ข่าว

 เปิดแผนลอบสังหาร..."สนธิ ลิ้มทองกุล"

เปิดแผนลอบสังหาร..."สนธิ ลิ้มทองกุล"

21 ก.ค. 2552

การลอบสังหาร "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี เป็นคดีที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน เต็มไปด้วยเงื่อนปมที่ผูกโยงกลุ่มบุคคลระดับบิ๊กๆ ชนิดที่เรียกว่าไม่ธรรมดาเข้ามาพัวพันอีนุงตุงนังเต็มไปหมด

 ดังนั้นกุญแจไขปริศนาสำคัญจึงอยู่ที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหา จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา จากกองบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจ บช.ปส.ว่าจะคลี่ปมที่ขมวดอยู่ขยายไปถึงตัวผู้บงการเบื้องหลังได้หรือไม่ และนี่คือสิ่งท้าทายพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้อยู่ !?!

 นับตั้งแต่ทั้งสองถูกออกหมายจับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ได้รายงานความคืบหน้าด้านการสืบสวนสอบสวนให้แก่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบตลอดจนรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ขนาดนายกฯ หล่อใหญ่ยังประกาศเสียงดังฟังชัดว่า จะไม่มีมวยล้มไม่ว่าใครจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แต่การจะทำได้เช่นนั้นต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่จะมัดตัวผู้เกี่ยวข้องและจอมบงการ

 ทั้งนี้ ตามข้อมูลการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ประเด็นสังหารแกนนำเสื้อเหลืองและผู้ก่อตั้งเอเอสทีวีครั้งนี้ เกิดจากการแย่งชิงอำนาจของคนกลุ่มหนึ่ง ร่วมมือกับคนที่กำลังจะเสียอำนาจอีกกลุ่มหนึ่ง เพราะนับตั้งแต่รัฐบาลมาร์ค 1 เข้ามาบริหารประเทศ ต่างก็เพ่งเล็งถึงกับจับจ้องไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่ง ที่มองว่านำข้อมูลชั้นความลับไปขายให้ฝ่ายตรงข้าม

 สาเหตุที่ถูกมองเช่นนั้นเป็นเพราะความสัมพันธ์อันหวานชื่นในอดีต ระหว่างบิ๊กผู้นี้กับนายใหญ่และนายหญิง นอกจากนี้เขายังถูก พล.อ.นอกราชการขั้วเดียวกับนายใหญ่คนหนึ่งเรียกใช้ในทางลับๆ อยู่บ่อยๆ

 ในฐานะข้าราชการเขายังมีสายสัมพันธ์ฉันเพื่อนร่วมรุ่นกับนายทหารคนหนึ่งชื่อว่า "พันเอก ส." ซึ่งมีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการรบค่อนข้างสูง แต่ขาดศักยภาพด้านเครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นไฮเทคโนโลยีที่ทางการทหารไม่มีใช้

 เมื่อคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการแย่งชิงอำนาจผนวกเข้ากับคนที่กำลังจะสูญเสียทุกอย่างไป ผลประโยชน์ทุกอย่างลงตัว แผนการสังหารแกนนำเสื้อเหลืองจึงเกิดขึ้น เริ่มจากการติดตามความเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดักฟังทางโทรศัพท์ !?!

 ด้วยเหตุนี้ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจ บช.ปส.ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดักฟังเป็นพิเศษจึงถูกเรียกตัวมาใช้งาน เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานอยู่ในบริษัทโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง ซึ่งนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งเคยเรียกใช้และถูกชะตา ถึงกับดึงตัวเข้ามาเป็นตำรวจในตำแหน่งพลขับ ก่อนจะถูกเรียกไปช่วยราชการตามสายงานต่างๆ

 ด้วยความเชี่ยวชาญและช่ำชองเป็นพิเศษ ส.ต.ท.วรวุฒิ ยังเป็นหนึ่งในทีมสังหาร "กำนันยูร" หรือ "ประยูร สิทธิโชค" ผู้กว้างขวางเมืองชลบุรี เมื่อถูกเรียกมาใช้งานเขาจึงมีหน้าที่ติดต่อหาชุดทำงานด้วย โดยค้นหาเอาจากทีมสังหารชุดเดิมที่รอดพ้นจากคดีเก่า

 เมื่อทุกอย่างลงตัวจึงนัดวางแผนกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี ที่วรวุฒิคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาเคยเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้บ่อยครั้ง ทุกครั้งมักจะใช้รถยนต์ของทางราชการเป็นยานพาหนะ ทำให้มีพยานหลายปากจดจำตำหนิรูปพรรณเขาได้ขึ้นใจ โดยแผนสังหารถูกวางไว้ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ก่อนลงมือ กำหนดยุทธศาสตร์การรบเอาไว้ที่แยกบางขุนพรหมเท่านั้น !?!

 แยกบางขุนพรหมมีลักษณะเฉพาะคือ เป็นคอขวด จึงง่ายต่อการลงมือสังหารมากที่สุด หลังจากนั้นทีมสังหารได้แยกย้ายกันทำหน้าที่ขับรถตามประกบความเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตร เป็นเหมือนกับการซักซ้อมเรื่องเวลาและสถานที่ลงมือให้ผิดพลาดน้อยที่สุด ก่อนจะเลือกเวลาลงมือช่วงที่มีการประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

 แรกๆ ชุดสืบสวนสันนิษฐานไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับประเด็นการลงมือช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หนึ่งในนั้นเป็นเพราะ ส.ต.ท.วรวุฒิ จะเป็นคนตัดสัญญาณทำให้กล้องวงจรปิดละแวกนั้นเสีย แต่ท้ายที่สุดแล้วกลับมีข่าวทำนองว่า เป็นเพราะสายเคเบิลวงจรปิดจะถูกพ่วงต่อไปยังหน่วยงานแห่งหนึ่ง ซึ่งใครบางคนอยากเห็นปฏิบัติการที่แยกบางขุนพรหม ?

 แต่แล้วเมื่อถึงเวลาลงมือจริงเหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ แทนที่ชุดปฏิบัติการจะใช้กระสุนเจาะเกราะยิงยางรถโตโยต้า อัลพาร์ด ของแกนนำเสื้อเหลืองก่อนถึงแยกบางขุนพรหม เพื่อให้รถไปหยุดคาสี่แยกไฟแดง แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันไม่เป็นดังคาด ทุกอย่างกลับตาลปัตร ส่งให้คดีนี้กลายเป็นหนังเรื่องยาวชนิดไตรภาค

 หลังเกิดเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการตั้งชุดทำงานออกเป็น 3 ชุด ออกสืบสวนหาเบาะแสคนร้ายและพยานหลักฐานต่างๆ กระทั่งเข้าใกล้ความจริงทุกทีๆ ก็มีคำสั่งให้ยุติการสืบสวนสอบสวนอย่างไม่มีเหตุผล มีกระบวนการปล่อยข่าวทำลายขวัญพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน มีไส้ศึกจำพวกกาคาบข่าว สร้างความท้อแท้แก่ชุดทำงาน

 แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะถึงทางตัน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสอบสวนก็ฝ่าทางตันนี้ได้ ด้วยการขออนุมัติออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา ด้วยหวังว่าเมื่อจับกุมตัวได้แล้วจะสามารถขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการได้