
ผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติปัดเอี่ยวเหตุบึ้มราชประสงค์-สาทร
30 ส.ค. 2558
"ประวุฒิ" เผย ผู้ต้องสงสัย "ชาวต่างชาติ" ปัดเอี่ยาเหตุระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร ทหาร-ตร. เค้นสอบในพันร.มทบ.11 สถานทูตตุรกีพร้อมร่วมมือ
วันที่ 30 สิงหาคม 2558 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดราชประสงค์ ที่อพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งย่านหนองจอกว่า ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยได้ถูกควบคุมตัวคามกฏอัยการศึกเป็นเวลา 7 วัน และเจ้าหน้าที่ทหารกำลังสอบสวนขยายผลโดยใช้ล่ามภาษาอังกฤษ และล่ามภาษาอื่นๆ ที่เทียบเคียงกับภาษาที่ผู้ต้องสงสัยพูด
เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยยังให้การปฎิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดที่ราชประสงค์และท่าเรือสาทร และล่าสุดสถานฑูตตุรกีได้ออกมายืนยันแล้วว่าจากการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยไม่ใช่คนสัญชาติตุรกีแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นพลเมืองของประเทศใด ทั้งนี้ได้มีสถานทูตต่างๆ ติดต่อประสานงานมายังเจ้าหน้าที่ว่าจะให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบประวัติและสัญชาติของผู้ต้องสงสัย
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ในเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะได้เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องสงสัยอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายในที่มณฑลทหารบกที่ 11 ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา คาดว่าคงต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวน เนื่องจากว่าตัวผู้ต้องสงสัยพูดภาษาไทยไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ล่ามภาษาอังกฤษ และภาษาเทียบเคียงที่คาดว่าจะพูดได้เข้ามาช่วยในการสื่อสาร
รองโฆษก ตร.กล่าวต่อว่า สำหรับด้านการพิสูจน์อื่นๆได้มีการเก็บหลักฐาน อาทิ โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และรองเท้านำไปตรวจหาดีเอ็นเอ โดยเฉพาะข้อมูลในโทรศัพท์จะทำการตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ย้อนหลังอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยมีการถอดชิปเพื่อสืบหาข้อมูลการโทรศัพท์ ซึ่งสามารถกู้ข้อมูลได้ ส่วนการพิสูจน์สัญชาติของผู้ต้องสงสัยนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบร่วมกับสถานฑูตหลายๆ ชาติที่คาดว่าผู้ต้องหาจะเป็นคนชาตินั้น ซึ่งผู้ต้องสงสัยให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ โดยเล่าว่าเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างไร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ ต้องใช้พยานหลักฐานอื่นๆมาประกอบ เช่น ข้อมูลโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม ตัวผู้ต้องสงสัยยังไม่ได้รับว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของเพื่อนที่ร่วมขบวนการมีความชัดเจนหรือยังว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ยังเร็วไปที่จะสรุป เพราะว่าเราได้ภาพถ่ายข้อมูลที่เป็นกลุ่มของผู้ร่วมขบวนการหลายคน ก็ขอทำการตรวจสอบก่อน เพราะว่าข้อมูลที่ได้จากพาสปอร์ตปลอม เราเชื่อถือตรงนั้นไม่ได้ คงเชื่อได้แค่รูปถ่าย เพราะว่ารูปน่าจะจริง ส่วนพาสปอร์ตที่พบในห้องของผู้ต้องสงสัยอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนที่มีการรายงานข่าวว่า ผู้ต้องสงสัยยอมรับว่าเดินทางมาจากกรุงอิสตันบูล และเข้าประเทศไทยผ่านทางเวียดนามและลาวอีกทีนั้น ยังไม่ได้มีการสอบปากคำไปถึงประเด็นนั้น ในเบื้องต้นทราบเพียงว่าผู้ต้องสงสัยมาจากต่างประเทศ และมาพักที่ประเทศหนึ่งในเอเชีย ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย
รองโฆษก ตร.กล่างอีกว่า ส่วนสาเหตุในการก่อเหตุยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นความแค้นส่วนตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้มีการกวาดล้างจับกุมชาวต่างชาติ โดยหลังจากจับกุมผู้ต้องสงสัยได้เมื่อวาน ทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้สกัดจับผู้ร่วมขบวนการที่เตรียมหนีออกนอกประเทศตามภาพที่เราได้มาจากหลักฐานในที่เกิดเหตุเมื่อวาน และทั้งจากการสืบสวนของตำรวจก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้ประสานตำรวจต่างประเทศในการจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่อาจหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
"ลักษณะของชิ้นส่วนที่พบในห้องพักของผู้ต้องสงสัยบางอันคล้ายกับเหตุระเบิดก่อนหน้านี้โดยเฉพาะฝักแคระเบิดเป็นชนิดเดียวกับที่ตำรวจเจอในที่เกิดเหตุระเบิดท่าน้ำสาทรจากหลักฐานที่พบสันนิษฐานได้ว่า เตรียมจะก่อเหตุอีกหลายจุด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังมีข้อมูลของสัญญาณโทรศัพท์ว่าผู้ต้องสงสัยเคยเดินทางไปยังจุดที่ต้องสงสัยซึ่งเป็นจุดที่มีความสำคัญต่อเหตุการณ์นี้ แต่จะเป็นหัวลำโพงตามที่มีรายงานข่าวหรือไม่ ยังไม่ทราบ" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่าผู้ต้องสงสัยเป็นหนึ่งในผู้ที่ก่อเหตุระเบิดทั้งสองจุดหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ยังยืนยันไม่ชัดเจน แต่ผู้ต้องหาเป็นหนึ่งในขบวนการแน่นอน แต่ยังบอกไม่ได้ว่าทำหน้าที่อะไร ส่วนจะใช้คนร้ายที่ตำรวจออกหมายจับตามภาพสเก็ตหรือไม่นั้น ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอจากธนบัตรที่คนร้ายจ่ายเป็นค่ารถแท็กซี่ และจากในตัวรถเพื่อยืนยันตัวอีกที" โฆษก ตร. กล่าว
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนสาเหตุที่การเรียกสอบปากคำคนขับรถแท็กซี่ในวันเกิดเหตุหลายครั้ง เนื่องจากการให้การสับสน และยังไม่ตรงกับพยานหลักฐาน อีกทั้งพบว่าข้อมูลทางโทรศัพท์ของคนขับแท็กซี่มีการติดต่อกับผู้ต้องสงสัยหลายครั้ง ทั้งนี้ ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ซึ่งได้สั่งการไปอีกมากกว่า 10 ประเด็น อาทิ การเข้าปิดล้อมตรวจค้นจุดอื่นๆ เพิ่มเติม การวิเคราะห์ข้อมูลจากพยานหลักฐานที่ได้ ส่วนจะออกหมายจับบุคคลใดเพิ่มเติมต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อน
ทหาร-ตร. เค้นสอบชายต่างชาติในพันร.มทบ.11
แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้สอบปากคำผู้ต้องสงสัยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยได้บันทึกคำให้การไว้ทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งในวันนี้ (30 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำเพิ่มเติมอีก ทั้งเรื่องการเช่าห้องพัก และอุปกรณ์ประกอบระเบิดต่างๆที่พบภายในห้องพัก รวมถึงพาสปอร์ตปลอม อีกทั้งอาจเกี่ยวข้องกับการดำเนินการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำกล้องวงจรปิดของหอพักและบริเวณโดยรอบหอพักไปตรวจสอบด้วยว่ามีบุคคลที่เดินเข้าออกภายในหอพักอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะผู้ที่มาเช่าห้องพักว่าเป็นใคร ในชั้นนี้ยังไม่ตัดประเด็นหนึ่งประเด็นใดทิ้ง เพราะต้องสอบสวนอีกหลายประเด็น เนื่องจากสามารถนำมาเกี่ยวโยงกันได้ทั้งหมด ส่วนตัวชายผู้ต้องสงสัยนั้นขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวอยู่ใน กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พันร.มทบ.11) อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ในฐานความผิดคดีความมั่นคง
