
ขนส่งจัดสัดส่วนรถบรรทุก-โดยสารให้ได้มาตรฐาน
กรมการขนส่งทางบก กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยรถโดยสารที่ตัวถังยาวเกิน 12 เมตร รัศมีวงเลี้ยว ด้านนอกต้องไม่เกิน 12.5 ม. ระยะท้ายปัด ต้องไม่เกิน 0.6 เมตร ส่วนรถบรรทุกที่ตัวถังยาวเกิน 10 เมตร ระยะท้ายปัดต้องไม่เกิน 0.8 เมตร
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากการที่กรมการขนส่งทางบกได้ออกกฎกระทรวงปรับปรุงขนาดสัดส่วนของรถบรรทุกและรถโดยสาร ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล โดยกำหนดให้รถโดยสารบางประเภทมีขนาดความยาวตัวถังได้ไม่เกิน 15 เมตร และรถบรรทุกมีความยาวตัวถังได้ไม่เกิน 12 เมตร เพื่อช่วยให้การบรรทุกสิ่งของหรือผู้โดยสารเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และลดการใช้พลังงานของประเทศนั้น กรมการขนส่งทางบก ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับรัศมีวงเลี้ยว (Turning Radius) และระยะท้ายปัด(Rear Swing-out) สำหรับรถโดยสารและรถบรรทุกที่มีความยาวเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและไม่สร้างปัญหาในการใช้รถใช้ถนน
กฎกระทรวงที่ปรับปรุงใหม่ กำหนดให้ รถโดยสาร บางประเภทได้แก่ รถปรับอากาศพิเศษ (ก)(ข), รถปรับอากาศ (ก) (ข), รถโดยสารธรรมดา (ก) (ข) และรถโดยสารเฉพาะกิจมีความยาวของตัวถังได้ไม่เกิน 15 เมตร จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 12 เมตร และเพิ่มความสูงของตัวถังรถปรับอากาศพิเศษ (ก) (ข), รถปรับอากาศ (ก) (ข), รถโดยสารธรรมดา, รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง เป็นไม่เกิน 4 เมตร จากเดิมที่ให้สูงได้ไม่เกิน 3.80 เมตร
โดยรถโดยสารที่มีความยาวเกินกว่า 12 เมตร จะต้องมีเพลาล้อไม่น้อยกว่า 3 เพลาล้อ มีรัศมีวงเลี้ยว (Turning Radius) ด้านนอกไม่เกิน 12.5 เมตร และในขณะที่รถเลี้ยวด้วยรัศมีวงเลี้ยว 12.5 เมตร วงเลี้ยวด้านในจะต้องไม่น้อยกว่า 5.3 เมตร
นอกจากนี้ จะมีระยะท้ายปัด (Rear Swing-out) ได้ไม่เกิน 0.6 เมตร เพื่อความปลอดภัยและไม่สร้างปัญหาการจราจรเมื่อจะเลี้ยวรถหรือกลับรถ
สำหรับ รถบรรทุก กฎกระทรวงที่ปรับปรุงใหม่ กำหนดให้มีความยาวของตัวรถได้ไม่เกิน 12 เมตร สูงได้ไม่เกิน 4 เมตร ยกเว้นรถที่ตัวถังกว้างไม่เกิน 2.30 เมตร ให้สูงได้ไม่เกิน 3 เมตร และความกว้างของตัวถังรถไม่เกิน 2.55 เมตร
ยกเว้นรถตู้บรรทุกที่มีห้องเย็นให้กว้างได้ 2.60 เมตร โดยกรมการขนส่งทางบกกำหนดให้รถบรรทุกที่ความยาวเกินกว่า 10 เมตร จะต้องมีรัศมีวงเลี้ยวด้านในและด้านนอก เช่นเดียวกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้สำหรับรถโดยสาร โดยรถบรรทุกจะมีระยะท้ายปัดได้ไม่เกิน 0.8 เมตร
ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถที่สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักวิศวกรรมยานยนต์อาคาร 6 ชั้น 3 กรมการขนส่งทางบก จตุจักร หมายเลขโทรศัพท์ 0-2272-5320 หรือ คอลเซ็นเตอร์ 1584