ข่าว

งานแทงหยวก(กล้วย)ยิ่งเหี่ยวยิ่งสืบสานยิ่งทำเงิน

งานแทงหยวก(กล้วย)ยิ่งเหี่ยวยิ่งสืบสานยิ่งทำเงิน

09 ต.ค. 2558

งานแทงหยวก(กล้วย)ยิ่งเหี่ยวยิ่งสืบสานยิ่งทำเงิน : คมคิดจิตอาสา โดยสันทนา รัตนอำนวยศิริ

            ถ้าพูดถึงเรื่อง “แทงหยวก” คนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก เพราะงานแทงหยวกเป็นงานศิลปะโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ในปัจจุบัน เหลือช่างฝีมืองานแทงหยวกน้อยคนแล้ว แต่ “วิริยะ สุสุทธิ” หรือ ครูเต้ย นับเป็นหนึ่งในช่างแทงหยวกที่ยังเหลืออยู่ในเมืองไทย โดยเฉพาะ “ช่างแทงหยวกสกุลเพชรบุรี” ณ วันนี้ ครูเต้ยกำลังทำหน้าที่ “ผู้สืบสานงานแทงหยวก” ให้เด็กนักเรียนของโรงเรียนเซนโยเซฟเพชรบุรี และผู้ที่สนใจ เพื่อต่อยอดการอนุรักษ์ศิลปะงานแทงหยวกให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ และนำมาพัฒนาใช้ให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบัน

            ครูเต้ย หรือ วิริยะ สุสุทธิ วัย 45 ปี ช่างแทงหยวก ทายาทหัตถศิลป์ ปี 2557 ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศ.ศ.ป.) ลูกชายคนเล็กของ ครูประสม สุสุทธิ ผู้เป็นตำนานครูศิลป์ของแผ่นดิน ที่มีหัวใจรักงานแทงหยวก จนเป็นที่ยอมรับในวงการแทงหยวกระดับประเทศ

            วิริยะ เล่าว่า เขาไม่ได้เป็นคนเก่งกล้าสามารถมาจากไหน แต่ด้วยความที่พ่อจับนั่งซ้อนท้ายจักรยาน ติดสอยห้อยตามครูประสมผู้พ่อไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อรวบรวม “ช่างสกุลเพชรบุรี” ให้เป็นปึกแผ่น เป็นเอกลักษณ์ของ จ.เพชรบุรี และให้คงอยู่คู่เมืองไทย จนก่อตั้งเป็นชมรมวัฒนธรรมเพชรบุรี ในสมัยก่อน แต่มีงานช่างประเภทหนึ่งที่พ่อมองว่า ในวันข้างหน้าหากไม่อนุรักษ์ไว้ จะต้องสูญหายอย่างแน่นอน คือ “งานแทงหยวก” ที่ในสมัยก่อนใช้เฉพาะงานพิธี จึงได้รวบรวมช่างแทงหยวกโบราณมารวมไว้เป็นทีมเดียวกัน และคุยกันว่า เราต้องช่วยกันสืบสานงานแทงหยวกไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลาน ทำให้เป็น และใช้ให้ได้ประโยชน์

            “พ่อผมเรียนมาน้อย ท่านจบบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นแรก ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยมาประมาณ 20 ปี แล้วลาออกมาเป็นครูที่เพชรบุรี ท่านมีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก คือ อาจารย์ไพฑูรย์ เรืองสมบูณ์ ที่เรียนศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นลูกศิษย์อาจารย์ศิลป์ พีระศรี พ่อเป็นช่างใหญ่ประจำเพชรบุรี รับใช้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี โดยนำผมซ้อนท้ายจักรยานไปด้วยทุกหนทุกแห่ง ทุกที่ที่ไปทำงานศิลปะ ผมได้รับผลพลอยได้จากการติดสอยหอยตามพ่อไปทุกที่ จนแทบจะไม่ต้องเรียนศิลปะเลย พ่อไม่เคยสอนผม แต่ให้ผมไปสัมผัสงานจริง ของจริง งานแทงหยวกก็เช่นเดียวกัน พ่อไม่เคยสอน แต่ให้ผมไปลงมือทำ งานลายไทย พ่อก็ไม่เคยเขียนให้ แต่ให้ไปศึกษาเอง โดยนำลายไทยมาขึงไว้ที่เต็มบ้านไปหมด ด้วยความที่ผมห่วงเล่น ผมจึงต้องไปจับพู่กันไปเขียนลายไทยให้เสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้เคลียร์พื้นที่ให้โล่งขึ้น มีพื้นที่ในการเล่นมากขึ้น แรกๆ ผมก็เขียนตามลอยที่พ่อขึงไว้ให้ แต่พอนานวันเข้า ผมสามารถเขียนได้เองโดยไม่ต้องมีแบบ เป็นการซึมซับงานศิลปะโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นวิธีการสอนของพ่อโดยที่ผมไม่รู้ตัวมาก่อน” วิริยะ เล่าให้ฟัง

            การได้ออกงานแทงหยวกกับพ่อ ทำให้วิริยะสามารถลงมือแทงหยวกได้โดยไม่ต้องร่างลาย เขาโชคดีที่ได้ติดสอยห้อยตามพ่อไปทุกที่ ทุกงาน จนเกิดความชำนาญ และซึมซับในงานแทงหยวกโดยไม่รู้ตัว พอเขาเรียนจบปริญญาตรีด้านศิลปะ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ที่สมัยก่อนเป็นวิทยาลัยครูเพชรบุรี เขาอยากสืบสานงานของพ่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เพราะพ่อบอกเขาเสมอว่า “ทำยังไงก็ได้ ให้เด็กได้เรียนรู้” เขาจึงได้รวบรวมงานแทงหยวกขึ้นเป็นหลักสูตรเพื่อสอนเด็กรุ่นใหม่ ใช้เวลาในการรวมรวบนับสิบปี จนเข้าตาผู้บริหารของโรงเรียนเซนโยเซฟเพชรบุรี ที่อยากส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้งานแทงหยวกอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปใช้ในชีวิตจริงได้

            “วันที่พ่อสิ้น ท่านยังทำมือในลักษณะกำลังแทงหยวกจนสิ้นลม ครอบครัวของเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสนพระทัยงานศิลปะ เสด็จฯ มาพระราชทานเพลิงศพพ่อของผมที่เพชรบุรี ผมได้เข้าเฝ้าฯ และถวายตัวเพื่อรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ขอสืบสานถ่ายทอดงานแทงหยวกโบราณ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ผมอยากให้คนไทยเห็นความสำคัญของงานช่างโบราณ ผมถนัดงานแทงหยวกที่สืบทอดมาจากพ่อ ผมก็จะอนุรักษ์และสืบสานต่อไป”

            วิริยะ อธิบายการแทงหยวกว่า เป็นการนำมีดมาทิ่มแทงหยวกกล้วยให้เกิดลวดลายตามต้องการ แล้วนำลวดลายที่ได้ ไปประดับสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว ถ้าเป็นสมัยโบราณ ก็จะนำไปประดับรอบเมรุเผาศพ แต่ในปัจจุบันมีการนำไปประดับตกแต่งได้หลายสถานที่ หลายโอกาส ให้เกิดความสวยงาม ส่วนหยวกกล้วย หรือกาบกล้วยที่นำมาแทงให้เกิดลวดลาย คือ กล้วยตานี เพราะมีกาบมากและยางน้อย กล้วยชนิดอื่นก็นำมาใช้ได้ แต่งานที่ออกมาอาจจะไม่สวยงามเท่ากล้วยตานี

            ลายแทงหยวกมีหลายลาย ได้แก่ ประเภทที่ 1 ลายที่ใช้ได้สองด้าน แทงหนึ่งกาบใช้ได้สองด้าน ประเภทที่ 2 ลายที่ใช้ได้ด้านเดียว อีกด้านทิ้ง เป็นลายที่โชว์ฝีมือการแทงหยวกของช่าง ประเภทที่ 3 ลายลอย สามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ เช่น ลายกนก ที่นำมาเป็นเครื่องประดับผม ประดับอาหาร ประดับกระป๋องเครื่องดื่ม ประดับภาชนะ และประเภทที่ 4 ลายกล่อง ทั้งหมดเป็นลายโบราณที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานภาพตามเศรษฐกิจ และยุคสมัย เช่น นำมาประกอบเป็นโคมไฟประดับสถานที่ ประดับโต๊ะอาหาร เพื่อรับแขกต่างชาติ

            “เหตุผลหลักของช่างแทงหยวกคือ ทำแล้วเหี่ยว ยิ่งเหี่ยวเร็ว ผมยิ่งได้งาน ได้เงินมากขึ้น เพราะด้วยคุณสมบัติของกาบกล้วยที่ชุ่มน้ำ หากนำไปตั้งกลางแจ้ง หรืออากาศร้อน น้ำในกาบกล้วยก็ระเหยไปเร็ว กาบกล้วยก็เหี่ยวเร็ว ช่างแทงหยวกอย่างผม หรือลูกศิษย์ของผมก็จะมีงานมากขึ้น สร้างรายได้จากฝีมือและมันสมองมากขึ้น มีคนมาจ้างผมทำงานแทงหยวกทุกวัน เป็นงานศิลปะที่สร้างเงินได้ไม่น้อยกว่างานศิลปะอื่นๆ”

            เมื่อก่อนงานแทงหยวกอาจจะใช้ในพิธีกรรมอวมงคลของศาสนาพุทธ เช่น งานพระราชทานเพลิงพระศพ งานฌาปนกิจศพ ซึ่งครูประสมพร้อมด้วยลูกๆ รวมทั้งวิริยะ ได้เข้าถวายงานแทงหยวกในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา มาแล้ว แต่ปัจุบัน วิริยะ พัฒนางานแทงหยวกใช้นำไปใช้ในพิธีมงคลด้วย เช่น งานเข้าพรรษา ออกพรรษา กฐิน ผ้าป่า เทศกาลสงกรานต์ หรือประกอบตกแต่งสถานที่ในงานสำคัญต่างๆ แม้พิธีกรรมต่างๆ ในศาสนาคริสต์ เพราะผมสอนในโรงเรียนศาสนาคริสต์ โชคดีที่ท่านอธิการและผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญกับงานแทงหยวก จึงเปิดโอกาสให้นำไปใช้ในงานของศาสนาคริสต์ด้วย เช่น พิธีฉลองมิซซา พิธีแห่แม่พระ แห่พระเยซู ฉลองคริสต์มาส เขาอยากนำงานแทงหยวกที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ ออกไปสู่การยอมรับของสังคม ถือเป็นความภูมิใจของเขา และเด็กๆ ที่เรียนกับเขา

            วิริยะ มีความหวังว่า อยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหันมาให้ความสนใจงานแทงหยวก หันมาให้ความสำคัญกับการสืบสานงานแทงหยวกบ้าง เพราะช่างโบราณสมัยก่อน มักจะอนุรักษ์อย่างเดียว ไม่ยอมสอน ไม่ยอมสืบสานให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้วิธีการทำ จนกลายเป็น “หวงวิชา” อีกประการหนึ่งคือ ลูกหลานไม่รับช่วงต่อ เพราะไม่ได้รับการถ่ายทอด และประการสำคัญที่เขามองว่า ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติกันใหม่ คือ ไม่มีใครให้ความสนใจ หรือให้ความสำคัญกับงานช่างโบราณประเภทนี้ โดยเฉพาะงานแทงหยวก ที่ถูกมองว่า เป็นงานที่ทำแล้วทิ้ง ไม่สามารถเก็บรักษาไว้เป็นชิ้นเป็นอันได้

            “แต่ในความเป็นจริง งานแทงหยวก เป็นเอกลักษณ์ที่ยืนยันความเป็นไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ผมได้ไปค้นหาความเป็นมาของงานแทงหยวกในพงศาวดาร พบว่า สยามประเทศ หรือประเทศไทยในปัจจุบัน เป็นชาติแรกและชาติเดียวในโลกที่มีงานช่างแทงหยวก ถือเป็นงานช่างของคนไทยโดยแท้จริง ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีชาติใดใช้งานแทงหยวกมาประกอบพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งผมได้ไปขอจดลิขสิทธิ์งานแทงหยวกไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้คนไทยภูมิใจว่า งานแทงหยวก ต้นกำเนิดมาจากเมืองไทยโดยแท้จริง”

            ทุกวันนี้ นอกเหนือจากการสอนแทงหยวกให้นักเรียนโรงเรียนเซนโยเซฟเพชรบุรี แต่ยังออกไปเป็นวิทยากรให้ครู พระสงฆ์ และผู้ที่สนใจ ในจ.เพชรบุรี เพื่อให้งานออกมาสู่ชุมชน หรือท้องถิ่น ไม่ได้อยู่แค่ที่ตัวเขา หรือลูกศิษย์ของเขาเท่านั้น เพื่อสืบสานงานแทงหยวกสกุลเพชรบุรี ให้เป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึง


สืบสานงานแทงหยวก สู่เด็กรุ่นใหม่

            “ครูจันทร์” ดวงจันทร์ สุสุทธิ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของ “ครูเต้ย” วิริยะ สุสุทธิ เล่าเสริมว่า เธอเรียนจบด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ไม่ได้มีความรู้ด้านแทงหยวก หรือศิลปะมาก่อนเลย แต่เมื่อมาแต่งงานกับวิริยะ ทำให้ได้ลงมือช่วยงานครูประสม พ่อของวิริยะ จึงได้ความรู้เรื่องงานแทงหยวกมาบ้าง ต่อมาจึงได้ไปหาความรู้เพิ่มเติมทางด้านงานแกะสลักผัก ผลไม้สด ที่เรียกว่า “งานเครื่องสด” รวมถึงการทำบายสีต่างๆ เพื่อมาใช้ร่วมกับงานแทงหยวกในงานพิธีต่างๆ

            “เราทำงานเป็นทีมค่ะ ถ้าเรียกไปแทงหยวก เราก็จะเสนองานแกะสลัก งานบายศรี ร่วมไปด้วย ซึ่งก็มีลูกมือเป็นนักเรียนที่โรงเรียนเซนโยเซฟเพชรบุรีบ้าง พี่ๆ หลานๆ ของครูเต้ยบ้าง เพื่อเป็นการสืบสานงานแทงหยวกให้เด็กรุ่นใหม่ไปในตัว เมื่อได้เงินค่าจ้างมา ก็จะแบ่งสันปันส่วนให้ทุกคน ทำให้เด็กๆ เกิดความภูมิใจในผลงานที่ได้ออกแสดง และมีรายได้พิเศษจากงานที่ได้เรียนรู้มา”

            ดวงจันทร์ เล่าด้วยว่า เมื่อก่อนเราทำเองทุกอย่าง ทั้งตอกที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการขึ้นงานหยวกกล้วยที่แทงลายมาแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลามาก แต่ปัจจุบัน ครูเต้ยได้ส่งงานจักตอกให้กลุ่มชาวบ้านที่ทำงานจักสานเป็นอาชีพ เป็นผู้ทำให้ เป็นการย่นระยะเวลาในการทำงาน และเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้านกลุ่มจักสานด้วย ส่วนมีดแทงหยวก ก็ส่งต่อให้กลุ่มทำมีดอรัญญิก อยุธยา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการทำมีด ใครอยากได้มีดแทงหยวก ก็ไปติดต่อได้เลย เพราะครูเต้ยได้ขึ้นต้นแบบไว้ให้แล้ว หรือถ้าไม่อยากไปถึงอยุธยา ก็มีช่างทำมีดแทงหยวกที่ จ.เพชรบุรี ที่สามารถทำได้เช่นกัน

            นอกจากจะช่วยสืบสานงานแทงหยวกโบราณสกุลเพชรบุรีแล้ว ครอบครัว “สุสุทธิ” ยังช่วยส่งเสริมอาชีพจักตอกให้ชาวบ้านกลุ่มจักสาน และส่งเสริมการทำมีดแทงหยวก ให้กลุ่มชาวบ้านที่มีความชำนาญอีกด้วย ถือเป็นความเอื้ออาทรต่อกันในสังคมไทยโบราณอย่างแท้จริง