อุดมเดชทำบุญครบ29ปีทบ.
28 ส.ค. 2558
ผบ.ทบ. นำกำลังพลทำบุญวันคล้ายวันเปิดกองบัญชาการกองทัพบก ครบ 29 ปี ขอให้กำลังพลภูมิใจ ทบ.มีหน้าที่แก้วิกฤติชาติ-รักษาความสงบ ย้ำคดีบึ้มคืบหน้า ขอเวลาจนท.ทำงาน
28 ส.ค.58 ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในกองบัญชาการกองทัพบก เวลา 07.00 น. วันที่ 28 ส.ค.58 พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลและตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 84 รูป เนื่องในวันคล้ายวันเปิดกองบัญชาการกองทัพบก ครบรอบปีที่ 29 โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่และกำลังพลจาก 14 หน่วยร่วมพิธี ตลอดจนถึงประชาชนรอบๆกองบัญชาการกองทัพบก
หลังจากนั้น พล.อ.อุดมเดช ได้พบปะกับประชาชนรอบกองบัญชาการกองทัพบก พร้อมมอบของที่ระลึก และกล่าวว่า ขอขอบคุณที่อยู่ร่วมกันมานาน ทุกข์สุขก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตลอดจนการทำประโยชน์ให้กับกองทัพบกอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งร่วมกิจกรรม ที่แสดงถึงความมีน้ำใจต่อกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด ขอให้เป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานให้มีกำลังใจในการพัฒนาประเทศต่อไป
จากนั้น เวลา 07.40 น. พล.อ.อุดมเดช เข้าร่วมประกอบพิธีสงฆ์ภายในหอประชุมกิตติขจร พร้อมทั้งมอบรางวัลให้กำลังพลดีเด่นที่ปฎิบัติหน้าที่ อย่างมีประสิทธภาพและคุณภาพ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งให้โอวาทแก่กำลังพล ตอนหนึ่งว่า กองบัญชาการกองทัพบกแห่งนี้ มีหน้าที่ในการสั่งการในการแก้ปัญหาและวิกฤติประเทศชาติ จะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2557 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์และความจำเป็นที่ต้องรีบเข้าไปแก้ปัญหา โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น และนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน เพื่อปกปักษ์รักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ จึงอยากให้กำลังพลทุกคนได้ภาคภูมิใจในสิ่งที่ผ่านมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ ขอขอบคุณกำลังพลที่ให้ความร่วมมือในการทำงาน ขอให้รักษาความดีงามนี้เอาไว้และร่วมกันดูแลกองทัพบกต่อไป
พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า งานในปีที่ผ่านมา ตนพยายามที่จะทำให้กองทัพบกมีภาพลักษณ์ที่ดี รวมถึงการเอาใจใส่ดูแลกำลังพลในทุกๆด้าน และทุกหน่วยก็ตอบสนองการทำงานให้กับกองทัพบก จนสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่ยอมรับของประชาชน อาจจะมีบางกลุ่มที่ยังมีความคิดเห็นต่าง ไม่ปรารถนาดี และมีความคิดที่ไม่เป็นธรรมให้กับกองทัพบก แต่เชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายมองด้วยความเป็นธรรม จะเห็นว่ากองทัพบกสร้างคุณูปราการให้กับประเทศมาโดยตลอด
‘ผบ.ทบ.’ ย้ำคดีบึ้มราชประสงค์-ท่าสาทรคืบหน้ามาก
28 ส.ค.58 ที่กองบัญชาการทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุระเบิดที่บริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ และบริเวณท่าเรือสาทร ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก แต่ต้องยอมรับว่าคนร้ายที่ตั้งใจจะก่อเหตุ คงมีการวางแผนไว้พอสมควร เราจะเชื่อถือจากสิ่งที่เรามองคร่าวๆ แล้วมาวิเคราะห์แนวโน้ม และฟันธงลงไปเลย ตนมองว่าเราต้องเห็นใจว่าเดี๋ยวจะหลงทาง เพราะฉะนั้นการก้าวย่าง ในการดำเนินการ ที่จะนำเอาหลักฐานไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด หรือวัตถุพยานต่างๆ การวิเคราะห์ต้องมีความชัดเจน ดูให้ลึกซึ้งจริงๆ เราจะมาบอกว่านี้เหตุการณ์เกิดขึ้นมาสัปดาห์เศษแล้วเหมือนคดีไม่คืบหน้า แต่เนื่องจากมีพยานต่างๆ ที่ต่อเนื่องกันไป จากบุคคล และจุดต่างๆ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความเชื่อมโยงต่อไปให้ชัดเจน ในเชิงลึกลงไปให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ตนอยากจะบอกว่าให้ความเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีความพยายามในการสืบหาคนร้ายอย่างเต็มที่ และในวันนี้ตนก็จะกลับไปประชุมที่ศูนย์ติดตามสถานการณ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ร.1 รอ. ซึ่งมีการประชุมประจำวันทุกเช้าอยู่แล้ว
“เราต้องให้ความเข้าใจ และเห็นใจกับทางเจ้าหน้าที่ บางท่านอาจไม่รู้ หรือรับทราบว่า การที่จะสืบหาข้อมูลแต่ละอย่าง ต้องมีความละเอียดรอบคอบจริงๆ การที่จะพูดอะไรออกมาก็อาจจะมีผลกระทบ ถ้าเกิดไม่ใช่ขึ้นมาก็จะทำให้ประเทศชาติเสียหายได้ เพราะบางคนบอกว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากข้างใน หรือข้างนอก ตรงนี้สำคัญต้องระมัดระวังและรอบคอบ จะชี้แจงอะไรออกมาต้องมีความชัดเจนแล้วจริงๆ ซึ่งในขณะนี้ประชาชนอาจจะรู้สึกว่าฟังแล้วอาจจะไม่ชัดเจนนัก ก็ต้องเรียนว่าเราอาศัยความเชื่อมโยงหลักฐานที่มีการสาว การพัวพัน จุดต่างๆ บุคคลต่างๆ หรือวัตถุพยานต่างๆ มาเพิ่มเติมจึงทำให้ใช้เวลาในการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้น จะได้ถูกต้อง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
‘ผบ.ทบ.’ ชม ‘อักษรา’ พูดคุยสันติสุขคืบหน้า
เมื่อเวลา 08.40 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขภายหลังพล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขเดินทางไปพุดคุยกับคณะผู้แทนของกลุ่ม “มารา ปัตตานี” ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แต่งตั้งให้พล.อ.อักษรา มาดำเนินการในคณะพูดคุยสันติสุข โดยในรอบปีที่ผ่านมาพล.อ.อักษราได้ปฏิบัติมาเรียบร้อยและมีความก้าวหน้ามาก ช่วงแรกหลายคนอาจจะใจร้อนมาสอบถามว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง ซึ่งตนเคยบอกมาโดยลำดับแล้วว่าคณะพูดคุยสันติสุขดำเนินการตามขั้นตอนตามนโยบายของนายกฯ และเป็นประโยชน์ต่อการดูแลปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า ในส่วนการดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กองทัพบกได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยตนเป็นรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รองผอ.รมน.) มอบหมายให้พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าดำเนินการในพื้นที่ โดยพยายามดูแลเรื่องความสงบและเกี่ยวข้องกับงานในทุกด้านใน 7 กลุ่มงาน ไม่ใช่เฉพาะงานด้านความมั่นคงเพียงอย่างเดียว อีกทั้งมีคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม เป็นประธานดูแลงานทั้ง 7 กลุ่มงาน โดยพยายามบูรณาการงานทั้งหมดให้กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าดำเนินการ อย่างไรก็ตามเรื่องการพูดคุยสันติสุขเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการที่จะไปสู่ความสำเร็จได้ก็ต้องหารือพูดคุยกัน
‘ผบ.ทบ.’ ขอบคุณ สนช.ผ่านงบฯทบ. เผยส่วนใหญ่เป็นเงินเดือน-เบี้ยเลี้ยงทหาร
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ผ่านวาระ 3 งบประมาณปี 2559 วงเงิน 2.72 ล้านล้านบาทว่า ในส่วนของกองทัพบกไม่น่าจะมีอะไร ทางสนช.มีการปรับบ้างเล็กน้อย แต่เป็นที่น่ายินดีว่าโดยภาพรวมก็ได้รับงบประมาณเพิ่มเติมมาเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้งบประมาณส่วนใหญ่ของกองทัพบกเป็นงบประมาณด้านกำลังพล เพราะจะต้องดูแลค่าใช้จ่ายให้กำลังพล ทั้งเรื่องเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงต่าง ๆ ประมาณเกือบ 60% ส่วนเรื่องภารกิจและงานพัฒนาอื่นๆ ทางกองทัพบกจะต้องจัดสรรงบประมาณโดยการปรับเปลี่ยนยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ อาจมีบ้าง แต่ไม่มากนัก เราพยายามคงสภาพเพื่อให้ศักยภาพกองทัพบกไม่ลดน้อยลงในสายตาของมิตรประเทศ บางครั้งประชาชนอาจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสริมสร้างยุทโธปกรณ์บางอย่าง ขอชี้แจงว่าทุกอย่างล้วนมีความจำเป็นในศักยภาพ ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปทำการรบ แต่เรากำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้นศักยภาพและสิ่งต่าง ๆ ต้องเกื้อกูลการดำรงอยู่ด้วยกัน อีกทั้งมีความทัดเทียมกัน
“ขณะนี้มิตรประเทศหลายประเทศมีความก้าวหน้าในส่วนนี้มาก แต่ของไทยถือว่ายังอยู่ในระดับที่ดี ไม่ว่าจะกองทัพใดก็ต้องพยายาม ขอให้ประชาชนสบายใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสมและความจำเป็น ไม่มีใครอยากนำงบประมาณไปใช้สุรุ่ยสุร่ายหรือจับจ่ายใช้สอยในทางที่ไม่เหมาะสม ทุกคนมีความระมัดระวังและระลึกเสมอว่าจะต้องทำให้ประเทศอยู่ในภาพลักษณ์ที่ดีมีความน่าเกรงขามในระดับที่เป็นที่ยอมรับ มีการพัฒนาด้านต่างๆเป็นสากลทุกเรื่องตามนโยบายนายกรัฐมนตรี แม้ว่าอาจจะถูกปรับลดบางหมวด แต่ก็ต้องขอบคุณสนช. และคณะกรรมาธิการที่พิจารณาเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ กองทัพบกสามารถดำเนินการได้ตามงบประมาณที่ได้รับ” ผบ.ทบ. กล่าว
‘ผบ.ทบ.’ ปัดตอบ 2 พรรคใหญ่ค้านรธน.ชี้เป็นดุลยพินิจ สปช.
เมื่อเวลา 08.40 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มี 2 พรรคการเมืองใหญ่คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ว่า เป็นเรื่องของสปช.ที่จะต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาเรื่องนี้ว่าจะเหมาะสมอย่างไร ส่วนตนเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ไม่สามารถชี้นำก้าวล่วงได้ แต่คิดว่าคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพยายามที่จะนำปัญหาเดิมที่มีอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด แต่แนวความคิดและเหตุผลอาจจะต้องดูรายละเอียดกันอีกครั้ง ขอให้สปช.และส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ส่วนตนก็จะติดตามดูเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีนักการเมืองพยายามเรียกร้องให้คสช.เปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ก็คงจะพยายามที่จะให้โอกาสนี้อยู่แล้ว และจะดูต่อไปว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะให้ประชาชนรับรู้มากยิ่งขึ้น แต่วิธีการจะดำเนินการอย่างไร ถ้าดูแล้วไม่มีปัญหาเรื่องการก่อความไม่เรียบร้อย ก็คงจะพิจารณาและให้ดำเนินการต่อไป ตนอยากจะสนับสนุนแต่ก็คงต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ในหลักการการสร้างความรับรู้เป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ได้เน้นย้ำเสมอ และปัจจุบันอยากให้ประชาชนส่วนต่าง ๆ รับรู้และความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ รวมถึงเรื่องนี้ด้วย
ต่อข้อถามที่ว่า มีหลายฝ่ายเห็นว่าการมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปรองดองและการปฎิรูปแห่งชาติ (คปป.)เป็นอำนาจที่ซ้ำซ้อน พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า คณะกรรมาธิการยกร่างฯได้ให้ความเห็นแล้วว่าร่างตรงนี้ทำมาเพื่ออะไร บางทีอาจตกใจกันเกินไป แต่ก็เป็นเรื่องความคิดเห็น ซึ่งเราก็ต้องพยายามฟัง ตนเห็นว่าบางครั้งก็ไม่ฟังเหตุผลกัน เมื่อมีการคิดก็พูดออกมา ที่ผ่านมาเราเปิดโอกาสให้หลายส่วนเข้ามาชี้แจงในรายการต่างๆของคสช. ขอให้รับฟังกันตรงกัน ถ้ารับไม่ได้ก็เป็นเรื่องการพิจารณาของสปช.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าศปป.ถือว่าเป็นเจตนาดีของผู้ร่างหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น อย่าไปมองว่าจะแฝงอำนาจเพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งเป็นเรื่องที่จะทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าพัฒนาทุกด้าน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสปช.จะพิจารณากันอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป