
ปิดเมืองล่า (3) ทีมบึ้มราชประสงค์
06 ก.ย. 2558
เรื่องเล่าข่าวดัง : ปิดเมืองล่า (3) ทีมบึ้มราชประสงค์ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม
ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณแยกราชประสงค์ปรากฏชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติสวมเสื้อสีเหลืองต้องสงสัยนำระเบิดมาวางภายในบริเวณศาลท้าวมหาพรหมถูกนำมาวิเคราะห์พฤติการณ์อย่างละเอียด จนกระทั่งผ่านความเห็นชอบจากผู้เชี่ยวชาญการคลี่คลายคดี พฤติการณ์ของชายต้องสงสัยรายนี้คือการนำกระเป๋าเป้สะพายหลังเข้าไปในจุดเกิดเหตุ แต่กลับเดินออกมาโดยไม่มีกระเป๋าเป้ติดหลัง
ตำรวจชุดตรวจสอบพฤติการณ์ผู้ต้องสงสัยโดยการตรวจสอบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดซ้ำแล้วซ้ำอีก กระทั่งพบชายสวมเสื้อสีเหลืองรายนี้ออกจากบริเวณศาลท้าวมหาพรหมไปทางถนนราชดำริ มุ่งหน้าทางศาลาแดง โดยเดินไปขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างที่จอดรอผู้ใช้บริการอยู่ที่ซอยมหาดเล็กหลวง
ตำรวจได้เชิญผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างรายนี้มาสอบถาม พร้อมๆ กับการติดตามหาผู้ขับขี่รถตุ๊กตุ๊ก ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้ขณะชายต้องสงสัยลงจากรถตุ๊กตุ๊กก่อนจะเดินเข้าไปภายในบริเวณศาลท้าวมหาพรหม
จักรยานยนต์รับจ้างยืนยันว่าไปส่งชายต้องสงสัยที่สวนลุมพินี หลังจากนั้นไม่เห็นว่าเขาไปไหนและเดินทางต่ออย่างไร ส่วนผู้ขับขี่รถตุ๊กตุ๊กซึ่งถูกเชิญตัวมาให้ข้อมูลต่อตำรวจในเวลาไล่เลี่ยกัน ระบุว่า รับชายชาวต่างชาติซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับชายเสื้อสีเหลืองที่ปรากฏในภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดซึ่งตำรวจนำมาให้เขาดู โดยยืนยันว่ารับจากบริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง ไปส่งยังหน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพมหานคร โดยใช้ถนนพระราม 4 แต่กล้องวงจรปิดบริเวณปากซอยจุฬา 9 บันทึกภาพขณะชายคนนี้โดยสารอยู่ในรถตุ๊กตุ๊ก เป็นเพราะผู้ขับขี่รถตุ๊กตุ๊กพาไปในเส้นทางที่ไกลขึ้น โดยอ้างว่าต้องการหลบเลี่ยงรถติดจากสัญญาณไฟจราจร

“เขาพูดภาษาอะไรไม่รู้ เพราะผมฟังไม่รู้เรื่อง ต้องให้เพื่อนซึ่งขับรถตุ๊กตุ๊กด้วยกันมาเจรจาให้ เพื่อนบอกเขาพูดอังกฤษแบบคำๆ แต่จับใจความได้ว่าเอราวัณ จึงตกลงไปส่งให้ เมื่อถึงแยกราชประสงค์แล้วได้ยูเทิร์นกลับรถไปจอดหน้าโรงแรม และเมื่อเขาลงจากรถแล้วก็ไม่ได้มองต่อว่าเขาไปไหน” ผู้ขับขี่รถตุ๊กตุ๊ก ให้ข้อมูลต่อตำรวจ
ตำรวจตรวจสอบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดในย่านหัวลำโพงเพื่อหาพาหนะที่นำชายต้องสงสัยมาส่งก่อนที่ชายรายนี้จะขึ้นรถตุ๊กตุ๊กเพื่อเดินทางต่อมายังย่านแยกราชประสงค์ พบรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองคันหนึ่งเป็นผู้มาส่ง และหลังจากนั้นเพียงไม่นานผู้ขับขี่รถแท็กซี่คันนี้ก็เดินทางเข้าพบตำรวจ
ผู้ขับขี่รถแท็กซี่อ้างว่า รับชายสวมเสื้อสีเหลืองรายนี้มาจากริมถนนพระราม 4 ใกล้กับอาคารชาญอิสสระ ก่อนจะนำไปส่งที่ใกล้กับสถานีรถไฟหัวลำโพง แต่เท่าที่สังเกตกระเป๋าเป้ที่เห็นน่าจะเป็นคนละใบ ตำรวจได้ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของผู้ขับขี่รถแท็กซี่รายนี้ ซึ่งพบประวัติการใช้ที่ขัดกับคำให้การ เพราะในห้วงเวลานั้นกลับพบว่ามีการใช้โทรศัพท์ของเขาอยู่ในย่านเยาวราช ไม่ใช่ในละแวกอาคารชาญอิสสระ และยังพบว่าเขายังใช้โทรศัพท์ติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยหลายครั้ง ซึ่งจนถึงขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามคำให้การของผู้ขับขี่รถโดยสารทั้ง 3 ราย นำมาสู่การสะเก็ตช์ภาพคนร้าย ก่อนจะนำมาสู่การออกหมายจับ ที่สำคัญคือ “ธนบัตร” ที่ชายต้องสงสัยจ่ายเป็นค่าโดยสารให้แก่ผู้ขับขี่รถสาธารณะทั้ง 3 ราย ถูกส่งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝง ซึ่งนั่นจะกลายเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งที่จะยืนยันตัวผู้กระทำความผิดภายหลังจากมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย
ขณะที่กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้กับท่าน้ำสาทร บันทึกภาพชายเสื้อฟ้าที่นำถุงซึ่งคาดว่าบรรจุระเบิดไว้ภายในมาวางไว้ที่สะพานทางเชื่อมท่าเรือสาทรก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยลงไปในน้ำ ชายรายนี้ลักษณะคล้ายชายชาวเอเชีย ซึ่งภาพที่ปรากฏนำไปสู่การออกหมายจับเช่นกัน
ข้อมูลที่ได้จากคำให้การของพยานรวมถึงภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ที่ยืนยันถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องสงสัยทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ถูกนำมาวิเคราะห์ ก่อนจะถูกประมวลเป็นฐานข้อมูลในการปูพรมค้นหาคนร้าย
เริ่มจาก แยกราชประสงค์ สวนลุมพินี สีลมซอย 9 ท่าเรือสาทร สถานีรถไฟหัวลำโพง เยาวราช รวมถึงอาคารอิสสระ ถนนพระราม 4 โดยกำหนดรัศมีในการเอกซเรย์พื้นที่ในอาณาเขต 5 ตารางกิโลเมตร
การตรวจสอบทำ 2 ปฏิบัติการแบบคู่ขนาน ทั้งภาคพื้นดินคือ การส่งชุดตรวจสอบลงตรวจค้นตามสถานที่ต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายอาจจะใช้เป็นแหล่งซุกซ่อนตัวหลังจากการก่อเหตุในรัศมี 5 ตารางกิโลเมตรนับจากแยกราชประสงค์ ก่อนขยายพื้นที่ตรวจสอบไปในทุกชุมชนทั่วกรุงเทพมหานคร ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “ปิดเมืองค้นรังโจร”
ส่วนปฏิบัติการทางอากาศ คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีได้เข้าไปตรวจสอบการสื่อสารในละแวกจุดเกิดเหตุ โดยการนำข้อมูลการใช้โทรศัพท์ในห้วงเวลานั้น ซึ่งมีนับแสนหมายเลขมาวิเคราะห์ กระทั่งพบความเชื่อมโยงของคนกลุ่มหนึ่ง
การตรวจสอบข้อมูลสื่อสารพบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ปรากฏล่าสุดที่ จ.กระบี่ ชุดตรวจสอบภาคพื้นดินจึงเข้าพื้นที่ตรวจสอบทันที แต่ต้องพบความผิดหวัง เพราะคนกลุ่มนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น
ชุดวิเคราะห์ข้อมูลด้านการสื่อสารต้องใช้ความพยายามครั้งใหม่ กระทั่งพบความเชื่อมโยงของผู้ต้องสงสัยอีกกลุ่ม ซึ่งมีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันในย่านจุดเกิดเหตุต่อเนื่องกันหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีก และการตรวจสอบยังพบความเคลื่อนไหวไปปรากฏที่ย่านหนองจอก
ชุดตรวจสอบภาคพื้นดินจึงลงพื้นที่หาข่าว และราวกับปาฏิหาริย์เมื่อการเดินทางครั้งนี้พบพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลว่า หอพักบริเวณปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 ย่านหนองจอก เป็นแหล่งที่พักของชาวต่างชาติ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดพักอาศัยอยู่ ตำรวจจึงเข้าไปแฝงตัวเพื่อตรวจสอบอยู่ระยะเวลาหนึ่ง กระทั่งพบความผิดปกติที่ชั้น 4 ของอพาร์ตเมนต์ที่ว่า
ข้อมูลการตรวจสอบพบว่า บริเวณชั้น 4 ของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีชายชาวต่างชาติซึ่งมักอ้างว่าเป็นชาวตุรกีเข้ามาพักอาศัย พฤติการณ์ดูแปลกๆ ชอบเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องพัก ปกติไม่สุงสิงกับใคร ตำรวจจึงประสานทหารเข้าตรวจค้น
“อาเดม คาราดัก” ชื่อปรากฏในพาสปอร์ต ซึ่งตำรวจตรวจสอบแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นของปลอม ซึ่งอ้างว่าเป็นชาวตุรกี ถูกตำรวจและทหารควบคุมตัวได้ภายในห้องหมายเลข 412 ในอพาร์ตเมนต์ เขาถูกควบคุมตัวหลังจากค้นพบวัสดุที่ใช้ในการประกอบวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่ง ที่สำคัญคือลูกปืน และฝักแคที่ใช้เป็นตัวจุดชนวนสีชมพู ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับสะเก็ดระเบิดและเศษระเบิดที่พบในจุดเกิดเหตุทั้งที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร จึงถูกควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผล พร้อมกับถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
การขยายผลพบว่า ห้องพัก 5 ห้องที่ตำรวจเชื่อว่าจะเป็นที่พักของผู้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดทั้งที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ปรากฏชื่อ อาห์เม็ท โบซองแลน ซึ่งอ้างว่าเป็นชาวตุรกีมาเปิดห้องให้แก่พรรคพวกพักอาศัยตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2557 และปรากฏชื่อ อลิ โจลัน เป็นผู้พักอาศัยในห้องเลขที่ 412 แต่ขณะตำรวจและทหารเข้าตรวจค้นไม่พบทั้ง 2 คนนี้ มีเพียง “อาเดม คาราดัก” อยู่ในห้อง 412 พร้อมกับวัสดุที่ใช้ประกอบระเบิด และพาสปอร์ตซึ่งตรวจสอบแล้วพบเป็นของปลอมกว่า 200 เล่ม
อาเดม คาราดัก ใช้อีกชื่อคือ บิลาล มูฮัมหมัด แต่ตำรวจไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าชื่อนั้นจะเป็นชื่อจริงหรือไม่ เช่นเดียวกับสัญชาติของเขา แม้ตัวเขาจะยืนยันว่าเป็นชาวตุรกีก็ตาม ชายที่อ้างว่าเป็นชาวตุรกี ที่ปรากฏมีชื่อพัวพันกับการเช่าห้องพักที่นี้ทั้งหมดถูกออกหมายจับ
ขณะที่การขยายผลยังทราบว่ากลุ่มชาวต่างชาติกลุ่มนี้มีการไปมาหาสู่กับชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ที่ถนนราษฎร์อุทิศ ย่านมีนบุรี ตำรวจและทหารจึงขยายผลไปตรวจค้นที่หอพักแห่งหนึ่ง พบบุคคลที่อ้างว่าเป็นชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่ โดยภายในมีสารเคมี ปุ๋ยยูเรีย และดินเทา จำนวนหนึ่ง จึงคุมตัวชายผู้นี้ไปขยายผล และตรวจสอบพบว่าห้องเช่าที่นี้มี น.ส.วรรณา สวนสันต์ ชาว ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา เป็นผู้เปิดห้องเช่าไว้ จึงมีการออกหมายจับหญิงชาวไทยรายนี้ พร้อมกับสามีของเธอ ซึ่งเป็นชาวตุรกี
หญิงชาวไทยรายนี้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยวางระเบิดแยกราชประสงค์อย่างไร
ติดตามต่อตอนหน้า
--------------------
--------------------
(เรื่องเล่าข่าวดัง : ปิดเมืองล่า (3) ทีมบึ้มราชประสงค์ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม)