รัฐเล็งคลอดแผนกระตุ้นระลอกใหม่นายกฯ เรียกถกทีมศก.-คลังมั่นใจสินเชื่อแบงก์รัฐฉลุย | คมชัดลึก

 นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังการเรียกประชุมแกนนำรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่านายกรัฐมนตรีได้เรียกมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะออกมาในช่วงระยะเวลาใด มากน้อยแค่ไหนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม

 "ยืนยันว่าไม่มีการปรับทำความเข้าใจในทีมเศรษฐกิจ เพราะไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาเกาเหลาก็ไม่มี ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า ผมไม่เห็นรู้เรื่องและไม่เห็นใครพูดในที่ประชุม ทุกคนก็ดีๆ กันอยู่" นายไตรรงค์กล่าว

 นายกนก วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเด็นเศรษฐกิจที่นายกฯ และรัฐบาลเป็นห่วงคือสินเชื่อและค่าเงินบาท เพราะสินเชื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการประคับประคองเอกชนให้อยู่รอดในช่วงเศรษฐกิจมีปัญหา ซึ่งการให้สถาบันการเงินของรัฐเข้าไปผลักดันการปล่อยสินเชื่อ ก็เป็นอีกมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการ ส่วนการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่านั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรใช้มาตรการการเงินที่มีอยู่ทั้งดอกเบี้ยและค่าเงินบาทเป็นเครื่องมือบริหารเศรษฐกิจประเทศ

 นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงการเพิ่มเป้าหมายสินเชื่อของธนาคารรัฐ 7 แห่ง จำนวน 3.5 แสนล้านบาท ว่าธนาคารแต่ละแห่งจะต้องทำตัวเลขสินเชื่อที่แต่ละแห่งสามารถทำได้ โดยให้เสนอมายังกระทรวงการคลังประมาณสัปดาห์หน้า ซึ่งเชื่อว่าในส่วนของแบงก์เฉพาะกิจของรัฐ 6 แห่ง น่าจะเพิ่มสินเชื่อได้อีก 3 แสนล้านบาท จากเดิมที่มีเป้าสินเชื่อทั้งปีอยู่ที่ 6.25 แสนล้านบาท เพราะปีที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อได้ถึง 8 แสนล้านบาท

 นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารได้เป้าหมายสินเชื่อเพิ่มจำนวน 8 หมื่นล้านบาท แต่เท่าที่พิจารณาจากความสามารถในการปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ทำให้คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปีได้ถึง 1-1.1 แสนล้านบาท

 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารมั่นใจว่าจะสามารถปล่อยกู้เพิ่มได้อีก 5 หมื่นบาท จากเป้าเดิมอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปีธนาคารอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 1.6 แสนล้านบาท และคิดเป็นสินเชื่อสุทธิ 4-5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีธนาคารจะต้องอนุมัติสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีก 1.4 แสนล้านบาท