ข่าว

ย้ายฝูงลิงแสมบางขุนเทียนสู่บ้านใหม่-ชีวิตใหม่ที่ราชบุรี

ย้ายฝูงลิงแสมบางขุนเทียนสู่บ้านใหม่-ชีวิตใหม่ที่ราชบุรี

26 ก.ย. 2558

ย้ายฝูงลิงแสมบางขุนเทียน สู่บ้านใหม่-ชีวิตใหม่ที่ราชบุรี : สายชล ศรีนวลจันทร์

            เสียงร้อง “เจี๊ยก เจี๊ยก” อันโหยหวนในวันที่ไร้อิสรภาพของบรรดาเหล่าวานรน้อยกว่า 80 ตัวในพื้นที่ชุมชนเขตบางขุนเทียนหลังจากถูกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และป่าพันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร กวาดจับมาไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน หมู่ 1 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ถือเป็นภาพสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

            หากลิงหล่านี้พูดได้อาจยืมบทเพลงฮิตของวงคาราบาวมาถามเราว่า “จับมันมาขังทำไม” 

            แต่ในความเป็นจริงแล้ว การนำลิงฝูงดังกล่าวมาไว้ที่ จ.ราชบุรี ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดระหว่าง “ชาวชุมชนบางกระดี่” กับ “ฝูงลิงแสม” ในพื้นที่ เพราะการย้ายลิงแสม 80 ตัวออกจากเขตชุมชนบางขุนเทียนถือเป็นการช่วยชีวิตพวกมันให้รอดพ้นจาการเป็น “ลิงเร่ร่อน” หิวโซ อดอยากที่คอยเข้าไปรื้อค้นขโมยอาหารตามบ้านเรือนของชาวบ้าน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกชาวบ้านทำร้ายจนบาดเจ็บล้มตาย เพราะสุดทนกับการเป็น “ลิงหัวขโมย” ของพวกมัน

            วันนี้ฝูงลิมแสมบางขุนเทียน 80 ตัวถูกนำมาไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน จ.ราชบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำลิงทั้งหมดมาไว้ในกรงของ “เสือโคร่ง” ที่ทางสถานีจัดไว้ให้เพื่อรองรับ

            “วินันท์ วิระนะ” หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสน บอกว่า ลิงแสม 80 ตัวที่นำมาจากชุมชนบางกระดี่นั้น ทางสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสนจะต้องรับเลี้ยงดูในเบื้องต้นก่อน และหากนับรวมกับลิงแสมสัตว์ป่าของกลางที่ทางสถานีเพาะเลี้ยงรับอนุบาลไว้ก่อนหน้านี้คาดว่าจะมีประมาณกว่า 200 ตัว โดยลิงแสมกลุ่มนี้เจ้าหน้าที่นำไปขังไว้ในกรงเสือโคร่งที่สร้างเตรียมไว้รองรับเสือจาก จ.กาญจนบุรี โดยกรงที่ขังลิงจำนวน 80 ตัวมีกรงเสือโคร่งตัวอื่นตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะพฤติกรรมของลิงแสมทั้งหมดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากก่อนหน้านี้ลิงพวกนี้มีนิสัยก้าวร้าว ซุกซน ร้องเจี๊ยวจ๊าว แต่เมื่อมาอยู่ใกล้กับเสือโคร่ง ลิงทุกตัวก็อยู่กันเงียบๆ ได้ อาจจะเป็นเพราะว่า พวกมันได้ยินเสียงคำรามของเสือที่อยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดความกลัวไม่กล้าที่จะส่งเสียงดัง แต่นานวันไปเจ้าลิงพวกนี้อาจจะกลับสู่สภาพเดิม เพราะเริ่มชินกับเสียงของเสือแล้ว

            “ตอนนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ หากเราจะขยายพื้นที่ของกรงเดิมที่มีอยู่ เจ้าหน้าที่อาจจะนำลิงเหล่านี้ไปไว้รวมกับลิงที่ทางสถานีอนุบาลไว้ก่อนหน้านี้ เพราะมันเป็นลิงแสมเหมือนกัน แต่อาจจะต้องให้พวกมันปรับพฤติกรรมในการอยู่รวมกับฝูงใหม่ โดยอาจจะนำไปขังไว้ใกล้ๆ กันก่อนให้เกิดความคุ้นเคย จากนั้นค่อยปล่อยไปอยู่รวมกัน เพื่อจะได้ลดความขัดแย้งในลิง เพราะธรรมชาติของลิงส่วนใหญ่จะอยู่ฝูงใครฝูงมัน”

            ส่วนการปล่อยคืนสู่ธรรมชาตินั้นต้องศึกษาให้ละเอียดอีกครั้ง เพราะปัจจุบันลิงเหล่านี้ถือเป็นสัตว์ป่าของกลางที่ทางสถานีต้องเลี้ยงดู ทุกวันจะให้อาหาร 3 มื้อ มื้อละ 20 บาทต่อวัน ซึ่งอาหารก็เป็นผลไม้ผักตามฤดูกาลที่มี ดังนั้นจึงเกรงว่า หากเร่งรีบปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ลิงอาจจะหาอาหารกินเองไม่เป็น และคงจะกลับมารบกวนชาวบ้านอีก จึงไม่มีประโยชน์ในการที่จะปล่อยลิงคืนสู่ธรรมชาติ แต่งบประมาณที่มีอยู่ก็แทบไม่เพียงพอ ต้องอาศัยผู้ใจบุญนำมาให้บ้าง ด้วยปัจจุบันสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสนมีลิง และสัตว์อื่นๆ ที่เป็นสัตว์ป่าของกลางมาเพิ่มเรื่อยๆ จึงถือเป็นภาระอันหนักของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาสนที่จะต้องเลี้ยงดูกันต่อไป ซึ่งถือเป็นภาระของสถานีในการหางบประมาณมาเลี้ยงดูสัตว์เหล่านี้ เพราะมีงบประมาณจำกัด และทุกวันก็มีปริมาณสัตว์เพิ่มขึ้นตลอด จึงจำเป็นต้องหางบประมาณมาช่วยเหลือ

            "เบื้องต้นได้ทำโครงการพ่อแม่อุปถัมภ์สัตว์ป่าขึ้นมา เพื่อหาผู้บริจาคอาหารให้แก่สัตว์ป่า โดยผู้สนใจสามารถบริจาคได้ที่กรมอุทยานฯ หรือที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าทั่วประเทศ จึงอยากให้ทุกคนช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก เพื่อช่วยต่อลมหายใจให้แก่สัตว์ได้มีอาหารกิน"

            ขณะเดียวกันย้ายถิ่นฐานลิงแสมจำนวน 80 ตัวมาไว้ศูนย์เพาะเลี้ยงใน จ.ราชบุรี หลายฝ่ายกังวลในเรื่อง "สุขภาพของลิง" หรือแม้กระทั่งความหวั่นเกรงในเรื่องการแพร่ระบาดของ

            “โรคภัยต่างๆ ที่เกิดจากสัตว์ไปสู่คน”
 
            ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยตามหลักปฏิบัติ ทันทีที่เจ้าหน้าที่นำลิงแสมมาไว้ที่ศูนย์ดังกล่าว สัตวแพทย์หญิงณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ประจำกลุ่มงานเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า พร้อมทีมงานได้เข้าตรวจสุขภาพลิงแสมในทันที โดยสุ่มตรวจลิงจำนวน 15 ตัว เนื่องจากเป็นลิงฝูงเดียวกัน เพื่อตรวจหาโรคทั่วไป โรคที่เกิดจากสัตว์ไปสู่คน โรคที่มีไวรัส และพยาธิในเม็ดเลือด โดยเจ้าหน้าที่ได้เจาะเลือดลิงทั้ง 15 แต่ไปตรวจ ซึ่งผลการตรวจในห้องปฏิบัติการคาดว่า น่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์

            สัตวแพทย์หญิงณฐนน บอกว่า ส่วนใหญ่โรคทั่วไปที่พบในลิงจะโรคไข้สมองอักเสบ วัณโรค ซึ่งเป็นโรคจากสัตว์สู่คน และพยาธิในเม็ดเลือด ถ้าผลตรวจออกมาว่า ลิงปลอดโรคก็จะสามารถนำไปปล่อยรวมกับลิงแสมที่มีอยู่แล้วในสถานีจำนวน 148 ตัว แต่ถ้าตรวจพบว่ามีโรคก็จะต้องตรวจรักษาทั้งฝูง เพราะถ้าเป็นก็จะต้องรักษาทุกตัว

            "เบื้องต้นนั้นก็พบว่าลิงเหล่านี้สมบูรณ์ดี ไม่ตัวไหนแสดงอาการว่าเป็นโรคติดเชื้อรุนแรง นอกจากนี้ทีมสัตวแพทย์จะต้องเตรียมทำหมันให้กับลิงแสมตัวผู้ เพื่อไม่ให้ขยายพันธุ์ เพราะถ้าลิงมีอาหารที่สมบูรณ์จะสามารถผสมพันธุ์ได้เร็วคือ 6 เดือน 1 ตัว หรือปีละ 2 ตัว ซึ่งการทำหมันในลิงตัวผู้จะไม่มีผลต่อตัวลิง เพราะแค่ผูกท่ออสุจิเท่านั้น ส่วนการปล่อยลิงคืนสู่ธรรมชาตินั้นสามารถทำได้ แต่ต้องให้ผ่านการตรวจให้ลงทุกตัวปลอดโรคก่อน” สัตวแพทย์หญิงณฐนน
 
            คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าอนาคตของเจ้าลิงแสมพลัดถิ่นฐานเหล่านี้จะเป็นอย่างไร...ตอนนี้ก็ได้แต่เอาใจช่วยกันอย่างสุดลิ่ม และหวังว่า พวกมันจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับถิ่นที่อยู่ใหม่ได้อย่างมีความสุขหรือไม่

            ถึงแม้จะไม่คุ้นเคย และไม่มีอิสระ แต่ยังดีกว่าการเป็นฝูงลิงเร่ร่อนที่คอยรบกวนสร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้แก่ชาวบ้าน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้เจ้าจ๋อน้อยพวกนี้ตกอยู่ในอันตรายจากน้ำมือมนุษย์ได้