ข่าว

รัวไลค์ครอบครัว‘อุบลจินดา’‘ลงมือทำอย่าหวังตอบแทน’

รัวไลค์ครอบครัว‘อุบลจินดา’‘ลงมือทำอย่าหวังตอบแทน’

20 ต.ค. 2558

รัวไลค์ครอบครัว‘อุบลจินดา’ ‘ลงมือทำอย่าหวังตอบแทน’ : สิทธิชัย สิขวัตรรายงาน

             ในห้วงที่สังคมเหือดแห้ง “คนดี” จู่ๆ ก็มีเรื่องราวที่ทำให้สังคมไทยเริ่มยิ้มกว้างได้มากขึ้น ยิ่งเป็นเรื่องราวการทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนแล้วละก็..ในยุคนี้ยิ่งหายากกว่างมเข็มในมหาสมุทร

             “คม ชัดลึก” จึงขอเป็นอณูหนึ่งที่ “กดไลค์” ให้แก่ “ชัช อุบลจินดา” ช่างตอกเสาเข็มวัย 44 ปี แห่งเมืองกระบี่

             หลังเข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ทั้ง 2 คนในช่วง “นาทีเป็นนาทีตาย” ซึ่งติดโคลนริมแม่น้ำกระบี่ จนชัชต้องนอนทอดตัวให้ทั้ง 2 คนเหยียบขึ้นจากโคลนได้อย่างปลอดภัย เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

             ชีวิตในวันนี้จึงผันเปลี่ยนจากวันวาน หลังสังคมปูนบำเหน็จ “รางวัล” แห่งความดีนี้ให้แก่ชัช เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้สังคมเร่งสร้างความดีเป็นทบทวี

             ทว่า ชัชกลับปลาบปลื้ิมยิ่งกว่า เมื่อทางสำนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ และสำนักงานจังหวัดกระบี่ ได้แจ้งว่า สำนักงานกิจการและโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา สำนักงานอัยการสูงสุด ได้เตรียมมอบเสื้อสามารถประทานให้ในวันที่ 23 ตุลาคม เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติที่เสียสละช่วยเหลือผู้อื่น

             ย้อนดูชีวิตพบว่าปัจจุบัน ชัช มีภรรยาชื่อ ศิวาภรณ์ ศรีมะโรง อายุ 49 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ คนโตชื่อ อรอนงค์ อุบลจินดา อายุ 27 ปี เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ และ อรทัย อุบลจินดา อายุ 24 ปี มีครอบครัวแล้ว โดยทั้งหมดยังอาศัยอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน บนสภาพการครองตัวครองตนอย่าง “เรียบง่าย”

             “อรทัย อุบลจินดา“ บอกด้วยความภาคภูมิใจว่า ที่ผ่านมาครอบครัวรู้ดีว่าพ่อเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือสังคมอยู่แล้ว ที่ผ่านมาพยายามสอนลูกทุกคนให้รู้จักการช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ และก็ไม่คิดว่าสิ่งที่พ่อสอนและลงมือทำให้เห็นเป็นกิจวัตรประจำวันนั้นจะปรากฏผลที่ชัดเจนมากมายในวันนี้ ในฐานะลูกรู้สึกภาคภูมิใจเป็นที่สุดที่สังคมได้เห็นและรับรู้ในสิ่งที่ครอบครัวรับรู้อยู่อย่างเงียบๆ

             ลูกสาวสะท้อนให้ฟังอีกว่า ครั้งแรกที่มีคนเอาคลิปให้ดูว่าตามหาคนที่ช่วยนักท่องเที่ยว เพียงเสี้ยววินาทีที่กวาดสายตามองบุคคลในคลิปก็รับรู้ทันทีว่าคือ “พ่อ” แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย และดีใจมากในสิ่งที่เห็นพ่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

             “แทบทุกครั้งที่ทุกคนอยู่พร้อมหน้า สิ่งที่พ่อพูดและย้ำเสมอคือ หากมีโอกาสได้ช่วยเหลือใคร ก็จงทำๆ ไปอย่าได้หวังผลตอบแทน เพราะแค่ลงมือทำก็ถือว่าได้แล้ว คำพูดเหล่านี้เป็นถ้อยคำปกติที่บอกลูกจนแทบจะเรียกว่าบ่น ในมุมของคนในครอบครัว” ลูกสาวคนสุดท้อง เล่าพลางยิ้มพลาง

