ข่าว

สแกนตุ๊กตุ๊ก2พันคันแกะรอยบึ้มราชประสงค์

สแกนตุ๊กตุ๊ก2พันคันแกะรอยบึ้มราชประสงค์

20 ส.ค. 2558

สแกนตุ๊กตุ๊ก2พันคันแกะรอยบึ้มราชประสงค์ กรมศิลป์ลงพื้นที่บูรณะซ่อมแซมศาลท้าวมหาพรหม วางทีเอ็นทีปลอมป่วนเมืองสัตหีบ โคราชตรึงกำลังอุดรฯป้องสนามบิน

              20ส.ค.2558 ตำรวจชุดสืบสวนคดีคนร้ายวางระเบิดบริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ พยายามตามหาคนขับรถตุ๊กตุ๊กที่รับคนร้ายจากแยกศาลาแดงมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสติดตามตัวคนร้าย โดยหลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ารถตุ๊กตุ๊กคันที่รับคนร้ายมานั้น มีโครงรถเป็นสีคาดแดง ก่อนจะทราบว่าเป็นรถของบริษัทสหกรณ์แห่งหนึ่งในย่านรองเมือง ซึ่งมีรถอยู่จำนวน 2,000 คัน จึงทำให้ชุดสืบสวนต้องรถสอบรถตุ๊กตุ๊กทั้งหมด เนื่องจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่จับเลขทะเบียนไม่ชัดเจน

              ขณะที่ช่างปูนกำลังซ่อมแซมรั้วรอบศาลท้าวมหาพรหม หลังจากได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ณ สี่แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ
 

กรมศิลป์ลงพื้นที่บูรณะซ่อมแซมศาลท้าวมหาพรหม

             นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการที่ผู้อำนวยการสำนักช่างสิบหมู่ และเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่บริเวณศาลพระพรหม เพื่อสำรวจความเสียหายหลังเกิดเหตุระเบิด ได้รับรายงานว่า เนื่องจากเป็นพื้นที่โปร่ง แรงระเบิดจึงไม่ส่งผลกระทบต่อองค์พระพรหมมากนัก พบความเสียหายเล็กน้อยประมาณ 12 จุด มีเพียงส่วนคางที่แตกหักเสียหายมาก ส่วนตัวศาลาที่ติดกระจกแตกหักเสียหายบ้าง ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายองค์พระพรหม แต่จะส่งปฏิมากรและช่างในกลุ่มงานประณีตศิลป์เข้าดำเนินการในพื้นที่และเริ่มบูรณะซ่อมแซมในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคมนี้

             โดยจะใช้ปูนปลาสเตอร์ตกแต่งพระพักตร์และบริเวณที่เสียหาย ก่อนจะลงรัก และทำการปิดทองใหม่ทั้งองค์ เพื่อให้ทองเสมอกันไม่เป็นรอยด่าง คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ศาลพระพรหมอยู่ในความรับผิดชอบของมูลนิธิท่านท้าวมหาพรหม กรมศิลปากร จะทำการประสานงานกับมูลนิธิฯ ในการดำเนินการต่างๆ ต่อไป


วางทีเอ็นทีปลอมป่วนเมืองสัตหีบ

              เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.45 น. นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอสัตหีบ ได้รับการประสานจาก ชาวบ้านพบกล่องต้องสงสัย มีวัตถุคล้ายระเบิดโผล่ออกมาด้านนอก ถูกนำมาวางทิ้งไว้โคนเสาไฟฟ้า ริมถนนขาออก ภายในซอยข้างแพล้นปูน ถนนสาย 332 ม.10 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงได้สั่งการให้ นายชวัฒน์ เทพทัพ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลังเข้าเคลียพื้นที่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารเรือ ป้องกันประชาชนออกให้พ้นรัศมี เพื่อความปลอดภัย ทำเอาชาวบ้านในพื้นที่ต่างพากันแตกตื่น ระทึกกับเหตุการณ์อย่างมาก

              จากนั้น ร.ต.ต.ธนเมศฐ์ โพธิพันธ์ รอง สวป.สภ.สัตหีบ อดีตพลร่ม ประจำตู้ยามเขาคันธมาทน์ ที่เข้าร่วมในการตรวจสอบครั้งนี้ ได้อาศัยความชำนาญการด้านเก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบในเบื้องต้น พบเป็นกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมสีน้ำตาล ใช้ใส่อุปกรณ์ประปา ถูกปิดผลึกด้วยสก๊อตเทปใสอย่างแน่นหนา ที่ฝากล่องถูกเจาะรู มีท่อพีวีซี สีเหลือง จำนวน 5 ท่อ มัดรวมกันพันทับด้วยเทปพันสายไฟสีดำ ต่อสายไฟออกจากปลายท่อ ลักษณะคล้ายระเบิด TNT นอกจากนี้ ยังพบว่า มีสายไฟสีขาว ต่อออกจากตัวกล่อง โยงเข้าไปในพงหญ้า

              ด้วยเห็นว่า ลักษณะโดยรวม ไม่ปรากฏบ่งชี้ว่า เป็นวัตถุระเบิดของจริง ร.ต.ต.ธนเมศฐ์ จึงตัดสินใจใช้มีดคัตเตอร์ กีดเปิดปากกล่อง เพื่อเปิดดูด้านใน ท่ามกลางการลุ้นระทึก ของเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ที่เฝ้าดูอยู่ในเหตุการณ์ แต่ก็ทำให้ทุกคนต้องโล่งอกเมื่อพบว่า ในกล่องว่างเปล่า เป็นเพียงระเบิดปลอมเท่านั้น

              ด้าน นายปริญญา โพธิสัตย์ นายอำเภอสัตหีบ กล่าวว่า เหตุการณ์วางระเบิดปลอม สร้างสถานการณ์ในครั้งนี้ น่าจะเป็นความคึกคะนองของคนกลุ่มหนึ่ง นำมาวางไว้ตั้งแต่ช่วงกลางดึก ที่หวังออกมาสร้างสถานการณ์ในช่วงเป็นกระแส ควบคู่ไปกับเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้เชื่อมโยงเกี่ยวกับความขัดแย้งอันใด หรือหมายปองร้ายใคร เพราะเนื่องจากพื้นที่ที่นำระเบิดปลอมมาวางนั้น ไม่มีบ้านเรือนประชาชนอาศัยอยู่

              อย่างไรก็ตาม การสร้างสถานการณ์ในครั้งนี้ ได้สร้างความโกลาหลให้กับทุกฝ่าย เบื้องต้น ได้มอบหมายให้ทาง สภ.สัตหีบ ดำเนินการติดตามจับกุมผู้สร้างสถานการณ์มาลงโทษให้จงได้

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ผู้ไม่หวังดี นำระเบิดปลอดมาวางสร้างสถานการณ์นั้น ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างชื่นชนกับความใจเด็ดเดี่ยวของ ร.ต.ต.ธนเมศฐ์ โพธิพันธ์ รอง สวป.สภ.สัตหีบ อดีตพลร่ม ทีไม่กลัวตายนำความรู้สมัยเป็นอดีตพลร่ม เข้าเก็บกู้ระเบิดด้วยตนเอง เพื่อปิดฉากสถานการณ์ในครั้งนี้ลง ได้อย่างน่าชื่นชม


นครราชสีมาสนธิตรึงกำลังศาลากลาง

              ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการดูแลความปลอดภัยภายศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ยังคงมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนกว่า 20 นาย กระจายตามจุดต่างๆ ทั่วบริเวณโดยรอบศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นอกจากนี้ ยังได้มีการปิดประตูทางเข้าศาลากลางจังหวัดฯให้เหลือเพียง 1 ช่องทาง พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อบันทึกภาพรถยนต์และบุคคลที่เข้าออกศาลากลางจังหวัดฯ

              อีกทั้งยังได้ทำการปิดประตูทางออก ที่บริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดฯจากเดิม ที่เคยมีประตูทางออกถึง 3 ทาง ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้มีการนำโซ่และแม่กุญแจมาล็อคประตูทางออก บริเวณด้านหลังศาลากลาง จำนวน 2 ทาง ทั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้รถยนต์หรือบุคคลที่เข้าออกศาลากลางนั้นได้ถูกกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานในการเข้าออก อีกทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ต่างๆในพื้นที่


 อุดรธานีคุมเข้มสนามบินหวั่นเหตุร้าย

              ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมทหารจาก ร.13 พัน.2 และกำลัง รปภ.ของสนามบิน ยังคงสนธิกำลังคอยตรวจตราความเรียบร้อย ภายในอาคารผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก เป็นวันที่ 2 หลังจากเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ โดยมาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการที่เข้มงวดขึ้น เนื่องจากสนามบินท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่มีครอบครัวแต่งงานกับคนไทยใน จ.อุดรธานี


โฆษกกอ.รมน.ภาค4สน.แถลงสรุปรอบสัปดาห์

              เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องแถลงข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงสรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงตั้งแต่ 13 – 19 สิงหาคม 2558 สรุปภาพรวมสถานการณ์และผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ คือภาพรวมสถานการณ์ในห้วงเวลา ได้เกิดเหตุการณ์รวม 11 เหตุการณ์ ไม่มีคดีความมั่นคง โดยแยกเป็นเรื่องส่วนตัว 5 เหตุ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 6 เหตุ มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และได้รับบาดเจ็บ 4 ราย โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงสร้างสถานการณ์ความรุนแรงด้วยการลอบยิง และลอบวางระเบิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และพี่น้องประชาชน ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหว ชี้นำทางความคิด บิดเบือนข้อเท็จจริงขององค์กรเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือในระบบอำนาจรัฐ และสร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นในพื้นที่

              “ส่วนความคืบหน้างานด้านการพัฒนาที่สำคัญในพื้นที่ มีความคืบหน้าการก่อสร้างถนน 37 สายทาง ใน 37 อำเภอ ระยะทาง 164.8 กิโลเมตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยทหารช่าง จากกองทัพภาคที่ 1 – 4 และ กรมการทหารช่าง ภายใต้หลักคิด “สร้างถนนในใจ พี่น้องประชาชน” ดำเนินการแล้วเสร็จ 33 เส้นทาง ปัจจุบันส่งมอบแล้ว 19 เส้นทาง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 4 เส้นทาง ผลการปฏิบัติในภาพรวมคิดเป็นร้อยละ 97.71 เร็วกว่าแผนงานร้อยละ 13.31 และความคืบหน้าโครงการความต้องการตามความเดือดร้อนของประชาชนที่ส่วนราชการ สามารถให้การสนับสนุนได้ จำนวน 2,788 โครงการ งบประมาณ 3,458 ล้านบาทเศษ โดยปัจจุบันดำเนินการแล้ว 1,185 โครงการ คิดเป็นจำนวนเงิน 1,615 ล้านบาทเศษ” พันเอกปราโมทย์ กล่าว