สถานทูตตุรกีพร้อมร่วมมือไทยต้านก่อการร้าย
เว็บไซต์สำนักข่าวไทยรายงานว่า วันนี้ สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ออกคำแถลงของสถานทูตเกี่ยวกับรายงานข่าวคาดการณ์เชื่อมโยงชาวตุรกีกับกรณีเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.58 ก่อให้เกิดความสูญเสียที่เศร้าสลด ทั้งมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย โดยเมื่อวันที่ 18 ส.ค. รมว.ต่างประเทศของสาธารณรัฐตุรกีส่งสาส์นแสดงความเสียใจมายัง รมว.ต่างประเทศของราชอาณาจักรไทย โดยในสาส์นดังกล่าว รมว.ต่างประเทศตุรกีแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และในฐานะตัวแทนประเทศตุรกี ได้ประณามอย่างรุนแรงต่อการก่อการร้ายดังกล่าว พร้อมแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย
ประเทศตุรกีมีจุดยืนที่มั่นคงในการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ไม่ว่าการก่อการร้ายนั้นจะมีแหล่งที่มาต้นกำเนิด หรือแรงจูงใจอย่างใดก็ตาม ประเทศตุรกียังคงมีนโยบายต่อสู้กับการก่อการร้ายอย่างเด็ดเดี่ยว
เกี่ยวกับการรายงานข่าว ที่มีการคาดการณ์ระบุว่ามีชาวตุรกีพัวพันกับเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณนั้น ประเทศตุรกีได้ส่งสาส์นแสดงจุดยืนในการต่อต้านการก่อการร้ายไปถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอังการา และได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทางการไทย หากทางการไทยมีข้อมูลที่แน่ชัดซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ตามรายงานข่าว และทางสถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทยยังได้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว
จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เราติดตามข่าวด้วยความเศร้าสลด ต่อการรายงานข่าวและบทวิเคราะห์คาดการณ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงชาวตุรกีกับเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ และขอยืนยันจุดยืนในการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประเทศไทย ตลอดจนยืนยันความพร้อมของเราในการให้ความร่วมมือกับทางการไทย
บุกค้นอพาร์ทเมนต์ย่านมีนบุรีล่าแก๊งบึ้มแต่เหลว
เมื่อเวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 รักษาพระองค์ และตำรวจ สน.มีนบุรี ได้ร่วมกันนำหมายศาลเข้าปิดล้อมตรวจค้นอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 ย่านมีนบุรี หลังจากสอบปากคำเจ้าของอพาร์ทเมนต์ย่านหนองจอก ทราบว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ที่ถูกตำรวจจับตัวได้เมื่อวานที่ผ่านมา ได้มาเปิดห้องพักอีกแห่งไว้ที่ย่านมีนบุรี จำนวน 4 ห้อง จึงได้ประสานกำลังทหารเข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พบถุยปุ๋ยยูเรีย 2 ถุง และดินเทา ซึ่งเป็นวัตถุนำไปประกอบระเบิด แต่เนื่องจากการปิดล้อมเมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่มีหมายศาล วันนี้จึงได้นำกำลังตำรวจเข้าตรวจค้นอีกรอบ โดยการปิดล้อมตรวจค้นทุกห้องพักกว่า 21 ห้อง จาก 30 ห้อง เพื่อหาวัตถุต้องสงสัย ซึ่งในเบื้องต้นไม่พบวัตถุต้องสงสัย
ด้าน พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 กล่าวยืนยันเมื่อคืนที่ผ่านมา ไม่มีการควบคุมชายชาวต่างชาติต้องสงสัยเพิ่มเติ่มแต่อย่างใด ยังคงมีเพียงผู้ต้องสงสัยที่จับกุมได้ที่อพาร์ทเมนต์ย่านหนองจอกคนเดียวเท่านั้น