             เมื่อถามถึงวิถีชีวิตที่ผ่านมา “อรทัย” รีบบอกว่า ชีวิตไม่มีอะไรโดดเด่น วิถีก็เหมือนชาวเลทั่วๆ ไป แต่ละวันทุกคนมีภาระหน้าที่ต้องทำมาหากิน ทุกเช้าพ่อจะออกจากบ้าน โดยใช้เรือเป็นพาหนะหลัก เป็นที่รู้กันดีว่าจะต้องออกไปจับปลา เมื่อกลับมาก็จะให้ลูกๆ นำปลาไปขายที่ตลาด ได้เงินมาก็นำไปซื้อของกินของใช้ในครอบครัว ก่อนที่ตัวเองนั้นจะเตรียมตัวออกไปทำงานต่อ ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานตอกเสาเข็ม งานรับจ้างทั่วไปทำหมด ไม่มีบ่น หรือเลือกงานหนักงานเบา รวมถึงสอนให้รู้จักการรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ให้เอาเปรียบกัน แม้กระทั่งการซื้อรถจักรยานยนต์สักคันก็ต้องหารือกันยกใหญ่

             อรทัยบอกว่า ปกติพ่อจะย้ำเสมอให้รู้จักจับจ่ายซื้อของที่จำเป็น อย่าทำอะไรเกินตัว อยากได้อะไรก็ต้องทำงานหาเงินซื้อจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง ไม่ต้องให้ใครเดือดร้อน เช่น การซื้อรถจักรยานยนต์สักคันก็ต้องชี้แจงจะหาเงินจากไหน ผ่อนจ่ายค่างวด ซื้อมาแล้วต้องรับผิดชอบใช้เองผ่อนเอง อย่าขาดจ่ายค่างวดเด็ดขาด หากไม่มีจริงๆ ต้องรีบบอกจะได้ช่วยกันแก้ไขจะได้ไม่ต้องมีใครเดือดร้อน

             “วันนี้ครอบครัวเราภาคภูมิใจในตัวพ่อมาก ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่พ่อทำนั้นจะต้องได้รับสิ่งดีๆ หรือความช่วยเหลือตอบแทนจากสังคม แต่ก็น้อมรับสิ่งดีๆ ที่สังคมมอบให้เพราะครอบครัว “อุบลจินดา” ไม่ได้ร่ำรวย ความเป็นอยู่ก็อย่างที่เห็น เราต้องสู้ชีวิตกันต่อไป” เธอบอก

             เมื่อถามถึงความต้องการพิเศษอันเป็นผลพวงจากการทำความดีของพ่อ อรทัยรีบตอบว่า ไม่ต้องการ แต่หากถามว่าอยากได้ความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ บอกตามตรงว่าครอบครัวเราลำบากในหลายเรื่องที่อยากได้ความช่วยเหลือหากพอช่วยได้ เช่น เรื่องไฟฟ้าที่ต้องขอใช้ร่วมกับคนอื่นๆ รวมถึงเรื่องที่อยู่อาศัยปัจจุบันที่ไม่มีโฉนดแม้จะครอบครัวมานาน

             หากมองจากมุมของ “ศิวาภรณ์ อุบลจินดา" ในฐานะคู่ชีวิต ก็บอกในทำนองละม้ายกันว่า ภาคภูมิใจในสิ่งที่สามีทำ ล่าสุดได้มีโอกาสได้ดูคลิปที่ลูกสาวและผู้ที่มาเยี่ยมให้กำลังใจเปิดให้ดูก็ยิ่งภาคภูมิใจในตัวสามียิ่งขึ้น

             เธอบอกว่า ปัจจุบันมีอาชีพเป็นแม่บ้านทำงานอยู่ที่แมนชั่นแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ชีวิตไม่ได้มีอะไรหวือหวา ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำงานเหมือนครอบครัวทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนรู้ดีคือ สามีเป็นคนจิตใจดีและชอบช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ แต่ก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำนั้นจะเห็นผลได้รวดเร็วขนาดนี้

             นี่คือมุมสะท้อน “ค่าแห่งความดี” ย่อมจีรังยั่งยืนเสมอดุจคำคมนี้ก็มิปาน

             “คนที่เกิดมาแล้วมีคนคอยช่วยเหลือ ถือว่ามีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้วชอบช่วยเหลือคนอื่น ถือว่ามีบุญยิ่งกว่า”