ข่าว

ปิดเมืองล่า (2) ทีมบึ้มราชประสงค์

ปิดเมืองล่า (2) ทีมบึ้มราชประสงค์

30 ส.ค. 2558

เรื่องเล่าข่าวดัง : ปิดเมืองล่า (2) ทีมบึ้มราชประสงค์ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม

 
                      กล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบแยกราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงนับ 100 ตัว เป็นสิ่งที่จะชี้เบาะแสของมือระเบิด ตำรวจชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และชุดสืบสวนพิเศษของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ให้เป็นหัวหน้าทีมในการคลี่คลายคดีระเบิดภายในบริเวณศาลท้าวมหาพรหม
 
                      แต่ระหว่างการตรวจสอบหาคนร้ายก็เกิดเหตุรุนแรงซ้ำที่ท่าเรือสาทร เมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 18 สิงหาคม หลังเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ยังไม่ทันครบ 24 ชั่วโมง โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เพราะระเบิดถูกหย่อนลงไปในน้ำ
 
                      ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และตำรวจพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบหาชิ้นส่วนของวัตถุระเบิดที่คนร้ายนำมาใช้ พบว่าชิ้นส่วนของวัตถุระเบิดที่คนร้ายนำมาก่อเหตุทั้งสองจุดมีความคล้ายกัน โดยน่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่องใช้ทีเอ็นทีเป็นดินระเบิด มีลูกเหล็ก หรือลูกปืน เป็นสะเก็ดระเบิด โดยการประกอบระเบิดขึ้นมานั้นค่อนข้างพิถีพิถัน มีการระเบิดที่สมบูรณ์ จนแทบจะไม่หลงเหลือชิ้นส่วน
 
                      ที่สำคัญเมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่าระเบิดที่เกิดขึ้นทั้ง 2 จุดนี้ ไม่เคยมีประวัติว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย แม้แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดเหตุระเบิดเพราะความไม่สงบอยู่บ่อยครั้งก็ตาม
 
                      การหาเบาะแสของคนร้ายจากการตรวจสอบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดของตำรวจเริ่มเห็นเข้าลาง เมื่อเจอภาพผู้ต้องสงสัยปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบของศาลท้าวมหาพรหม จุดแรกของระเบิด ซึ่งปรากฏภาพชายต้องสงสัยสวมเสื้อเหลือง ลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ สะพายเป้เข้ามาในบริเวณจุดเกิดเหตุแล้ววางไว้ใต้ม้านั่งก่อนจะกลับออกไป
 
 
ปิดเมืองล่า (2) ทีมบึ้มราชประสงค์
 
 
                      กล้องวงจรปิดตัวแรกที่พบคือกล้องวงจรปิดบริเวณทางเข้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ บันทึกภาพชายคนนี้ได้ในเวลา 18.36.52 น. ของวันที่ 17 สิงหาคม ขณะลงจากรถสามล้อซึ่งได้กลับรถมาจอดใกล้กับบริเวณนั้น ชายคนสวมเสื้อยืดสีเหลือง สวมกางเกงขาสามส่วนสีน้ำเงิน รองเท้าสีดำ พื้นสีแดง สะพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลัง และเวลา 18.37.12 น. กล้องทางเข้าโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ พบภาพรถสามล้อขณะกำลังจอดพร้อมกับที่คนร้ายลงจากรถ
 
                      เวลา 18.37.35 น. กล้องทางเข้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ พบภาพขณะที่คนร้ายหยิบกระเป๋าลงจากรถสามล้อ 18.37.51 น. กล้องทางเข้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ พบภาพขณะรถสามล้อขับออกจากจุดพร้อมกับที่คนร้ายเดินขึ้นไปทางศาลพระพรหมเอราวัณ เวลา 18.49.30 น. กล้องทางเข้าโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ พบภาพขณะคนร้ายเดินผ่านไปทางศาลพระพรหมเอราวัณ เวลา 18.49.37 น. กล้องทางเข้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ พบคนร้ายเดินผ่านไปทางศาลพระพรหมเอราวัณ
 
                      เวลา 18.50.19 น. กล้องหน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาล) คนร้ายเดินผ่านไปทางศาลพระพรหมเอราวัณ เวลา 18.51.00 น. กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายเดินเข้ามาภายในศาลพระพรหมเอราวัณ เวลา 18.51.05 กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายเดินไปบริเวณเก้าอี้ม้านั่ง(ภายในศาลพระพรหมเอราวัณฝั่งริมรั้วศาล ด้านถนนเพลินจิต) เวลา 18.51.55 น. กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายนั่งลงเก้าอี้ม้านั่ง (ภายในศาลพระพรหมเอราวัณฝั่งริมรั้วศาล ด้านถนนเพลินจิต) เวลา 18.52.00 น. กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายปลดกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้ที่หลังวางลงที่เก้าอี้ม้านั่ง (ภายในศาลพระพรหมเอราวัณฝั่งริมรั้วศาล ด้านถนนเพลินจิต) เวลา 18.52.05 น. กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายขณะยืนขึ้นจากเก้าอี้ม้านั่ง (ภายในศาลพระพรหมเอราวัณฝั่งริมรั้วศาล ด้านถนนเพลินจิต) เวลา 18.52.16 น. กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายขณะกำลังหยิบถุงพลาสติกขึ้นมา
 
                      เวลา 18.52.20 น. กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายเดินออกมาจากเก้าอี้ม้านั่งจุดที่วางเป้สะพายเรียบร้อยแล้ว เวลา 18.52.26 น. กล้องภายในศาลพระพรหม พบคนร้ายเดินออกศาลพระพรหมเอราวัณ เวลา 18.53.05 น. กล้องภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาลพระพรหม) พบคนร้ายขณะเดินผ่านกลับไปทางด้านซอยมหาดเล็กหลวง เวลา 18.53.07 น. กล้องภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาลพระพรหม) พบคนร้ายขณะเดินผ่านกลับไปทางด้านซอยมหาดเล็กหลวง
 
                      เวลา 18.53.07 น. กล้องภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาลพระพรหม) พบคนร้ายขณะเดินผ่านไปทางบีทีเอส ราชดำริ เวลา 18.53.47 น. กล้องภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาลพระพรหม) พบคนร้ายขณะเดินผ่านไปทางบีทีเอส ราชดำริ เวลา 18.53.53 น. กล้องภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาลพระพรหม) พบคนร้ายขณะเดินผ่านไปทางบีทีเอส ราชดำริ เวลา 18.53.57 น. กล้องภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาลพระพรหม) พบคนร้ายขณะเดินผ่านไปทางบีทีเอส ราชดำริ เวลา 18.54.43 น. กล้องภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ (จุดใกล้ศาลพระพรหม) พบคนร้ายขณะเดินผ่านไปทางบีทีเอส ราชดำริ เวลา 18.55.18 น. กล้องบริเวณจุดทางเดินสกายวอล์ก จับภาพขณะเกิดเหตุระเบิด เวลา 18.55.18 น. กล้องฝั่งถนนเพลินจิต จับภาพขณะเกิดเหตุระเบิด เวลา 18.55.18 น. กล้องภายในศาลพระพรหม จับภาพขณะเกิดเหตุระเบิด
 
 
ปิดเมืองล่า (2) ทีมบึ้มราชประสงค์
 
 
                      ภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดนำไปสู่การติดตามหาพยาน โดยรายแรกคือผู้ขับขี่รถสามล้อที่ปรากฏภาพนำชายรายนี้มาส่งบริเวณจุดเกิดเหตุ และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ได้รับการว่าจ้างจากชายคนนี้ให้พาออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งต่อมาทั้งสองคนเข้าให้การกับตำรวจสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน ตำรวจได้สเก็ตช์ภาพจากคำให้การ ก่อนจะมีการออกหมายจับชายเสื้อเหลืองตามภาพถ่ายที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด และภาพสเก็ตช์
 
                      การขยายผลยังพบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดบริเวณปากซอยจุฬา 9 ขณะที่ชายเสื้อเหลืองรายนี้โดยสารรถสามล้อมายังแยกราชประสงค์ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของคนขับรถสามล้อที่ยอมรับว่าใช้เส้นทางนั้น เพราะได้รับการว่าจ้างจากชายเสื้อเหลืองรายนี้จากบริเวณใกล้กับสถานีรถไฟหัวลำโพง 
 
                      ขณะที่กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้กับท่าน้ำสาทร บันทึกภาพชายเสื้อฟ้าที่นำถุงซึ่งคาดว่าบรรจุระเบิดไว้ภายในมาวางไว้ที่สะพานทางเชื่อมท่าเรือสาทรก่อนที่จะใช้เท้าเขี่ยลงไปในน้ำ ชายรายนี้ลักษณะคล้ายชายชาวเอเชีย ซึ่งภาพที่ปรากฏนำไปสู่การออกหมายจับเช่นกัน
 
                      การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งสองแห่งพบสอดคล้องกันชายต้องสงสัยใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งตำรวจเชื่อว่านั้นคือการใช้แอพพลิเคชั่นสื่อสารกันในกลุ่มผู้รู้เห็นกับเหตุระเบิดครั้งนี้
 
 
ปิดเมืองล่า (2) ทีมบึ้มราชประสงค์
 
 
                      ตำรวจได้ใช้เทคโนโลยีตรวจสอบ กระทั่งพบความเชื่อมโยงของบุคคลที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้ และเชื่อว่า เหตุระเบิดมีการทำกันเป็นกระบวนการ โดยน่าจะมีผู้ที่นำระเบิดมาส่งให้แก่มือระเบิดในย่านหัวลำโพง ต่อมาตรวจสอบพบว่าคนกลุ่มนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ย่านหนองจอก จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบพยานรายสำคัญซึ่งให้ข้อมูลว่า มีชายชาวต่างชาติมีพฤติการณ์น่าสงสัยเข้ามาพักที่อพาร์ตเมนต์ บริเวณปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 ย่านหนองจอก 
 
                      ตำรวจสนธิกำลังเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวชายซึ่งอ้างว่าเป็นชาวตุรกี พักอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ และตรวจพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิดจำนวนมาก โดยบางส่วนที่พบใกล้เคียงกับเศษวัตถุระเบิดที่ตรวจพบในจุดที่เกิดระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร
 
                      เบาะแสใดที่ทำให้ตำรวจเชื่อว่าชายผู้นี้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย
 
 
 
                      ติดตามต่อตอนหน้า 
 
 
 
--------------------
 
 
--------------------
 
(เรื่องเล่าข่าวดัง : ปิดเมืองล่า (2) ทีมบึ้มราชประสงค์ : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม)