
เปิดปมบึ้มราชประสงค์โยงกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงตุรกี
เปิดปมบึ้มราชประสงค์โยง กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงตุรกี
ความพยายามที่จะเชื่อมโยงเหตุระเบิดราชประสงค์กับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในประเทศตุรกี นี้เป็นหนึ่งในหลายทฤษฎีที่ฝ่ายสืบสวนใช้ในการอธิบายเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทฤษฎีนี้่มีน้ำหนักมากขึ้นทุกที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตำรวจต้องจับกุมชายผู้ต้องสงสัย ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนเชื้อสายตุรกี ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านหนองจอก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับอุปกรณ์ประกอบระเบิดมากมาย และหลังจากนั้นตำรวจก็กำลังพุ่งความสนใจไปที่ชาวตุรกีกลุ่มหนึ่งประมาณ 20 คน ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยประมาณ 15 วันก่อนเกิดเหตุ
ทั้งหมดนี้ก็ทำให้สิ่งที่เรียกว่า เตอร์กิช คอนเนกชั่น (turkish connections) หรือว่า ความสัมพันธ์กับตุรกีนั้น เป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาทันที เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ และเพื่อจะตอบคำถามที่ว่าเป็นไปได้ไหม ที่กลุ่มหัวรุนแรงในตุรกีนั้น อาจจะเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ดร.ศราวุฒิ อารีย์ รอง ผอ.ศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ กล่าวในรายการชั่วโมงที่ 26 ทางช่อง NOW26 เมื่อคืนวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ว่า เหตุระเบิดที่ราชประสงค์ในช่วงแรกก็มีการตั้งข้อสังเกต ตั้งสมมุติฐานไว้หลายประการ ไม่ว่าจะโยงไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงที่ภาคใต้ ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า การก่อความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ก็จะอยู่ในขอบเขตพื้นที่ และรูปแบบของระเบิดก็ไม่ตรงกัน
ในขณะเดียวกัน เชื่อว่าในช่วงแรกๆ สื่อต่างประเทศพยายามชี้นำว่า เป็นการก่อการร้ายสากล โดยนำข้อมูลของการระเบิดในอินโดนีเซียของกลุ่มเจไอมาสนับสนุน ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ไม่น่าจะใช่ เพราะหากเป็นการกระทำของการก่อร้ายการสากลจะมีการออกมาอ้างความรับผิดชอบ อย่างในหลายๆ กรณี อย่างเช่น ที่ตูนิเซีย กลุ่มไอเอสก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพราะเขาต้องการผลงาน แต่เหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ จนถึงขณะนี้ยังไม่กลุ่มไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ในขณะเดียวกัน บางคนก็คิดว่า เป็นการเมืองภายในของบ้านเราเอง ซึ่งมาถึงวันนี้ โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า มีน้ำหนักน้อยมาก
แต่ประเด็นที่พอจะมีน้ำหนักมาก นั่นก็คือ กลุ่มชาตินิยมขวาจัดในประเทศตุรกี เพราะล่าสุดมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา อย่างเช่นเรื่องประเทศไทยส่งชาวอุยกูร์ส่งกลับไปให้จีน ซึ่งก็สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวตุรกีจำนวนหนึ่ง จะเห็นได้ว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีการประท้วงจีนในประเทศตุรกีในช่วงเดือนรอมฎอน แล้วก็เป็นกระแสที่ชาวตุรกีต่อต้านจีนอย่างหนัก แต่ในช่วงจังหวะลุกฮือต่อต้านจีนก็มีข่าวว่า ประเทศไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ประมาณ 109 คน กลับไปประเทศจีน กระแสข่าวนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวตุรกี
ผมเองเพิ่งกลับมาจากซินเจียง ในช่วงที่เดินทางไปซินเจียงก็ได้พบกับนักวิชาการของตุรกีที่นั่น ก็สอบถามเรื่องนี้ เขาก็บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก และเป็นเรื่องที่ชาวตุรกี ซึ่งมีแนวคิดชาตินิยมขวาจัดไม่พอใจ
