วันที่ 17 กันยายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังฝนตกต่อเนื่องอย่างหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายจุด ของจังหวัดระยอง เช่น ถนนสุขุมวิท แยกเนินกะปรอก อำเภอบ้านฉาง จ.ระยอง เกิดมีน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ส่วนบริเวณแยกขนส่ง อ. เมืองระยอง มีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร รถยนต์จมน้ำหลายคัน นอกจากนี้ ปริมาณน้ำยังไหลท่วมตามบ้านเรือนและหมู่บ้าน ที่อยู่ติดแม่น้ำลำคลอง เช่นที่หมู่บ้านกรุงไทย ต ทับมา อ. เมืองระยอง และห้องแถวในชอยตลาดหนองโพรง ชาวบ้านต้องขนของกันจ้าละหวั่น ขณะที่ท้องฟ้ายังมืดครืม และมีฝนตลอดเวลา ยังไม่มีทีท่าว่าจตจะหยุดตก
ล่าสุด ชลประทานจังหวัดระยอง สั่งเปิดประตูน้ำทุกบาน เพื่อให้น้ำไหลลงทะเลและคาดว่า น้ำคงจะลดระดับลงในเวลาไม่นาน ส่วนความคืบหน้าและรายละเอียดจะรายงานเพิ่มเติมต่อไป
"อุเทน"ติงรัฐไร้แผนรับมือ"หว่ามก๋อ"
นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย และอดีตประธานคณะกรรมการผันน้ำลงทะเล ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทางภาคตะวันออกของกรุงเทพฯที่มีผลมาจากพายุหว่ามก๋อว่า ผลกระทบจากพายุหว่ามก๋ออาจจะมีความรุนแรงก็จริง แต่ก็เป็นเพียงอิทธิพลของหางพายุเท่านั้น ภาพที่ปรากฎตามข่าวและความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะบริเวณ ถ.บางนา-ตราด มอเตอร์เวย์ และในพื้นที่ จ.ชลบุรี นั้นสะท้อนให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพในการเตรียมพร้อมรับมือ และการระบายน้ำที่ถูกหลักของหน่วยงานภาครัฐ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ทั้งที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้า และก็มีสัญญาณของน้ำท่วมฉับพลันให้เห็นก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งการระบายในพื้นที่ทางภาคตะวันออกนั้นถือว่าทำได้ง่าย เพราะเป็นพื้นที่ติดทะเล แต่ก็อาจมีข้อจำกัดในเรื่องของถนนที่ขวางทางไหลของน้ำ หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งน่าจะมีความชำนาญเกี่ยวกับพื้นที่ที่รับผิดชอบจึงควรรับมือได้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความเสียหาย และประชาชนต้อเดือดร้อนขนาดนี้
“สถานการณ์ในพื้นที่ภาคตะวันออกวันออกขณะนี้เทียบไม่ได้กับเมื่อปี 2554 ที่ผมเคยมีส่วนป้องกันและแก้ไขปัญหาการระบายน้ำของรัฐบาล วันนั้นมีมรสุมเข้ามา 5 ลูกติดๆ แต่ในพื้นที่ฝั่งตะวันออก และจ.สมุทรปราการ แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและมรสุมใหญ่ในครั้งนั้นเลย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องย้อนกลับไปดูวิธีการรับมือกับมหาอุทกภัยสมัยปี 2554 ซึ่งใช้หลักการ หาที่ให้นำอยู่ หาทางให้น้ำไป เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนเท่านั้น” นายอุเทน กล่าว
"ระนอง"ฝนตกหนักดินไหลทับทางเข้าหมู่บ้าน
นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ว่าทาง ปภ.ระนองได้สำรวจผลกระทบจากฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง ในเขตพื้นที่จังหวัดระนองจากอิทธิพลของพายุหว่ามก๋อ พบบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่จังหวัดระนองได้รับความเสียหายแล้วรวม 20 หลังเรือน หลังจากที่ฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน นอกจากนี้ยังเกิดดินเลื่อนไหลปิดทับเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านหลายจุดในพื้นที่ อ.กะเปอร์
สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดระนองหลังจากที่มีฝนตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมืองระนอง ในบางจุดเริ่มมีน้ำที่เอ่อล้นจากคลองสายต่าง ๆทำให้เข้าท่วมพื้นผิวถนนความสูงประมาณ 10 เซนติเมตร และมีดินสไลด์กีดขวางถนนแล้วในพื้นที่อำเภอกะเปอร์
ทาง ปภ.ระนอง ได้ประสานศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 กองทัพภาคที่ 4 เพื่อเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ ได้รับความเสียหายจากการเกิดลมกระโชกแรงพัดต้นไม้หักโค่นทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ในพื้นที่ บ้านคลองของ ซอยทรัพย์ทวี ม.6 ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง รวม 8 หลังคาเรือน โดยพันเอก กรกฎ เจริญฤทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 จึงสั่งการให้ ร้อยเอกวิโรจน์ สุขด้วง ผู้บังคับกองร้อยช่วยเหลือประชาชนกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 นำกำลังพลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ส่วนอีกจุด เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองระนอง ได้รับแจ้งจากประชาชน ในพื้นที่ ซ.เสาแดง ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง เกิดลมได้พัดต้นมะพร้าวขนาดใหญ่ทับบ้านของประชาชนได้รับความเสียหาจำนวน 2 หลัง จึงได้ไปตรวจสอบพร้อมนำเครื่องมือไปทำการตัดต้นมะพร้าวที่ล้มทับบ้านของประชาชนออก พร้อมทั้งช่วยเหลือในการขนย้ายสิ่งของออกจากตัวบ้านไปไว้ในที่ปลอดภัย และทำการสำรวจความเสียหาย เพื่อจะได้นำแผ่นหลังคามาเปลี่ยนให้เป็นการเบื้องต้น เนื่องจากยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง จนเจ้าของบ้านไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้
ทางด้านนาย วิเชียร เอี่ยมสะอาด อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204/68 ม.1 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง ซึ่งเป็นชุมชนชายฝั่ง กล่าวว่า จากการที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักปริมาณน้ำมีมาก จึงเกิดน้ำทะเลหนุนท่วมสูงเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นถนน ชาวบ้านหวั่นเกรงว่าจะทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนจึงเร่งนำกระสอบทรายมาปิดกั้นบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งในชุมชนแห่งนี้มีบ้านจำนวนกว่า 100 หลังคาเรือนที่ได้รับผลกระทบ
นายไพบูลย์ เอี่ยมสุวรรณ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดระนอง กล่าวว่า ทางสถานีอุตุนิยมวิทยา จ.ระนอง วัดปริมาณน้ำฝนในรอบ 24 ชม.ได้ 260 มม. ทำให้หลายพื้นที่เสี่ยงภัยอยู่ในสภาวะเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินเลื่อนไหลได้ ส่วน ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น. (17 ก.ย. 2558) หย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังจากพายุดีเปรสชัน “หว่ามก๋อ” (VAMCO) ยังคงปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และประเทศกัมพูชา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังแรง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ยังคงมีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา นครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา และภูเก็ต ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักถึงหนักมาก รวมถึงฝนที่ตกสะสม สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงวันที่ 17-18 กันยายน 2558 ไว้ด้วย
ตรังสั่งปิดน้ำตกหวั่นน้ำป่าไหลหลาก
จากภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่จังหวัดตรัง ทำให้ปริมาณน้ำที่น้ำตกอ่างทอง อ.สิเกา เพิ่มปริมาณมากขึ้น มีสีขุ่นแดง และไหลแรง ทางเจ้าหน้าที่จึงสั่งห้ามนักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำโดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดอันตรายได้ เนื่องจากเคยมีประวัติคนจมน้ำเสียชีวิตมาแล้วหลายราย ขณะที่น้ำตกกะช่อง รวมทั้งตกสายรุ้ง และน้ำตกอื่นๆทั้ง 8 แห่งในจังหวัดตรัง ปริมาณน้ำก็เพิ่มสูงขึ้น ไหลแรง และเริ่มมีสีขุ่น เจ้าหน้าที่ก็ได้นำป้ายไปปิดประกาศห้ามประชาชนลงเล่นน้ำ พร้อมมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ตรวจตรา สังเกตสีและปริมาณน้ำตลอด 24 ชม.
เนื่องจากสภาพทั่วไปก็ยังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่และท้องฟ้าเหนือภูเขาก็มืดครึ้ม ทั้งนี้ เนื่องจากจังหวัดตรังเคยเกิดเหตุโศกนาฎกรรมจากน้ำป่าไหลหลากมาแล้ว ในช่วงหน้าแล้งเมื่อเดือนเมษายน 2550 ที่น้ำตกสายรุ้ง ,น้ำตกไพรสวรรค์ อ.ย่านตาขาว และน้ำตกลำปลอก อ.ปะเหลียน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 38 ราย จึงแจ้งเตือนประชาชนห้ามเข้าใกล้บริเวณน้ำตก เพราะหวั่นจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำ
จากสภาวะฝนตกหนักติดต่อกันทำให้หลายพื้นที่ที่อยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ และรับน้ำจากเทือกเขาบรรทัดแ เริ่มมีน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมทั้งถนนหลายสายก็เกิดน้ำท่วมขัง ทางจังหวัดจึงยังคงประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมการรับมือกับภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม รวมทั้งวาตภัยและคลื่นลมแรงต่อเนื่องไปอีก พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฝ่ายปกครองในสพื้นที่ เตรียมพร้อมรับมือตลอด 24 ชม.เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติขึ้น
พิจิตร - แม่น้ำน่านเพิ่มขึ้น หลังฝนตกลงมาตอนเหนือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากพายุ ‘หว่ามก๋อ’ เข้าปกคลุมประเทศไทย ทำให้ฝนที่ตกลงมาทางตอนตอนบน ทางภาคเหนือของประเทศในช่วงนี้ ทำให้ระดับในแม่น้ำน่านที่ไหลผ่าน อำเภอเมืองพิจิตร ตะพานหิน และ บางมูลนาก มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น มีสีขุ่นแดง โดยระดับน้ำที่เพิ่มระดับสูงขึ้น ส่งผลดีกับการระบายน้ำช่วยเกษตรกร ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา
ขณะที่ถึงแม้ในจังหวัดพิจิตรมีฝนตก แต่ยังคงมีปริมาณไม่มากพอ กับพื้นที่ทำการเกษตรหลายแห่ง ในจังหวัดพิจิตร ยังคงประสบภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง จากฝนที่เริ่มตกลงมาไม่เพียงพอ ต่อการทำการเกษตร และ การกักเก็บน้ำ ไว้ใช้ทำการเกษตร เนื่องจากต้องประสบปัญหาภัยแล้งยาวนาน