
ตร.เร่งไล่ล่าต่างชาติต้องสงสัยวางกระเป๋าก่อนบึ้ม
18 ส.ค. 2558
ตร.เร่งไล่ล่า ต่างชาติ ต้องสงสัย หลังพบภาพวงจรปิดถือกระเป๋าเป้ขนาดใหญ่ วางใต้เก้าอี้ในศาลพระพรหม ทำทีเดินกดโทรศัพท์มือถือก่อนระเบิดเสียงดังสนั่น
ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งคนไทยและชาวต่างชาติล่าสุด จำนวน 20 ราย และยังมีผู้บาดเจ็บอีกร้อยกว่าราย โดยเมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 18 สิงหาคม รายงานข่าวจากชุดสืบสวน เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดดังกล่าว ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก พบภาพชายต้องสงสัยลักษณะเป็นชาวต่างชาติ รูปร่างท้วม สวมแว่นตา นั่งรถสามล้อเครื่อง ตุ๊กตุ๊ก จากแยกศาลาแดง วิ่งผ่านแยกราชประสงค์ ก่อนที่จะกลับรถอย่างรวดเร็วและวิ่งตรงเข้าจอดที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ที่อยุ่ใกล้เคียงศาลพระพรหม จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ถือกระเป๋าเป้ ลักษณะขนาดใหญ่สีดำและมีน้ำหนักมาก เดินตรงเข้ามานั่งที่เก้าอี้ด้านใน ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านหน้าติดรั้วของศาลพระพรหม พร้อมกับวางกระเป๋าเป้ ไว้ข้างใต้เก้าอี้ โดยที่ไม่มีใครสังเกตุและไม่พิรุธแต่อยางใด
จากภาพวงจรปิดพบว่าชายคนดังกล่าวนั่งอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่ลุกขึ้นโดยไม่ได้หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา ทำทีเดินคุย และกดโทรศัพท์มือถือและรีบเดินหนีออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะมีเสียงระเบิดดังขึ้น และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยตำรวจได้ส่งสายสืบลงพื้นที่ติดตามชายคนดังกล่าว พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาเบาะแส และเส้นทางที่ชายต้องสงสัยคนดังกล่าวใช้หลังเกิดเหตุ
หมอ รพ.ตำรวจผ่าตัดยื้อชีวิตหนุ่มญี่ปุ่นเหยื่อบึ้มสำเร็จ
เมื่อเวลา 02.30 น. ที่ รพ.ตำรวจ แขวงและเขตปทุมวัน กทม. พล.ต.ต.วิฑูรย์ นิติวรางกูร รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เปิดเผยว่า ในขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 20 ราย โดยในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจมีผู้เสียชีวิต จำนวน 16 ราย ขณะที่โรงพยาบาลจุฬา มีผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย และโรงพยาบาลกลาง มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย ซึ่งล่าสุดร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกนำส่งมาไว้ที่สถาบันนิติเวช และโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว
ขณะที่ยอดผู้ป่วยจากศูนย์เอราวัณพบว่า มีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ แล้ว จำนวน 123 ราย โดยในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจ มีผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัส จำนวน 6 ราย ซึ่งมี 2 ราย อาการอยู่ในขั้นวิกฤต
โดยเป็นชายชาวญี่ปุ่นชื่อ นายโคตะ อันโดะ (Mr.KOTO ANDO) อายุ 31 ปี ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณแผนหลังจำนวนหลายแห่ง เมื่อผู้ป่วยชาวญี่ปุ่นเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลได้หมดสติจากการเสียเลือดมาก ทีมแพทย์ได้รีบผ่าตัดรักษาอาการให้โดยด่วน โดยที่ผู้ป่วยมีแผลที่บริเวณแผ่นหลังจำนวนหลายแผลทะลุไปถึงช่องท้อง และอวัยวะภายในมีการฉีกขาดจำนวนมาก ซึ่งทางทีมแพทย์ได้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่ของผู้ป่วยทิ้งออกไปบางส่วน และผ่าตัดห้ามเลือดเพื่อยื้อชีวิตของผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยอยู่ในสภาวะดีไอซี หรือสภาวะเลือดแข็งตัว ทำให้เป็นอุปสรรคในการรักษา แม้ทีมแพทย์จะให้เลือดกับผู้ป่วยมากเท่าไหร่ แต่ผู้ป่วยก็ไม่สามารถรับเลือดได้เลย แต่ในขณะนี้ผู้ป่วยชาวญี่ปุ่นมีอาการดีขึ้นแล้ว แม้ผู้ป่วยนั้นยังไม่ได้สติก็ตาม โดยในขณะนี้ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน และต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่เป็นเด็กหญิงชาวจีน อายุ 10 ปี ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด หลังได้รับการผ่าตัดห้ามเลือดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 06.00 น.เจ้าหน้าที่ชุกเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี จะเข้าไปตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นในเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.จะเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานเพื่อติดตามตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