบกันดีของบรรดานักเที่ยวว่าในย่านนี้สามารถเลือกหาคู่นอนชั่วคราวได้ไม่ยาก บางรายนำหาบส้มตำมาเป็นฉากหน้าแต่เจตนาพร้อมให้บริการผู้มาเยือนมากกว่านั้น

             “ราวทุ่มเศษๆ มากันแล้ว ดูได้จากการแต่งตัว แต่งหน้าทาปากสวมรองเท้าส้นสูง มาถึงปูเสื่อรอลูกค้า ขายทั้งส้มตำขายทั้งสุราดื่มไปพร้อมกับลูกค้าถูกคอก็ไปต่อกันที่โรงแรมแถวๆ นี้ล่ะ เป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว หายไปเป็นพักๆ ช่วงที่ทางการเอาจริงก็หายไปพอเวลาผ่านไปสักระยะก็เกลื่อนเหมือนเดิม” ผู้พักอาศัยย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง ให้ข้อมูล

             ก่อนหน้านี้จะมีแค่หาบส้มตำวางไว้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ แต่เดี่ยวนี้พ่วงด้วยจำหน่ายสุรา

             “เห็นมามากบางรายมีสามีเป็นสามล้อถึงเวลาก็มาส่งช่วยหาลูกค้าให้ เสร็จแล้วก็รับกลับ บางรายมีคนมีฐานะรับเลี้ยงไปก็มี หมุนเปลี่ยนเวียนไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าจะยุติ” ผู้พักอาศัยย่านหัวลำโพงรายเดิม แสดงทัศนะ

             แต่ไม่ได้หมายความว่าแม่ค้าส้มตำที่หัวลำโพงจะทำอาชีพอย่างว่าไปเสียทั้งหมด จากการพูดคุยบางรายยืนยันว่าเธอไม่ได้ขายบริการทางเพศ เพียงแต่ขายส้มตำและสุรา หากใครต้องการซื้อบริการทางเพศจะแนะนำให้ไปใช้บริการกับผู้หญิงที่รอต้อนรับอยู่ริมถนนละแวกวงเวียน 22

             “คนทั่วไปเขาเหมารวมว่าเราขายตัวเหมือนกันหมด แต่ยืนยันนะว่ามันไม่ใช่ คนที่ขายเฉพาะส้มตำและเหล้าก็มี ย่านนี้ต่างชาตินิยมมาดื่มสุราและกินส้มตำในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่ชอบดื่มยาดอง” แม่ค้าส้มตำหาบเร่หัวลำโพง วัยประมาณ 25 ปี ยืนยัน

             ย่านถนนเจริญกรุงและถนนท้ายวัง หรือที่รู้จักกันในหมู่นักย่ำราตรีว่า ย่านวังสราญรมย์ เป็นพื้นที่สาธารณะลำดับต้นๆ ของกรุงเทพมหานคร ที่บรรดากลุ่มรักร่วมเพศนิยมแวะเวียนไปเยี่ยมเยือน ทุกค่ำคืนจะมี “ชายป้ายเหลือง” หลายรายอายุยังน้อยเพียง 15 ปี ส่วนรุ่นใหญ่กว่า 30 ปี ก็มีไม่น้อยเช่นกัน

             สัญลักษณ์ที่รับรู้กันคือยืนอยู่ริมทางเท้ารอสบตาผู้ขับขี่ยวดยานผ่าน หากพยักหน้าและโบกมือเรียก นั่นคือการเสนอขายบริการทางเพศของพวกเขา

             "เป็นผู้ชายครับไม่ได้เป็นเกย์ ถ้าเกย์ต้องไปอีกกลุ่มหนึ่งเลย ผมราคา 500 บาทครับอยู่ด้วยได้ทั้งคืน แต่ถ้ากลุ่มอื่นขาย 700-800 บาท ถ้าจะไป เดี๋ยวพาไปโรงแรมสุขาวดี แถววงเวียนประชาธิปไตย ย่านข้าวสาร อยู่ทั้งคืนก็ได้” ชายป้ายเหลืองกล่าวเชื้อเชิญ

             ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับการควบคุมโรคติดต่อยืนยันว่า กลุ่มผู้ค้าบริการทางเพศในที่สาธารณะจำนวนไม่น้อยป่วยด้วยโรคร้าย หลายรายมีประวัติเสนอขายบริการทางเพศอยู่ในย่านสวนลุมพินีและใกล้เคียง ในจำนวนนี้มีประวัติเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลย่านบางรักปีละกว่า 300 ราย

             นอกจากพฤติการณ์เสี่ยงเกี่ยวกับโรคทางเพศสัมพันธ์แล้ว มีบ่อยครั้งที่อาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์มีต้นตอมาจากกลุ่มผู้ค้าบริการทางเพศในพื้นที่สาธารณะ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. จึงเตรียมที่จะปัดกวาดปัญหานี้ให้ทุเลาเบาบางลง โดยมีแผนที่จะกวาดจับส่งฝึกอาชีพ ขอคืนพื้นที่สาธารณะเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ

             “ผู้ที่มีพฤติการณ์ขายบริการในที่สาธารณะ เท่าที่ตรวจสอบพบอายุ 40-60 ก็มี วันก่อนเพิ่งไปตรวจสอบในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ชนะสงคราม ก็ได้กำชับให้ตำรวจเข้มงวดในการจับกุมดำเนินคดีแม้จะมีโทษน้อยจับแล้วปรับ ไม่ช้าเขาก็กลับมาอีก ก็ต้องจับปรับกันไป แต่หลังจากนี้นอกจะจับปรับแล้วจะจับส่งบ้านเกร็ดตระการ ซึ่งเป็นสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ เขากลัวการฝึกอาชีพเพราะใช้เวลานานถึง 6 เดือน" พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผย

             พล.ต.ท.ศานิตย์ บอกด้วยว่า ไม่ได้คิดว่าผู้ค้าประเวณีเป็นโจรหรือผู้ร้าย แต่การกระทำเช่นนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ที่สำคัญยังมีผู้เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากการกระทำลักษณะนี้ บางรายใช้เด็กอายุน้อยมาเร่ขายบริการ มีการขู่บังคับ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะต้องถูกดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด ต้องปราบปรามไม่ให้ทำผิดได้

             "ผมรับฟังจากประชาชนบ่อยครั้งเขาต้องการให้สวนลุมพินีเป็นที่ออกกำลังกาย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ อยากให้สวนลุมพินีเป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของการส่งเสริมสุขภาพ ใครเอ่ยจะไปที่นั้นก็อยากให้รู้ว่าไปออกกำลังกาย ไปพักผ่อน ไม่ใช่พอบอกไปสวนลุมใครๆ ก็เข้าใจว่าไปเพื่อจุดประสงค์กิจกรรมเรื่องเพศ ใครที่พบเห็นพฤติการณ์ไม่เหมาะไม่ควร ท่านแจ้งเบาะแสมา ผมจะจัดการ และได้สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่เตรียมจัดระเบียบผู้ค้าประเวณีในพื้นที่สาธารณะแล้ว” พล.ต.ท.ศานิตย์ บอก