ผมคิดว่าขบวนการชาตินิยมขวาจัดของตุรกีมีการเคลื่อนไหวในลักษณะของการใช้ความรุนแรงมาตั้งแต่ต้น จะเห็นได้ว่า กลุ่มนี้มีแนวคิดในลักษณะที่จะรวมประชาชนชาวเติร์กทั้งหลายให้มารวมอยู่ในดินแดนเดียวกัน ในขณะเดียวกันก็มีความเชื่อว่า ชนชาติเติร์กมีความเหนือกว่าชนชาติอื่นๆ
มุสลิมอุยกูร์ เป็นชนชาติหนึ่งที่รวมอยู่ในเติร์ก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มุสลิมอุยกูร์ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน ในดินแดนซินเจียง เพราะฉะนั้น วันนี้การใช้ความรุนแรงของชาตินิยมขวาจัดบางทีอาจจะไม่ใช่เกี่ยวโยงกับมุสลิมอุยกูร์ นั่นหมายถึง มุสลิมอุยกูร์ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ เพียงแต่ว่า กลุ่มขบวนการชาตินิยมตุรกีมีประวัติของการใช้ความรุนแรง
ในช่วงที่เขาเกิดขึ้นใหม่ ในช่วงปี 1960 เขาก็เริ่มใช้ความรุนแรงกับกลุ่มการเมืองที่เห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสรีนิยม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซ้าย หรือ ฝ่ายขวา หรือแม้แต่กลุ่มที่นิยมแนวทางอิสลามเขาก็ใช้ความรุนแรง นอกจากนี้แล้วโจมตี ต่อสู้ ทำร้าย ผู้ที่มีชาติพันธุ์ไม่เหมือนกับเขา อย่างเช่นการใช้ความรุนแรงกับชาวเคิร์ดในประเทศตุรกี รวมทั้งใช้การใช้ความรุนแรงกับชนกลุ่มน้อยอาลาวี
ในช่วงปี 1980 ก็มีข่าวดังทั่วโลก คือ การพยายามใช้ความรุนแรงลอบสังหาร สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยเห็นการใช้ความรุนแรงในต่างประเทศมากนัก
สำหรับผู้อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนนั้น เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากที่ ข้อมูลการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยมีข้อมูลออกมาปรากฏมากนัก ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้ว่า ในขณะนี้ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งเงินทุน และการจัดหาอาวุธให้
เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นที่สถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ที่อิสตัลบูล ประเทศตุรกี ก่อนหน้านี้ นับว่านอกเหนือความคาดหมาย เพราะการเมืองของตุรกีจากที่ติดตามมาระยะหนึ่ง จะมีลักษณะของการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มที่แนวคิดอิสลามนิยม ซึ่งวันนี้ก็เป็นรัฐบาล กับกลุ่มที่มีแนวคิดชาตินิยม
ดังนั้นฝ่ายความมั่นคง หน่วยข่าวกรองของไทย จะต้องศึกษาข้อมูลการเคลื่อนไหวกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ถึงแม้จะโยงกับเหตุการณ์ที่ราชประสงค์หรือไม่ก็ตาม
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า เป็นปัญหาการใช้ความรุนแรง อันเกี่ยวเนื่องกับชาติพันธุ์ ชาตินิยม เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้สึกว่า ชาติพันธุ์ของตนเองเหนือกว่าชาติอื่นๆ เพราะฉะนั้นปัญหาอย่างนี้ไม่ได้เป็นคนที่สังกัดในประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นเครือข่ายที่สลับซับซ้อน เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในหลายส่วนของภูมิภาค เพราะฉะนั้นการจัดการปัญหาโดยเฉพาะปัญหาที่มีคนจำนวนหนึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เป็นปัญหาที่เราจะต้องระมัดระวังในการจัดการ เพราะเรื่องนี้อาจจะเชื่อมโยงกับเรื่องของชาติพันธุ์
อย่างที่เห็นชัดเจนก็คือ เรื่องการส่งชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีน ซึ่งสร้างความเจ็บแค้น สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวตุรกีจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีน้ำหนักมาก อันจะเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