ข่าว

หาม‘วิโรจน์ นวลแข’ส่งรพ.โรคหัวใจกำเริบ

หาม‘วิโรจน์ นวลแข’ส่งรพ.โรคหัวใจกำเริบ

27 ส.ค. 2558

จนท.เรือนจำนำตัว"วิโรจน์"ส่งรพ.ภายในเรือนจำหลังโรคหัวใจกำเริบด้าน“บิ๊กต๊อก”ลั่นไม่จำเป็นต้องแยกแดนพิเศษเพราะไม่มีความต่างระหว่างนักโทษคดีทุจริตกับอาญาทั่วไป

 
         วันที่ 27 สิงหาคม 2558 นายวิทยา  สุริยะวงค์  อธิบดีกรมราชทัณฑ์  กล่าวถึง การควบคุมกลุ่มผู้ต้องขังคดีผูบริหารธนาคารกรุงไทย ทุจริตปล่อยกู้ให้กฤษดามหานครที่ถูกส่งตัวเข้าคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า  ผู้ต้องขังใหม่ทั้งหมดมีอาการเครียด เนื่องจากไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับโทษจำคุก  จึงไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ทั้งนี้ในขั้นตอนของการตรวจร่างกายผู้ต้องขังส่วนใหญ่มีอายุมากแล้วจึงมีโรคประจำตัวแทบทุกคน  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงพยายามแนะนำให้ผู้ต้องขังใหม่ทำใจและปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตภายในเรือนจำ เพราะคดีสิ้นสุดแล้วไม่สามารถอุทธรณ์ได้อีก สำหรับผู้ต้องขังกลุ่มนี้คงไม่สามารถนำไปฝึกอาชีพได้ โดยช่วงกลางวันเจ้าหน้าที่จะให้ผู้ต้องขังสูงอายุในกลุ่มคดีดังกล่าวมาอยู่รวมกันในแดนการศึกษา เพื่ออบรมธรรมะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมบำบัดเพื่อให้ผู้ต้องขังได้ทำใจ   
 
         “กรมราชทัณฑ์เข้าใจว่านักโทษกลุ่มนี้เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง  เป็นกลุ่มพิเศษ แต่การดูแลก็ไม่สามารถจัดอะไรให้เป็นพิเศษ และไม่สามารถให้อภิสิทธิ์ใด ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาการจำแนกกลุ่มผู้ต้องขังว่าจะขังรวมหรือแยกขัง  อย่างไรก็ตาม  ผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าวมีสิทธิขอพระราชทานอภัยโทษเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป แต่เบื้องต้นผู้ต้องขังแต่ละรายต้องใช้เวลารวบรวมเอกสาร  และนำคำพิพากษามาดำเนินการตามขั้นตอน”นายวิทยากล่าว
 
         ด้านนายอายุตม์  สินธพพันธุ์  ผบ. เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ  กล่าวว่า  จากการรับตัวมาคุมขังพร้อมทำประวัติและตรวจสุขภาพพบว่าทั้ง 16 ราย ส่วนใหญ่ต่างมีโรคประจำตัว  เช่น โรคหัวใจ  เบาหวาน  ไขมันในเลือด  โดยมีบางรายที่มีอาการป่วยกำเริบทำให้ต้องเข้าไปรักษาตัวกับแพทย์  คือนายวิโรจน์ นวลแข  มีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ โดยวันแรกที่รับตัวเข้าเรือนจำนักโทษมีอาการหัวใจเต้นเร็ว  ต้องพึ่งออกซิเจนในการช่วยหายใจ  จึงถูกส่งตัวไปดูอาการที่สถานพยาบาลภายในเรือนจำ  พร้อมกับนายบุญเลิศ  ศรีเจริญ   ส่วนร.ท.สุชาย  เชาว์วิศิษฐ์  มีโรคประจำตัวคือความดัน  นอกจากนี้ยังมีกรณีของนายสุบิน   แสงสุวรรณเมฆา ป่วยโรคตับขณะนี้ถูกส่งตัวไปรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์   อย่างไรก็ตาม จากการเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ต้องขังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบว่าสามารถรับประทานอาหารของเรือนจำได้ปกติ  และมีญาติมาเข้าเยี่ยมแล้ว โดยบางส่วนยังมีอาการเป็นกังวลหลังมีคำตัดสินจำคุก  ทั้งนี้ จะให้นักจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยเพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจอย่างละเอียดอีกครั้ง    
 
         ทางด้านพล.อ.ไพบูลย์  คุ้มฉายา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  กล่าวถึงกลุ่มผู้ต้องขังคดีดังกล่าวซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุว่า หากมีอาการป่วยเรือนจำก็มีสถานพยาบาล  ลและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์สำหรับรักษาตัว  ไม่จำเป็นต้องจัดแดนคุมขังแยกเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่มีความแตกต่างระหว่างผู้ต้องขังคดีทุจริตกับคดีอาญาทั่วไป