ข่าว

ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์

ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์

04 ต.ค. 2558

เรื่องเล่าข่าวดัง : ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม

การเปิดปากรับสารภาพของนายอาเดม คาราดัก หริือ บิลาล มูฮัมมัด ทำให้ขมวดปมในคดีระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรื่อสาทร คลี่คลายลง และนำมาสู่คำสั่งย้ายฟ้าผ่าตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ซึ่งรับหน้าที่ในการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในอาณาบริเวณสวนลุมพินี ที่รายงานผู้บังคับบัญชาไปก่อนหน้านั้นว่า ตรวจสอบไม่พบภาพความเคลื่อนไหวของชายต้องสงสัยในเหตุระเบิด
อาเดมอ้างว่า หลังจากลงจากรถจักรยานยนต์รับจ้างที่บริเวณประตู 5 สวนลุมพินี ได้เดินมุ่งหน้าต่อไปยังหน้าห้องน้ำภายในสวนลุมพินี ซึ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ประตูทางเข้าพบว่าเสีย แต่เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในสวนลุมพินีกลับปรากฏภาพชายซึ่งมีลักษณะคล้ายชายเสื้อเหลืองเดินออกจากห้องน้ำ แต่ชายรายนี้สวมเสื้อสีเทาสอดคล้องกับคำให้การของนายอาเดม ที่ระบุว่า หลังจากเข้าไปเปลี่ยนเสื้อจากสีเหลืองเป็นสีเทาแล้วได้เดินออกจากห้องน้ำ โดยนำเสื้อเหลืองใส่ในถุงพลาสติกสีขาว ส่วนกางเกงยังสวมชุดเดิม
ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์
ภาพที่ปรากฏถูกนำไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายที่กล้องวงจรปิดบริเวณแยกราชประสงค์พบว่ามีความสอดคล้องกัน โดยกางเกงที่สวมใส่ตรงกัน ขณะที่ถุงพลาสติกสีขาวก็พบว่าชายเสื้อเหลืองที่ปรากฏในภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดที่แยกราชประสงค์ก็ถือติดมือเช่นกัน ขณะที่เสื้อสีเทาซึ่งปรากฏตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดในสวนลุมพินีก็มีลักษณะตรงกันกับเสื้อที่ตำรวจและทหารยึดได้จากห้องพักพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก ในวันควบคุมตัวนายอาเดม
อาเดมยังยอมรับต่อเจ้าหน้าที่ชุดสอบถามว่า ในวันเกิดเหตุได้นำระเบิดอีกลูกไปวางไว้ที่ท่าเรือในซอยเจริญนคร 61 หลังจากนั้นรับคำสั่งจากนายอับดุลลาห์ให้นำเป้ไปเปลี่ยนกับชายเสื้อม่วงที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม ย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งชายเสื้อม่วงก็คือ นายไมไรลี ยูซูฟู หลังจากนั้นจึงนั่งรถสามล้อเครื่องไปลงที่แยกราชประสงค์ นำกระเป๋าเป้ไปวางไว้ใต้เก้าอี้ภายในบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ซึ่งคำให้การของนายอาเดมนี้ สอดคล้องกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด
ส่วนระเบิดลูกที่นายอาเดมนำไปวางไว้ที่ท่าเรือเจริญนคร 61 เกิดผิดพลาดระเบิดไม่ทำงาน มีชายเสื้อฟ้ารับหน้าที่ต่อในการนำไปทิ้งลงน้ำที่ท่าเรือสาทร และเกิดระเบิดขึ้นหลังเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ 1 วัน ซึ่งชุดคลี่คลายคดีพยายามตรวจสอบข้อมูลจนทราบว่า ชายรายนี้น่าจะใช่ นายซูแบร์
ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์
พยานหลักฐานต่างๆ เมื่อนำมารวมกับคำให้การของผู้ต้องหา ทำให้พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งทำหน้าที่ ผบ.ตร.ในเวลานั้น ตั้งโต๊ะแถลงสรุปคดีในวันที่ใกล้เกษียณอายุราชการเต็มที โดยสรุปชนวนเหตุระเบิดให้น้ำหนักไปที่กลุ่มคนร้ายไม่พอใจการกวาดล้างเครือข่ายค้ามนุษย์ โดยเฉพาะกลุ่มอุยกูร์ ก่อนหน้านั้น แต่ก็ไม่ได้ตัดทิ้งปมขัดแย้งทางการเมืองถายในประเทศ
นายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ นายยงยุทธ พบแก้ว คือตัวเชื่อมสำคัญที่ทำให้เหตุระเบิดครั้งนี้โยงใยไปถึงปมการเมือง หลังจากมีพยานหลายปากยืนยันว่าพบเห็นบุคคลผู้นี้แวะเวียนไปที่ห้องพักย่านมีนบุรี ซึ่งเป็นแหล่งที่พักของกลุ่มผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่ถูกออกหมายจับในคดีนี้ พยานระบุว่า นายอ๊อดไปพูดคุยอยู่กับ น.ส.วรรณา สวนสัน รวมถึงนายไมไรลี ยูซูฟู ซึ่งสอดคล้องกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดในย่านนั้น
ชุดสืบสวนพยายามตรวจสอบพบว่า นายอ๊อดผู้นี้คือหนึ่งในผู้ต้องหาครอบครองวัตถุระเบิด จากเหตุระเบิดในช่วงการชุมนุมทางการเมือง ในพื้นที่มีนบุรีเมื่อปี 2557 ซึ่งครั้งนั้นชุดสืบสวนได้ตรวจสอบบ้านเช่าในซอยราษฎร์อุทิศ 25 ในละแวกที่เกิดเหตุ พบวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่ง และมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงนายอ๊อดว่า เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าพักอาศัยในบ้านหลังนั้น
ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์
การขยายผลยังพบว่า นายอ๊อดเคยถูกจับมาหลายคดี ทั้งเรื่องยาเสพติด และการพนัน แต่ที่น่าสนใจที่สุดกลับกลายเป็นคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ซึ่งครั้งนั้นเขาถูกจับหลังอ้างตัวเป็นการ์ดผู้ชุมนุมฝ่าฝืนคำสั่งบุกเข้าไปในพื้นที่ห้าม ซึ่งต่อมาศาลพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้
แต่ยิ่งน่าแปลกใจยิ่งกว่า เมื่อตรวจสอบประวัติแล้วไม่พบเลขประจำตัวประชาชนของนายอ๊อด ซึ่งชุดสืบสวนคลี่คลายคดีต้องใช้ความพยายามตรวจสอบกระทั่งพบมารดาของเขา ซึ่งอยู่ในวัยชรา พักอาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งทางภาคตะวันออก นั่นทำให้ทราบถึงชะตาชีวิตที่ยิ่งกว่าละครของชายผู้นี้
การสอบถามมารดานายอ๊อด ยืนยันว่า ไม่ได้เจอลูกชายมานานกว่า 5 ปี และสาเหตุที่ลูกชายไม่มีเลข 13 หลัก เพราะใช้ชีวิตแบบเร่รอนมานาน ทราบเพียงว่าทำอาชีพขี่ซาเล้งหาของเก่าและเร่รับจ้างทั่วไปไปเรื่อยๆ
ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์
แต่ในทางสืบสวนกลับพบว่า นายอ๊อดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะน่าจะรู้จักกับ น.ส.อัมพร ใจก้อน ซึ่งประกาศตัวว่าอยู่ในกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง และเคยปรากฏตัวที่บ้านพักหลังที่ตำรวจค้นพบระเบิด จากการขยายผลหลังเกิดเหตุระเบิดในย่านมีนบุรีเมื่อปี 2557 และยังเชื่อมโยงไปถึงคดีระเบิดในสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง ระหว่างการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ด้วย
ในเวลานั้น น.ส.อัมพรเป็นภรรยาของนายกษิ ดิษฐนรัชต์ ซึ่งมีข้อมูลว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับค้าขายปุ๋ยยูเรียกับทางตะวันออกกลาง ซึ่งทั้งเหตุระเบิดที่มีนบุรีและบางบัวทอง ข้อมูลมีความเชื่อมโยงไปยังบุคคลทั้งสอง
ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์
นายอ๊อด พยุงวงศ์ จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญขึ้นมาทันที เพราะเขาอาจเป็นบุคคลสำคัญที่ไขความกระจ่างถึงสาเหตุที่แท้จริงของระเบิดแยกราชประสงค์ครั้งนี้ ปฏิบัติการควานหาตัวนายอ๊อดเป็นไปอย่างเข้มข้น กระทั่งพบเบาะแสว่าไปซุกปีกอยู่กับอดีตนักการเมืองรายหนึ่งในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี
ด่านเข้าเมือง และช่องทางธรรมชาติตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.กาญจนบุรี จึงเข้มข้นในการตรวจสอบบุคคลเข้าออกประเทศ เพื่อปิดกั้นไม่ให้นายอ๊อดใช้พื้นที่บริเวณนั้นหลบหนีออกจากประเทศไทย
ขณะที่ข้อมูลด้านการข่าวปรากฏชื่อทนายรายหนึ่ง ซึ่งว่าความให้แก่กลุ่มนักการเมืองขั้วอำนาจเก่า เป็นผู้ยื่นหลักทรัพย์ 4 หมื่นบาท ประกันตัวนายอ๊อด หลังถูกจับในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อปี 2553 เรื่องต่างๆ เหล่านี้จึงถูกนำมาผูกโยง กลายเป็นประเด็นสงสัยในเหตุระเบิด ผลประโยชน์ร่วม ล้างแค้นปราบค้ามนุษย์และเงื่อนปมขัดแย้งทางการเมืองหรือไม่
--------------------
--------------------
(เรื่องเล่าข่าวดัง : ปิดเมืองล่า (7) ทีมบึ้มราชประสงค์ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม)